“เดิมทีข้าควรแสดงตัวต่อท่านในฐานะบุรุษ แต่เกิดเรื่องเสียก่อน หวังว่าท่านจะไม่ขับไล่ข้ากลับไปเพราะเห็นว่าข้าเป็นสตรี”
“ต่อให้ข้าอยากให้เจ้าไป เจ้าก็คงไปไหนไม่ได้” เขาหลุบตามองข้อเท้าของนางที่ถูกพันผ้าไว้อย่างแน่นหนา “อย่างน้อยก็หนึ่งเดือน”
จางฟางซินนึกอนาถใจ นางไม่มีสิ่งใดดึงดูดใจเขาได้เลย นี่นางควรขอบคุณโจรเหล่านั้นที่ทำให้นางบาดเจ็บจนไปไหนไม่ได้สินะ
“ตอนนี้ผู้อื่นรู้แล้วเจ้าเป็นสตรี ก็อยู่ในฐานะสตรีเถิด ข้าเรียกเจ้าจางฟางซินได้ใช่ไหม”
“อืม” นางพยักหน้ารับ แล้วนึกได้ว่าตนเองพูดจาไม่สุภาพนักจึงเอ่ยขึ้นใหม่ “เจ้าค่ะ”
“เพื่อไม่ให้ผู้อื่นสงสัยฐานะของเจ้า ข้าคิดว่า...”
“ท่านแม่ทัพสามารถบอกผู้อื่นได้ว่า ข้าเป็นคนที่มารดาของท่านส่งมาปรนนิบัติรับใช้ท่าน ข้ากับท่านจำเป็นต้องใกล้ชิดกัน เราไม่อาจรู้ได้ว่ามีใครทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ หากผู้อื่นรู้ว่าข้าเป็นคนขององค์รัชทายาท เกรงว่าทั้งข้าและท่านจะไม่ปลอดภัย”
มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แม้จะเล็กน้อยก็เห็นชัดว่าเป็นรอยยิ้ม จางฟางซินรู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเขาจะยอมฟังแผนการไร้สาระของนางด้วยท่าทางใจเย็นเช่นนี้
“ดี ตกลงตามนั้น”
“อื้ม เอ่อ เจ้าค่ะ”
“เจ้าคงอยู่ในฐานะบุรุษมานาน เห็นทีต้องฝึกเป็นสตรีหน่อยกระมัง” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก เมื่อนางเป็นฝ่ายเสนอความคิดเอง เขาก็ไม่ใส่ใจว่านางจะเสียชื่อเสียงหรือไม่ อย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรให้เสีย และที่สำคัญคือการเคลื่อนไหวของต่างแคว้นที่สอดคล้องกับฝ่ายที่หวังโค่นล้มอำนาจขององค์รัชทายาท
“เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าจะให้คนมาดูแล”
“ขอบคุณ” นางถอนหายใจเบาๆ “เอ่อ...”
“ว่ามา”
“ข้าอยากอาบน้ำ..”
หลัวหลิวหยางเลิกคิ้ว “สระผมด้วยไหม?”
“ถ้าได้เช่นนั้นข้าจะขอบคุณยิ่ง”
“ข้าจะสั่งเด็กๆ ดูแลเจ้า”
“ขอบคุณ”
“อืม”
นางไม่คิดว่านั้นเป็นคำถามประชด เขาเป็นทหาร ใช้ชีวิตในสนามรบมากกว่าบ้านเกิดอันอบอุ่น การพูดของเขาจึงเด็ดขาดเหมือนเป็นคำสั่งเสมอ ร่างสูงใหญ่ที่นางเคยแอบมองอยู่หลายครั้งเดินออกไปแล้ว นางผ่อนลมหายใจยาว หวังใจว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะไม่มีอุปสรรคใดอีก
นางได้แต่ภาวนาในใจ
.......
เรือนหลังนี้ช่างเงียบสงบ มีแสงอ่อนๆ ลอดผ่าน กระทบเครื่องเรือนงดงามและประณีต มันสวยมากแต่ดูแปลกและน่าอึดอัด
จางฟางซินใช้ความพยายามทั้งหมดยันกายลุกขึ้นนั่งและมองรอบๆ ผ่านมาสามวันความเจ็บปวดรวดร้าวทุเลาลง แต่จุดที่เจ็บปวดที่สุดคือข้อเท้าของนาง ท่านหมอทหารยืนยันหนักแน่นว่านางสามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติอย่างแน่นอน แต่บางครั้งนางยังมึนงงราวกับยังไม่ตื่นจากความฝัน จนกระทั้งมือหยาบกร้านวางบนไหล่ของนางเป็นการยืนยันว่านางมิได้ฝันไป
“ยังฝันร้ายอยู่อีกหรือ?”
“ฝันร้าย?”
นางเอ่ยทวนคำที่ได้ยิน เหตุการณ์นั้นไม่ใช่ความฝัน มันเป็นเรื่องจริงที่กลายเป็นฝันร้ายของนาง เหเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กที่นางเคยตกหลังม้า ทำให้นางไม่กล้าขี่ม้าอีก จางฟางหรงมักหัวเราะเยาะนางเรื่องนี้เสมอ แต่เขาก็ดึงมือนางให้นั่งม้าตัวเดียวกัน จางฟางหรงไม่ค่อยแสดงท่าทางห่วงใยนาง ไม่มีคำพูดดีๆ ให้กำลังใจ แต่นางรู้ว่าจางฟางหรงเป็นห่วงนาง นางเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่เช่นเดียวกับนางที่มีเขาเป็นญาติคนเดียวเช่นกัน คิดถึงตอนนี้นางเผลอหัวเราะเบาๆ ออกมา
เสียงหัวเราะแม้แผ่วเบานั้นทำให้หลัวหลิวหยางเลิกคิ้ว มือของเขายังวางบนไหล่ของนาง ร่างกายนางบอบบางถึงเพียงนี้ หากเขาเผลอออกแรงมากไปสักหน่อยคงหักกระดูกนางได้เป็นแน่ เจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นผู้นี้กลับเดินทางมาเพียงลำพังเพื่อพบเขา และบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเขา
เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
จางฟางซินได้สติ นึกขึ้นได้ว่าหลัวหลิวหยางเข้ามาดูอาการของนาง นางจึงเอ่ยขึ้น
“ตอนเด็กๆ ข้าเคยตกหลังม้า นับจากนั้นข้าไม่กล้าขี่ม้าเพียงคนเดียวอีกเลย มันเป็นม้าที่สูงกว่าข้าไม่เท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดวันนั้นมันเกิดพยศทำให้ข้าตกลงมา แม้จะบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ความรู้สึกที่อยู่บนหลังม้าที่พยศนั้นข้าจำได้อย่างดี ความทรงจำนั้นกลายเป็นฝันร้ายของข้า มาบัดนี้เห็นทีว่าการอยู่ในรถม้าที่ตีลังกาหลายตลบจะเป็นฝันร้ายแทนทีการตกม้าครั้งนั้นของข้าแล้ว”
“เจ้าจำอะไรได้ไหม” เขาถาม
“ข้าจำท่านได้” นางตอบด้วยรอยยิ้ม แม้นางจะแอบมองเขาจากที่ไกลๆ แต่นางยังจำดวงตาคมเข้มดุดัน โหนกแก้มสูง จมูกดุจเหยี่ยวทรงอำนาจที่ปรากฏชัดเจนในความฝันของนางได้ ถ้าการตกม้าคือฝันร้ายของนาง เขาก็คือฝันดีของนางเช่นกัน
“ท่านแม่ทัพ” หญิงสาวรำพึง “ท่านช่วยชีวิตข้า”
“ข้าแค่บังเอิญอยู่ที่นั้น”
จางฟางซินคิดพลางหลับตาลงช้าๆ เขาพูดถูกต้องทุกอย่าง เขาแค่บังเอิญผ่านมาในยามที่นางเดือดร้อน หากไม่ใช่เพราะนางคือ ‘จางฟางหรง’ เขาคงไม่เสียเวลามาใส่ใจนางถึงเพียงนี้ คิดได้ดังนั้นก็สูดลมหายใจลึก ยืดแผ่นหลังตั้งตรงแล้วสบตากับเขา
“ข้าดีขึ้นแล้ว เรามามาคุยเรื่องงานกันเถิด”
“งาน?”
“ใช่” นางพยักหน้ารับ “หรือท่านยังไม่เชื่อว่าข้าคือจางฟางหรงจริงๆ”
หลัวหลิวหยางปล่อยมือจากไหล่นาง ถอยหลังมาเล็กน้อยกวาดตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียง รอยฟอกช้ำยังเห็นอยู่เด่นชัด แต่สีหน้าของนางดีขึ้นมากแล้วจริงๆ
“ข้าเชื่อเจ้า”
“ท่านเชื่อข้าง่ายถึงเพียงนี้”
นางขมวดคิ้ว ที่ผ่านมานางกังวลมาตลอดว่าเขาจะไม่ยอมรับนาง เช่นนั้นการเดินทางของนางจะสูญเปล่า