เกิดใหม่ครั้งที่ 6

3314 Words
​ เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา เกิดใหม่ครั้งที่ 6 มัวแต่วุ่นวายอยู่กับกับแกล้มจนซุยหลินลืมที่จะหมักเบียร์ไปเลย ร่างบางสะดุ้งลุกขึ้นจากที่นอนโดยที่เจียงเฉิงยังไม่ได้เข้าไปปลุกเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าไปที่ห้องหมักเหล้า เปิดฝาถังที่แช่ข้าวบาร์เลย์ไว้ออก สองพี่น้องเจียงที่ได้ยินเสียงวิ่งของซุยหลินรีบเข้ามาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น “อ้าว.. แล้วมันหายไปไหน” เมื่อเปิดถังที่เคยเอาข้าวบาร์เลย์เอาไว้แต่ว่าไม่เจออะไรอยู่ในนั้นเลยซุยหลินก็ทำหน้างง “เกิดอะไรขึ้นขอรับนายน้อย” “นั่นสิขอรับ ข้าตกใจแทบแย่ตอนเห็นท่านวิ่งออกมา” เจียงสุ่ยและเจียงเฉิงถาม “ข้าวบาร์เลย์ ข้าวที่เราแช่เอาไว้” “ข้าเอาออกไปตากแดดแล้วน่ะขอรับ ก็นายน้อยเคยบอกว่าแช่น้ำไว้สองวัน ข้าคิดว่านายน้อยน่าจะลืมก็เลยเอาไปตากแดดจนแห้งแล้ว” เจียงเฉิงว่าพลางเดินไปหยิบข้าวบาร์เลย์ที่ถูกตากจนแห้งแล้วมาให้ซุยหลินได้ดู “ข้าก็ตกใจหมดคิดว่าต้องเสียข้าวกระสอบนี้ไปเสียแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะอาเฉิง” ซุยหลินตบบ่าสองพี่น้องเจียงอย่างโล่งใจ “งั้นเจ้าสองคนเอาไปบดให้ข้าด้วยนะ เดี๋ยวข้าตื่นอีกครั้งเราจะมาต้มเบียร์กัน” ซุยหลินมอบหมายงานให้แก่สองพี่น้องเจียงเรียบร้อยแล้วก็เดินอ้าปากกว้างหาวออกมาอย่างง่วงงุน เดินกลับเข้าไปในห้องนอนซุกตัวเองเข้าในผ้าห่มผืนบางอีกครั้ง เรื่องไปตลาดเช้าเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ หลังจากที่ซุยหลินตื่นล้างหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จก็เดินออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี เดินเข้าไปทักทายเถ้าแก่ซุยที่นั่งหน้ากระดานหมากรุกแต่เช้าอย่างเช่นทุกวัน “เมื่อคืนท่านหลับสบายไหมท่านพ่อ” “มาแปลก เกิดอะไรดีๆ ขึ้นหรือทำไมเจ้าเดินหน้าบานมาอย่างนั้น” เถ้าแก่หันมามองซุยหลินที่กำลังยิ้มหน้าบานอยู่ “ข้าก็แค่ดีใจที่จะได้หมักเบียร์แล้วน่ะสิท่านพ่อ” ซุยหลินทำปากขมุบขมิบ “แล้วอย่างไรหรือ แค่นั้นทำให้เจ้าอารมณ์ดีถึงขนาดนี้เชียว” “เอาไว้ท่านพ่อได้ลองชิมเบียร์ของข้าก่อนเถอะ แล้วท่านพ่อจะต้องรักในรสชาติเบียร์ของข้า” “เออๆ พ่อจะรอดูก็แล้วกัน” “ว่าแต่ที่จวนเรามีถังน้ำใบใหญ่หรือเปล่าท่านพ่อ” “เจ้าจะเอาใหญ่ขนาดไหนหรือ” เถ้าแก่วางหมากในมือลงแล้วหันหน้ามาหาซุยหลิน “พ่อเคยหมักสุราในถังอยู่บ้างแต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วน่าจะอยู่ท้ายจวนตรงกอไผ่ก็ลองไปดูเอาว่ามันใช้ได้ไหม” ซุยหลินพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะวิ่งไปที่ท้ายจวนทันที “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง แล้วก็อย่าลืมกลับมากินข้าวด้วยเดี๋ยวพ่อจะให้แม่บ้านตั้งโต๊ะแล้ว” “ขอรับท่านพ่อ” เมื่อตะโกนตอบกลับเถ้าแก่ซุยแล้วซุยหลินก็วิ่งไปเรียกสองพี่น้องเจียงที่กำลังบดเมล็ดข้าวบาร์เลย์อยู่ ว่าให้ไปที่หลังจวนด้วยกันเพื่อดูถังหมักว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ “มีหลายใบเลยขอรับที่ใช้ได้” เจียงสุ่ยที่กำลังคัดแยกถังที่สามารถใช้งานได้ออกมาจากถังที่เสียแล้วพูดขึ้น “ดีเลย เดี๋ยวเราสามคนช่วยกันขนไปล้างทำความสะอาดนะ เสร็จแล้วเอาไปไว้ที่ห้องหมักสุรา” “ได้เลยขอรับนายน้อย” ซุยหลินและเจียงเฉิงช่วยกันแบกถังหมักมาคนละใบ ส่วนเจียงสุ่ยนั้นยกครั้งเดียวได้ถึงสองใบเลยเนื่องจากเป็นเกอที่มีร่างถึกบึกบึน เมื่อขนถังที่ใช้ได้ทั้งหมดออกมาช่วยกันทำความสะอาดเสร็จแล้วซุยหลินก็เดินกลับเข้าจวนเพื่อไปจัดการอาหารเช้าตามที่เถ้าแก่ซุยสั่งไว้ “ถังหมักของท่านพ่อมีเยอะมาก แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงใช้ไหหมักแทนเล่า” “ก็รสชาติการหมักด้วยถังไม้กับไหที่ทำจากดินเผารสชาติมันต่างกันมากน่ะสิ” “อย่างไรหรือขอรับ” ซุยหลินเอียงคอ “หมักในไหรสชาติมันจะหวานและนุ่มลิ้นมากกว่า แรกๆ ที่พ่อหมักในถังนั้นรสชาติมันจะเด่นไปในทางบาดคอ พ่อก็เลยหาวิธีใหม่อยู่นานจนมาเจอไหหมักเหล้านี่แหละ” “อืม.. แต่ว่าเบียร์ของข้านี่ต้องหมักในถังไม้นะ..” “แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าต้องหมักในถังไม้” เถ้าแก่ซุยหรี่ตา “อ้อ.. อ่า.. ก็อย่างที่ข้าบอกท่านไปนั่นแหละท่านพ่อ” ซุยหลินมองหน้าเถ้าแก่ซุยก่อนจะยิ้มออกมา “สูตรผีบอก” เมื่อจัดการมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วซุยหลินก็เดินไปที่หลังจวน ที่ตอนนี้ถูกเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับต้มเบียร์แล้วเรียบร้อย เนื่องจากว่าที่เดิมที่อยู่ข้างห้องหมักเหล้ามันดูคับแคบเกินไปซุยหลินรู้สึกขยับตัวไม่ถนัดเลยใช้ให้เจียงสุ่ยช่วยยกเตาออกมาด้านนอกที่เคยทำน้ำพั้นช์ด้วยกัน “ข้าว่าเดี๋ยวพื้นที่ตรงนี้คงจะต้องจ้างช่างมามุงหลังคาเสียหน่อยแล้ว ทำเป็นพื้นที่สำหรับต้มเหล้าต้มเบียร์กันไปเลย” ซุยหลินบ่น “นายน้อยร้อนหรือขอรับ เข้าไปนั่งในร่มก่อนก็ได้เดี๋ยวข้าทำเอง” เจียงสุ่ยอาสา “ไม่เป็นไรๆ ก็ทำมันด้วยกันนี่แหละ” ซุยหลินตั้งหม้อดินเผาขนาดใหญ่ที่สั่งมาพิเศษลงไปบนเตา เทน้ำลงไปเพื่อต้มให้เดือดแล้วใส่ข้าวบาร์เลย์ที่ถูกบดจนละเอียดแล้วลงไปคนจนเข้ากัน “อาเฉิงเอาถังหมักมาวางตรงนี้ เอาผ้ามาปิดไว้ที่ปากถัง เดี๋ยวข้ากับอาสุ่ยจะช่วยกันยกน้ำในหม้อนี้มาเทใส่” “ได้เลยขอรับ” ซุยหลินและเจียงสุ่ยช่วยกันยกหม้อขึ้นเทน้ำลงในถังหมัก เมื่อเทจนหมดซุยหลินก็รวบผ้าขาวบางขึ้นก่อนจะใช้ไม้ด้ามยาวสองอันบีบน้ำที่ยังค้างอยู่ในผ้าออกจนหมด “ทีนี้ก็เทน้ำนี่ลงไปในหม้อต้มเหมือนเดิม แล้วก็ต้มสักสองชั่วยาม ทิ้งไว้ให้เบียร์เย็นตัวลงก็เทกลับเข้าถังหมักคืน ปิดฝา แล้วยกเข้าไปไว้ในห้องหมักเหล้า เราจะทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ จนข้าวบาร์เลย์บดนี่หมดเลยนะ ก็น่าจะราวๆ แปดถึงสิบถัง ค่อยๆ ทำข้าไม่ได้เร่งรีบอะไร” “ได้เลยขอรับนายน้อย” ทั้งสามคนใช้เวลาต้มเบียร์อยู่เกือบสิบวันกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น ซุยหลินเข้าไปกอดแข้งกอดขาเถ้าแก่ซุยขอร้องให้ทำห้องหมักเหล้าและโรงต้มเหล้าเพิ่มให้ ด้วยความทนลูกอ้อนของบุตรชายคนเดียวไม่ไหวเถ้าแก่ซุยจึงยอมควักเงินออกมาอีกห้ายี่สิบเหรียญเงินเพื่อสร้างโรงต้มเหล้าและห้องหมักสุราอีกห้องให้ตามใจซุยหลิน “กลิ่นหอมมากเลยขอรับนายน้อย” “ใช่ขอรับ มันหอมจนข้าอยากลองดื่มเลย” “ถึงแม้ว่าเราจะขายเหล้าแต่ก็ใช่ว่าเราต้องเป็นขี้เมานะ พวกเจ้าจำคำข้าไว้ว่าต่อให้เครื่องดื่มที่ข้าคิดค้นออกมาจะรสชาติดีเพียงใดมันก็เป็นเหล้า เป็นสิ่งมึนเมาที่สามารถเปลี่ยนให้เราเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ดีได้เลย” “ขอรับ ข้าสองคนจะจำไว้” ตอนนี้สามนายบ่าวกำลังสุมหัวเปิดไหยาดองกันเพื่อดูว่าหมักได้ที่หรือยัง เนื่องจากกำหนดเปิดเหลาสุรากำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันแล้ว จะต้องรีบมาดูว่าเหล้าต่างๆ ที่ทำไว้พร้อมหรือยัง สองพี่น้องเจียงที่ได้กลิ่นยาดองเกิดอาการอยากจะลองชิมจนหน้ามืดตามัว ซุยหลินจึงต้องดึงหลังทั้งสองคนไว้ ก่อนจะเอ่ยคำสอนออกมายาวๆ คนขายปลาไม่จำเป็นต้องกินปลาตลอดไปฉันใด คนขายเหล้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นขี้เมาฉันนั้น “เรื่องดื่มสุราข้าจะไม่ห้าม แต่อยากสอนพวกเจ้าว่าต่อให้มันจะรสชาติอร่อยล้ำเลิศขนาดไหนมันก็ยังเป็นเหล้าอยู่ดี” “ข้าจะทำตามที่นายน้อยสอนขอรับ” สองพี่น้องเจียงพยักหน้าหงึกๆ “งั้นครั้งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าชิม เอาแค่ชิมพอให้รู้รสแล้วก็สามารถบอกลูกค้าได้ว่าแต่ละอย่างมันดีอย่างไร เอาล่ะเดี๋ยวข้าสอน” ซุยหลินยื่นจอกเหล้าขนาดเล็กให้กับสองพี่น้องเจียงก่อนจะตักให้ชิมทีละอย่างพร้อมคำอธิบาย “จอกแรกนี้เป็นกำลังเสือโคร่ง จะเหมาะกับบุรุษ ช่วยบำรุงร่างกาย ขับลม แก้ปวดเมื่อย แล้วก็ช่วยให้เจริญอาหาร” ซุยหลินเทยาดองสูตรกำลังเสือโคร่งใส่จอกสุราของพี่น้องเจียงเพียงเล็กน้อย “โอ้.. รสชาติไม่เลวขอรับนายน้อย” เจียงสุ่ยพูด “ใช่ขอรับ กำลังดี” “งั้นข้าจะไปที่ไหต่อไปเลยนะ” ซุยหลินเปิดไหอีกใบหนึ่งออก “นี่คือม้ากระทืบโรง เหมาะสำหรับบุรุษเช่นกัน จะช่วยในเรื่องบำรุงกำลังและความกำหนัด เวลาพูดให้ลูกค้าฟังเจ้าก็บอกไปเลยว่าถ้าอยากรู้สึกคึกคักให้ดื่มม้ากระทืบโรงหรือว่าโด่ไม่รู้ล้ม สองไหนี้เป็นยาดองที่เน้นเรื่องอย่างว่า” สองพี่น้องเจียงพยักหน้าก่อนจะยกยาดองเข้าปาก “ส่วนนี่ไหสุดท้ายคือนารีรำพึง เหมาะกับสตรี ดื่มแล้วจะผิวพรรณดี เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล” “โอ้ ยาดองมันช่วยได้ขนาดนี้เลยหรือขอรับ” เจียงเฉิงตาโต “มันก็ช่วยได้บ้าง แต่เจ้าสองคนก็อย่าลืมบอกลูกค้าด้วยล่ะว่าต่อให้มันเป็นยาดีขนาดไหนมันก็คือเหล้า ดื่มมากก็จะส่งผลไม่ดีต่อร่างกาย” “ได้เลยขอรับ” เมื่ออธิบายให้สองพี่น้องเจียงฟังอย่างเข้าใจซุยหลินก็ทบทวนสรรพคุณของยาดองสูตรต่างๆ ให้ฟังอีกรอบ เมื่อสอนเสร็จก็ช่วยกันถือยาดองไปให้เถ้าแก่ซุย พ่อบ้านและแม่บ้านเจียงได้ชิม “อย่างที่ข้าบอกนะขอรับ ไม่ว่ามันจะอร่อยแค่ไหนอย่างไรมันก็คือเหล้า จวนของเราเปิดเหลาสุราก็จริงแต่มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนในจวนจะต้องเป็นขี้เมาไปด้วย” “เจ้าพูดหลายรอบจนพ่อและทุกคนจะท่องได้อยู่แล้ว” เถ้าแก่ซุยพูด “ก็ข้ากลัวว่าพวกท่านจะติดสุรากันนี่ขอรับ” “พ่อเองเปิดเหลาสุรามาก็หลายปียังไม่เป็นขี้เมาเลย เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” “งั้นข้าก็จะได้สบายใจขอรับ” ซุยหลินยิ้มออกมาบางๆ “แล้วเบียร์ของเจ้าจะต้องหมักกี่วันหรือ” “ราวๆ สี่สิบวันขอรับท่านพ่อ แต่ข้าหมักไว้เยอะอยู่ มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าเหลาสุราของเราขายแบบจำกัดจำนวนต่อวัน” “อืม.. ขายแบบจำกัดก็ดี มันจะได้ดูน่าสนใจ” เถ้าแก่ซุยพยักหน้า “แน่นอนขอรับ จำกัดจำนวนแถมยังรสชาติดีเลิศ ไม่ว่าใครก็ต้องยอมแน่นอนข้ามั่นใจ” ซุยหลินวางแผนกับตัวเองว่าจะเปิดเหลาสุราในยามเซินและปิดลงในยามห้าย เนื่องจากมั่นใจว่ารสชาติและความแปลกใหม่จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้แบบที่ไม่จำเป็นต้องเปิดร้านทั้งวัน และวันที่เหลาสุราทำการปรับปรุงเสร็จก็มาถึง ซุยหลินและทุกคนรีบเข้าไปตกแต่งภายในอีกเล็กน้อยเพื่อให้ดูสวยงามน่าเข้ามานั่งดื่ม “เอาโคมไฟขึ้นอีกหน่อยอาสุ่ย ใช่ๆ แขวนตรงนั้นเลย” ตอนนี้คนภายในจวนตระกูลซุยต่างช่วยกันตกแต่งสภาพแวดล้อมภายในเหลาสุราโดยมีซุยหลินเป็นคนชี้นิ้วสั่ง “เหมือนบาร์เหล้าโลกที่แล้วเด๊ะ” ซุยหลินยิ้มกับตัวเองก่อนจะไล่สายตามองทุกอย่างภายในเหลาสุราอีกครั้ง ด้านข้างถูกต่อเติมด้วยประตูใบใหญ่ทั้งสองข้าง จึงดูโล่งและมีอากาศถ่ายเทได้มากขึ้นไม่รู้สึกร้อนจนเกินไป โต๊ะนั่งของลูกค้าก็มีเพิ่มเข้ามาเล็กน้อยตามที่ซุยหลินสั่งให้ช่างไม้ทำ มีบาร์เหล้าที่ซุยหลินตั้งไว้มุมในสุดแต่อยู่ตรงกลางร้าน เดินเข้ามาก็สามารถมองเห็นได้ทันที “เดี๋ยววันนี้เราต้องเอาเฝินจิ่วและยาดองเข้ามาวางไว้ด้านหลังนี้นะ ไหนจะพวกจอกสุราอีก” ซุยหลินชี้ไปที่หลังบาร์เหล้า “แล้วน้ำพั้นช์ล่ะนายน้อย” เจียงสุ่ยถาม “วันนี้คนจากสวนผลไม้น่าจะเอาของเข้ามาส่ง ข้าติดต่อไว้แล้ว เราจะทำเป็นถังที่ผสมเรียบร้อยแล้วแยกไว้เพื่อแจกให้ชิม และก็จะแยกเป็นน้ำผลไม้ต่างๆ ที่ข้าจะต้องเอามาผสมกันเมื่อลูกค้าสั่งอีกต่างหาก” “ได้เลยขอรับ เดี๋ยวกลับไปที่จวนข้าจะรีบจัดการให้” “ดีเลย เพราะว่าเดี๋ยวข้าต้องไปทำน้ำแข็งไว้ด้วย ไม่รู้ว่าจะพอไหม” “เดี๋ยวข้าช่วยอีกแรงขอรับนายน้อย” เจียงเฉิงยิ้มแป้น “เจ้าก็ต้องช่วยข้าแน่นอนอยู่แล้วสิ” ซุยหลินบีบแก้มนุ่มของเจียงเฉิงอย่างเอ็นดู เมื่อตกแต่งภายในเหลาสุราเรียบร้อยซุยหลินก็เดินออกมายืนที่หน้าถนน เอ่ยเรียกเหล่าชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หยุดฟัง “สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน” “.....” เสียงตะโกนของซุยหลินทำเอาทุกคนหยุดเดินแล้วหันไปมอง “ข้าจะมาแจ้งทุกท่านว่าพรุ่งนี้เหลาสุราของเถ้าแก่ซุยจะเปิดขายสุราอีกครั้ง” “.....” “และเนื่องในโอกาสที่ได้กลับมาเปิดเหลาสุราอีกครั้งข้ามีเหล้าและกับแกล้มสูตรพิเศษมาให้พวกท่านได้ลองชิมแบบไม่คิดเงินสักอีแปะเดียว” “ไม่คิดเงินเลยหรือ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น “ขอรับ.. มีให้ทุกท่านได้ลองชิมแบบที่ไม่ต้องจ่ายเงินแมะแต่อีแปะเดียว แต่ว่าจำกัดจำนวนเพียงแค่อย่างละห้าสิบท่านเท่านั้นได้แก่ ยาดองทั้งสี่สูตร น้ำพั้นช์ ถั่วเคลือบและปลาเคลือบที่เป็นกับแกล้ม” “ห้าสิบคนมันจะพออะไร” “ใจเย็นๆ ขอรับข้ากำลังอธิบาย” ซุยหลินยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้คนพูดแทรกก่อนจะยิ้มบางๆ “หากว่าใครมาต่อแถวเพื่อทานแบบไม่เสียเงินไม่ทันนั้นทางเรามีขายแบบคิดเงินครึ่งราคา” “แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะดีเลิศถึงขนาดที่พวกข้ายอมจ่ายเงิน ปิดไปตั้งนานไม่ใช่ว่ารสมือหายหมดแล้วหรือ” ชายคนหนึ่งพูดที่ซุยหลินปรายตามองดูแวบเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นเสี่ยวเอ้อของเหลาสุราคู่แข่ง ซุยหลินถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะยิ้ม “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าจะแบ่งกลุ่มที่ต่อแถวรอเป็นสองกลุ่ม ด้านซ้ายสำหรับคอสุราที่จะได้ลองชิมยาดองสูตรของข้า ด้านขวาจะเป็นน้ำพั้นช์หรือน้ำผลไม้สูตรที่ข้าคิดเอง ไม่มีส่วนผสมของสุราใดๆ เป็นน้ำผลไม้ที่ใครก็ดื่มได้ แบ่งกันด้านละห้าสิบท่าน รวมทั้งหมดหนึ่งร้อยท่าน” ซุยหลินค่อยๆ อธิบาย “ในส่วนของถั่วเคลือบและปลาเคลือบ หนึ่งร้อยท่านนั้นจะได้รับกันทุกท่านขอรับ” “แล้วยาดองกับน้ำผลไม้นั่นใครเป็นคนทำ เกออย่างเจ้างั้นหรือ?” เสี่ยวเอ้อคนเดิมพูดพร้อมทำหน้าเย้ยเหยียด คนที่อยู่โดยรอบจึงหันไปกระซิบกัน “ขอรับ ข้าเป็นคนทำเอง” “เกออย่างเจ้านี่น่ะหรือหมักเหล้า ข้าว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเกอนะ” นั่นสิๆ ข้าก็ว่ามันไม่ใช่ ไม่สำรวมเสียเลย ข้าก็ว่างั้น เป็นแค่เกอมีสิทธิ์อะไรมาทำงานของบุรุษแบบนี้ เสียงพูดของเหล่าชาวบ้านโดยรอบทำเอาซุยหลินกำมือแน่น ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง “ข้าไม่แก้ตัวเรื่องที่ทำหน้าที่ที่เกอไม่ควรยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่ว่าเหลาสุราของพ่อข้ากำลังเกิดปัญหา ด้วยความที่ว่าข้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวข้าก็ต้องช่วยเหลือท่านพ่อของข้าด้วยความกตัญญูอยู่แล้ว และต่อให้ข้ายื่นมือเข้ามาช่วย หรือว่าปล่อยให้เหลาสุราที่พ่อข้าใช้แรงสร้างมาตลอดชีวิตนี้ต้องปิดตัวลงไปพวกท่านก็ว่าร้ายให้ข้าอยู่ดี จริงหรือไม่?” เมื่อซุยหลินพูดจาเชือดเฉือนกลับไปเหล่าชาวบ้านก็พากันเงียบกริบ “อย่าดูถูกข้าเลยเพียงเพราะข้าเป็นเกอ ให้พวกท่านได้มาลองชิมฝีมือของข้าก่อนในวันพรุ่ง” ซุยหลินยิ้มก่อนจะไล่สายตามองเหล่าคนที่นินทาเมื่อครู่ “พรุ่งนี้เหลาสุราของข้าจะเปิดในยามเซินและปิดในยามห้าย หวังว่าทุกท่านจะรอชิมยาดองและน้ำพั้นช์ของข้านะขอรับ” พูดจบซุยหลินก็เดินสะบัดชายผ้ากลับไปที่จวนทันที เนื่องจากต้องขนเหล้าและจอกเหล้าที่เตรียมไว้มาเก็บในเหลาสุรา คำที่ชาวบ้านพูดในวันนี้ซุยหลินเลือกที่จะไม่เก็บมาใส่ใจและไม่เอามาเป็นแรงผลักดันอะไรทั้งนั้น เขาหมายมาดว่าจะทำให้ทุกคนลบภาพจำของเกอที่ต้องอยู่บ้านทำงานบ้านงานเรือนออกให้หมด เกอในยุคของเขาจะต้องออกมาเชิดหน้าชูคอข้างนอกได้อย่างไม่อายใคร “เดี๋ยวได้รู้กันว่าผมเนี่ยของจริงค้าบ” ซุยหลินบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินทางกลับจวนเพื่อช่วยครอบครัวเจียงขนไหเหล้าและจอกเหล้าขึ้นบนเกวียนที่ซื้อมาใหม่ สั่งงานกับพ่อบ้านเจียง แม่บ้านเจียง และเจียงสุ่ยเสร็จเรียบร้อยก็พาเจียงเฉิงมาเตรียมผลไม้และทำน้ำแข็งรอ เนื่องจากพรุ่งนี้จะต้องใช้ในจำนวนที่มากกว่าที่ต้องเตรียมขายต่อวันซุยหลินเลยอยากเริ่มให้เร็วขึ้นหน่อยเนื่องจากกลัวจะไม่ทัน ร่างบางหมายมาดกับตัวเองแม้ตอนที่นอนหลับตาฝันว่าจะต้องเหยียบเหลาสุราของคู่แข่งให้ได้ เอาให้เสี่ยวเอ้อคนนั้นไม่มีหน้าแทรกแผ่นดินเลยเนื่องจากชอบใช้คำดูถูกเรื่องเป็นเกอกับซุยหลินดีนัก “เดี๋ยวเจอควงขวดเหล้าโชว์หน่อยได้อายแน่ เป็นเกอแล้วไง เกอก็ต่อยปากมึงได้เหมือนกันแหละ” เสียงละเมอของซุยหลินดังออกมาเนื่องจากก่อนนอนทำงานจนหัวหมุนทำให้เก็บเอาเรื่องราวของเสี่ยวเอ้อคนนั้นมาฝัน Talk. กำหมัดเตรียมต่อยหน้าคนแล้วนะ!! พรุ่งนี้น้องหลินเปิดร้านวันแรก เป็นกะลังใจให้น้องด้วยค่าาาาา ว่าแต่นี่ก็หกตอนแล้ว พระเอกล่ะ... ย้ำอีกทีก่อนไป ตอนหน้าติดเหรียญเพื่ออ่านล่วงหน้านะคะ 2 บาท แล้วก็แจ้งว่าเราจะพยายามอัพเดทน้องหลินทุกวันเลยฮะ เท่าที่จะทำดั้ยยย เชิงอรรถ ^ วิธีหมักเบียร์เราเขียนแบบรวดรัดอย่างย่อนะคะ เขียนตรงๆ ก็จะดูเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนลุกไปตั้งหม้อต้มเอา ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD