นางไม่อยากเชื่อเลยสักนิด
เมื่อครู่นางยังชื่นชมความงามของทัศนียภาพข้างทาง
ทว่าเพียงพริบตา รถม้าวิ่งเร็วผิดจังหวะ นางกำลังจะตะโกนถามสารถีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
รถม้าของนางก็เหมือนถูกกระแทกอย่างแรง รถม้าหมุนคว้าง
ร่างของนางกระแทกผนังของรถม้าหลายครั้ง ราวกับกระดูกทุกชิ้นหลุดออกจากข้อต่อ นางหวีดร้องอย่างลืมตัว จนกระทั้งทุกอย่างสงบลง
นางขยับตัวเพียงเล็กน้อยแต่เจ็บปวดจนต้องหลั่งน้ำตา
หูสองข้างยังอื้ออึง สมองยังมึนงง นางรับรู้การเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ดวงตากลมพยายามเบิกกว้างจ้องมองภาพผ่านม่านน้ำตา
มือที่พอขยับได้ควานหาอาวุธ ทว่านางกลับพบมีดสั้นที่อาจารย์มอบให้ติดตัว นางกำมีดพกแน่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางจะไว้ป้องกันตนเองได้
“อย่าขยับ!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นทำเอาร่างของจางฟางซินชะงักงันไปชั่วขณะ
นางมองเห็นใบหน้าผู้เข้ามาไม่ชัด
แต่เป็นกระบี่เปื้อนโลหิตนั้นกลับทำให้เบิกตากว้าง
ปลายกระบี่อยู่ใกล้ใบหน้านางมากจนแทบจะรู้สึกได้ถึงรสชาติคาวเลือดที่ติดอยู่ที่กระบี่
ความเจ็บปวดถาโถมปล้นชิงสติของนางไปจนหมดสิ้น
รสชาติความตายเป็นเช่นนี้หรือ?
แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหน้านางคือผู้ใดกัน
มัจจุราชมารับดวงวิญญาณนางหรือ?
เหตุใดใบหน้ามัจจุราชจึงดูคุ้นตาเหลือเกิน