หยางอี้เสียงมองบุตรสาวบุญธรรมที่เฉไฉทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่ถูกหยอกล้อ หลัวหลิวหยางเป็นศิษย์ที่สร้างชื่อให้สำนักไผ่หยกของเขา แต่เดิมครอบครัวของหลัวหลิวหยางไม่ใช่ตระกูลขุนนางเก่าแก่หรือนักรบ เป็นเพียงชาวนาที่มีลูกมาก หลัวหลิวหยางมีความเพียรพยายามใฝ่หาความรู้และฝึกฝนเพลงยุทธ์แม้แรกเริ่มจะเป็นครูพักลักจำ แต่เมื่อเขาเห็นแววของเด็กชายคนนี้จึงยื่นมือเข้าสอนสั่ง และฝากฝั่งให้เรียนเพลงยุทธ์กับสหายที่มีฝีมือโดยไม่คิดค่าเล่าเรียน หลัวหลัวหยางมีทักษะที่ดีเยี่ยม โดดเด่นและผลักดันตัวเองเข้ากองทหารตั้งแต่อายุยังน้อย ไต้เต้าด้วยความสามารถจนบัดนี้อายุยี่สิบหก ได้เป็นแม่ทัพพิทักษ์บูรพา ฐานะความเป็นอยู่ครอบครัวจากชาวนายากไร้กลายเป็นตระกูลที่มีคนเคารพยกย่อง พี่น้องในครอบครัวพลอยเป็นอยู่สุขสบาย มีเพียงแค่หลัวหลิวหยางที่ยังแบกรับภาระหน้าที่และไร้คู่เรียงหมอน และคาดว่าจะไม่มีลูกสาวบ้านไหนกล้าแต่งกับบุรุษที่มีดวงกินภรรยาเช่นนั้น
ลูกศิษย์ของเขามักมองหลัวหลิวหยางเป็นแบบอย่างซึ่งนับเป็นเรื่องดี และไม่แปลกใจที่จางฟางซินจะชื่นชมบุรุษเช่นหลัวหลิวหยาง ตั้งแต่นางยังเด็กก็ได้ยินเรื่องหลัวหลิวหยางราวกับเป็นนิทานก่อนนอน เติบโตขึ้นพร้อมเรื่องเล่าของวีรบุรุษ เมื่อใดก็ตามที่หลัวหลิวหยางกลับมาเมืองหลวงจะแวะมาเยี่ยมเยือนเขาทุกครั้ง จางฟางซินที่กล้าหาญจะกลายเป็นคนเขินอายแอบหลบด้านหลัง ทำได้เพียงแค่แอบมอง
แต่เรื่องที่หยางอี้เสียงไม่รู้คือ จางฟางหรงที่มีนิสัยรักสนุก แม้จะไม่เชี่ยวชาญตำราพิชัยยุทธแต่เขาเป็นบุรุษที่ชื่นชอบการเขียนโคลงกลอน มีความสามารถโดดเด่นและมักไปชุมนุมสนทนากับเหล่าบัณฑิต และบังเอิญไปสนิทสนมกับองค์รัชทายาทที่ปลอมกายออกมาท่องเที่ยวนอกวัง ยามใดที่จางฟางหรงออกไปชุมนุมกับเหล่าบัณฑิต จางฟางซินจะออกไปด้วย นางแต่งกายเป็นบุรุษ แต่ก่อนยังเยาว์วัย จางฟางซินมักแต่งกายเป็นชายเสมอ เพราะนิสัยนางที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตนอกรั้วบ้าน บิดามารดารักใคร่เอ็นดู ตามใจลูกสาวคนเดียว จางฟางหรงจึงเหมือนมีคู่แฝด แต่เมื่อเติบโตขึ้น รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ในขณะที่นางอรชรอ้อนแอ้น ความแตกต่างระหว่างชายหญิงเห็นได้เด่นชัด แม้ว่านางพยายามปกปิดเพียงใดก็ตาม
ในบางประเด็นที่ถกเถียงกัน จางฟางซินที่แต่งกายเป็นชายติดตามจางฟางหรง ไม่อาจแสดงความคิดใดได้ นางจึงเขียนจดหมายน้อยให้จางฟางหรงเอ่ยตอบไปแทนนาง ปรัชญาเมธีหรือแม้แต่ตำรายุทธ ล้วนเป็นนางที่ท่องจำเข้าใจอย่างท่องแท้ แต่จางฟางหรงมักชอบการเขียนโคลงกลอนชื่นชมความของธรรมชาติและสตรี ทุกครั้งที่นางอยากถกปัญหาบ้านเมือง นางจะเขียนในจดหมายน้อยโดยใช้ชื่อของจางฟางหรง เป็นเช่นนี้มานานจนทุกคนเข้าใจไปว่าจางฟางหรงผู้มีบุคลิกเสเพลเป็นเสือซ่อนเล็บที่ทรงความรู้ความสามารถ แต่เมื่อไปสอบจอหงวนกลับพลาดอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้น ยามใดที่องครัชทายาทมีปัญหาใดมักมาปรึกษากับจางฟางหรง และจางฟางหรงก็หอบปัญหาเหล่านั้นมาให้จางฟางซินแก้ไข ก่อนจะส่งคำตอบกลับไปในชื่อของเขา
เรื่องที่จางฟางซินใส่ใจที่สุดคือเรื่องของหลัวหลิวหยาง แม้จางฟางหรงมิได้อยากใกล้ชิดคนในรั้วในวังหรือตระกูลขุนนาง แต่ก็ไม่เคยขัดใจพี่สาวคนเดียวที่เหลืออยู่ ทั้งสองทะเลาะโต้เถียงกันบ่อย แต่แท้จริงแล้วรักใคร่กลมเกลียว อาจเพราะ เหลือกันอยู่เพียงแค่นี้
“พี่สาวคนดีจะใช้ชื่อข้าทำเรื่องเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” จางฟางหรงเตือนพี่สาว “ท่านไม่กลัวแม่ทัพหลัวหรือ? เขามีดวงกินภรรยาเชียวนะ ข้ามีท่านเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ไม่อยากเห็นท่านอายุสั้นหรอก”
“พูดจาเหลวไหล”
“หมายถึงเรื่องใด” จางฟางหรงยักไหล่ เก็บจดหมายของจางฟางซินใส่อกเสื้อ เขาถอนหายใจเบาๆ หากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นองค์รัชทายาท เขาจะไม่ทำตัวสนิทสนมด้วยเลย ตอนนี้เขาเลยกลายเป็นเด็กส่งจดหมายให้จางฟางซินเสียนี่
“แม่ทัพหลัวเป็นคนดี” นางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าก็รู้เหมือนข้า เขาเติบโตสร้างชื่อเสียงด้วยตนเอง ไม่มีตระกูลใหญ่สนับสนุน สิ่งที่เขาทำล้วนทุ่มเทเพื่อให้แคว้นของเราสงบสุข เขาไม่อาจทันเล่ห์เหลี่ยมคนในวังที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้หรอก หากข้าไม่ค่อยแนะนำ เอ่อ ไม่ใช่สิ ข้าแค่เสนอความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อ้อ! หากข้าไม่ทำเช่นนี้ผู้ใดจะช่วยเหลือเขาเล่า”
“ขอรับท่านกุนซือ”
“เลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว” นางหัวเราะออกมา หากนางเป็นชายคงสามารถแบ่งเบาภาระเขาได้บ้าง แต่นางเป็นหญิง ซ้ำยังเป็นสตรีที่ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ พูดตามตรงอย่างยอมรับความจริงคือนางไม่มีอะไรเคียงข้างเขาได้ ทว่าสตรีสองคนที่เขาเลือกแต่งงานด้วย ก็เป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อม เล่าลือกันว่ากิริยาอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ซึ่งตรงข้ามกับนางอย่างสิ้นเชิง มองอย่างไร นางก็คงเป็นแค่ฝุ่นผงในสายตาของเขา ซึ่งนางก็เตรียมใจไว้แล้ว
จนกระทั้งวันหนึ่งรัชทายาทลอบมาพบจางฟางหรงด้วยตนเองถึงเรือนของเขา จางฟางซินหลบหลังฉากกั้นฟังเรื่องราวที่รัชทายาทมาปรึกษาหารือ ทหารนำสาส์นถูกลอบสังหาร ข่าวสารและจดหมายที่พยายามลอบส่งไปให้หลัวหลิวหยางถูกดักปล้นชิงไปหมดสิ้น รัชทายาทหวังใจจะให้จางฟางหรงเดินทางไปด้วยตนเอง สติปัญหาอย่างเขาน่าจะช่วยหลัวหลิวหยางได้ดี
“กระหม่อมนะหรือ?” จางฟางหรงชี้หน้าตัวเอง
“ข้ารู้ว่านี่เป็นการขอร้องมากเกินไป”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้น” จางฟางหรงเหลือบมองไปทางฉากกั้นที่พี่สาวซ่อนตัวอยู่ ให้เขาไปจะช่วยอะไรได้ คนที่ช่วยได้คือจางฟางซินต่างหาก
“ให้หม่อมฉันไปเพคะ!”