เกิดใหม่ครั้งที่ 7

3340 Words
​ เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา เกิดใหม่ครั้งที่ 7 เช้าวันใหม่ซุยหลินไม่ได้รีบร้อนตื่นเสียเท่าไหร่ เพราะว่าเหลาสุราจะเปิดก็ยามเซินจึงมีเวลานอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข เมื่อคืนก่อนจะเข้านอนซุยหลินทำน้ำแข็งไว้จำนวนหนึ่ง ก่อนจะนอนก็สั่งเจียงเฉิงไว้ว่าตื่นเช้ามาให้ทำเพิ่มมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อย เนื่องจากได้สอนวิธีทำไปแล้วซุยหลินจึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า เพราะครอบครัวเจียงทำทุกอย่างเป็นโดยที่ซุยหลินไม่จะเป็นต้องไปยืนสอนอีกต่อไป “อื้อ... แต่ว่า..ไปช่วยเขาทำงานดีกว่า มานอนอยู่แบบนี้เสียท่าเถ้าแก่คนสวยแย่ แจ่บๆๆๆ” ซุยหลินบิดขี้เกียจเคี้ยวน้ำลายก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองตอนเช้า เมื่อเดินไปที่โรงต้มเหล้าก็เจอกับสองพี่น้องเจียงกำลังช่วยกันทำถั่วเคลือบอยู่ “ทำได้เยอะหรือยังเจ้าสองคน” “อ้าวนายน้อย ตื่นแล้วหรือขอรับ ข้าคิดว่าท่านจะพักผ่อนนานกว่านี้เสียอีก เมื่อคืนกว่าท่านจะได้นอนก็ยามโฉ่วแล้ว” เจียงเฉิงพูด “นั่นสิขอรับ นายน้อยนอนอีกสักชั่วยามก็ได้เดี๋ยวข้าปลุกเอง” เจียงสุ่ยพูด “ไม่เอาๆ ข้ามาช่วยเจ้าสองคนนี่แหละ เมื่อคืนข้าเข้านอนแล้วเจ้าสองคนเข้านอนทีหลังข้าอีก” ซุยหลินโบกมือไปมาอย่างไม่ยอม “พวกข้าอยากให้ทุกอย่างพร้อมจนถึงวันที่เราเปิดเหลาสุราอีกครั้งขอรับ ก็เลยอยากจะช่วยนานน้อยทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วๆ” “งั้นเจ้าก็ต้องให้ข้าช่วยอีกแรง เพราะว่าวันนี้เราต้องทำกับแกล้มนี่เพิ่มเป็นสองเท่า ทั้งแจกทั้งขาย ข้าจะกลับไปนอนสบายใจแล้วให้พวกเจ้าทำงานหลังขดหลังแข็งได้อย่างไร ไม่เอาๆ” ซุยหลินดึงแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เจียงเฉิงจะวิ่งเข้ามาช่วยจัดเสื้อผ้า “แล้วนี่ท่านพ่อข้ากับพ่อแม่ของเจ้าเล่า” “ออกไปที่เหลาสุราแล้วขอรับ เมื่อเช้านายใหญ่ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นเชียวนะขอรับ ส่วนท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกข้าก็เข้าไปทำความสะอาดที่เหลาสุราอีกรอบก่อนที่จะต้องเปิดให้ลูกค้าเข้า” เจียงเฉิงตอบ “หว่า ท่านพ่อของข้านี่ก็ตื่นเต้นเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” ซุยหลินหัวเราะชอบใจก่อนที่จะช่วยสองพี่น้องเจียงทำถั่วเคลือบและปลาเคลือบแยกใส่ถังเอาไว้รอเอาไปขาย เมื่อทำกับแกล้มเสร็จก็พากันล้างไม้ล้างมือไปทำน้ำพั้นช์กันต่อ วันนี้มีผลไม้หลายอย่างที่ซุยหลินไปติดต่อชาวสวนให้เอามาส่ง เป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่ทั่วไป วันนี้มีผลไม้สี่อย่างได้แก่ ทับทิม มะนาว ส้ม และมะพร้าว มะพร้าวและส้มคั้นน้ำออกมาได้ไม่ยากนักทั้งสามนายบ่าวตอนนี้จึงช่วยกันคั้นน้ำจากมะนาวและทับทิมอยู่ น้ำพั้นช์ที่ให้ชิมฟรีในวันนี้จะเป็นทับทิมผสมมะนาวจึงต้องคั้นให้มากกว่าส้มและมะพร้าวเป็นเท่าตัว ซุยหลินวางแผนว่าจะให้ชิมแบบไม่คิดเงินแค่สูตรเดียวเพราะแค่อยากให้ชาวบ้านรู้ว่าเขาสามารถทำน้ำผลไม้ได้เท่านั้น ถ้าใครอยากลองชิมน้ำผลไม้อื่นๆ ก็ใช้เข้ามาซื้อไปดื่มได้ รวมทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่อยากลองผสมเอง เผื่อว่าอาจจะมีคนอยากลองชิมน้ำส้มผสมกับน้ำทับทิมบ้างก็ได้ ยามอู่ทุกอย่างที่จะต้องเตรียมไว้ก่อนทำการเปิดเหลาสุราก็เสร็จสิ้น ประกอบกับพ่อบ้านและแม่บ้านเจียงขับเกวียนกลับมาที่จวนพอดีเลยได้ขนน้ำผลไม้ที่คั้นเสร็จแล้วกับน้ำแข็งขึ้นเกวียนเพื่อเอาไว้ไว้ที่เหลาสุรา “พวกเจ้าหิวหรือยัง” ซุยหลินหันไปมองสองพี่น้องเจียงที่ตอนนี้นั่งปาดเหงื่อกันอยู่ “ขอรับ ข้าหิวแล้ว” เจียงสุ่ยตอบพลางหอบหายใจ “ข้าเช่นกันขอรับ” “งั้นก็ดี เราไปหาอาหารแถวนี้กินกันดีหรือไม่ ข้าอยากไปเหลาอาหารของเถ้าแก่จินเสียหน่อย” ซุยหลินพูดพร้อมหรี่ตา “แต่ว่ามันอยู่ตรงข้ามกับเหลาสุราเถ้าแก่ปาคู่แข่งของเรานะขอรับนายน้อย” เจียงเฉิงพูดพร้อมขมวดคิ้ว “จะเป็นอะไรไปเล่า ข้าก็แค่อยากกินเป็ดย่างของเถ้าแก่จิน ทำไม เจ้าสองคนไม่อยากกินหรือ” “อยากขอรับ” สองพี่น้องเจียงตอบเสียงเบา “งั้นก็ไปสิ รออะไร ท่านพ่อเดี๋ยวข้ามานะ” ซุยหลินหันไปบอกเถ้าแก่ซุยก่อนจะเดินสะบัดชายเสื้อออกไปโดยที่ไม่รอให้สองพี่น้องเจียงได้เดินตามทันเลย เมื่อเดินมาถึงเหลาอาหารของเถ้าแก่จินซุยหลินก็ปรายตามองเสี่ยวเอ้อคนเดิมที่เคยมีปากเสียงกันเล็กน้อย ก่อนจะเบะปากใส่อย่างเยาะเย้ยแล้วเดินเข้าเหลาอาหารไป “อาหลิว เจ้ามาได้อย่างไรหรือ” เถ้าแก่จินที่เป็นเพื่อนกับเถ้าแก่ซุยรับเดินเข้ามาต้อนรับเมื่อเห็นว่าซุยหลินเดินเข้าไปในร้าน “ท่านอา ข้าต้องขออภัยด้วยที่ช่วงนี้ข้ากับท่านพ่อไม่ได้มาที่เหลาอาหารของท่านเลย” ซุยหลินทำหน้าเศร้า “ไม่เป็นไรๆ ข้าเข้าใจเจ้า พ่อของเจ้าก็คงไม่อยากมานั่งมองเหลาสุราของเถ้าแก่ปาเสียเท่าไหร่หรอก” “ขอบคุณท่านอาที่เข้าใจข้า” ซุยหลินประสานมือทั้งสองข้างคำนับขอบคุณเถ้าแก่จินน้อยๆ “ฮ้าย.. หลานข้าน่ารักขนาดนี้ มาๆ วันนี้เจ้าอยากกินอะไรข้าลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง” “ข้าเกรงใจน่ะท่านอา อย่าลดราคาให้ข้าเลย” “ไม่ต้องเกรงใจๆ ช่วงนี้ร้านของข้าก็เงียบเหงาไม่ต่างจากพ่อเจ้าเสียเท่าไหร่” ซุยหลินนั่งลงที่โต๊ะอาหารก่อนจะพยักหน้าให้สองพี่น้องเจียงนั่งลงบ้าง “ทำไมหรือท่านอา” “ก็เหลาสุราของเถ้าแก่ปาน่ะซี..” เถ้าแก่จินทำท่ากระซิบ “เถ้าแก่ปาขายทั้งเหล้าและอาหาร อีกทั้งยังมีคณิกาสาวงามมาคอยเอาใจลูกค้า ใครมันจะไม่อยากเข้าไปกันเล่า ได้นั่งกินข้าวไปด้วย มองของสวยงามไปด้วย” ซุยหลินหลับตาลงเพื่อตั้งสติกับตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ร่างบางปรายตาไปมองเหลาสุราที่ตั้งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่ไม่พอใจเล็กน้อย “ท่านอาสนใจอยากร่วมเปิดเหลาอาหารควบคู่ไปกับเหลาสุราของข้าหรือไม่ขอรับ” “นายน้อยขอรับ..” เจียงเฉิงพูดขึ้นมา แต่ซุยหลินยกมือขึ้นห้ามก่อนจะพูดต่อ “ข้ารู้ดีว่าตอนนี้เหลาสุราของข้าก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดขึ้นมาใหม่ ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด คราวแรกข้าก็อยากจะทำอาหารขายในเหลาสุราของข้าเช่นกัน แต่ว่าข้าทำไม่ทันเนื่องด้วยคนไม่พอ ถ้าหากว่าท่านอาสนใจอยากรวมเหลาสุราของข้ากับเหลาอาหารของท่านเข้าด้วยกัน ท่านสามารถติดต่อข้าไปได้เสมอ ตอนนี้ท่านอาจจะยังไม่มั่นใจเนื่องจากว่าข้าเองก็เพิ่งมาเป็นผู้ดูแลเหลาสุรานี้อย่างเต็มตัวครั้งแรก” ซุยหลินพูดออกมายาวๆ ก่อนจะหยุดไป “ให้ข้าได้พิสูจน์ว่าเหลาสุราภายใต้การดูแลของข้านั้นจะต้องออกมาดี และดีกว่าเหลาสุราของเถ้าแก่ปาแน่นอน เมื่อท่านคิดว่าข้ามั่นคงแล้วท่านค่อยไปหาข้าก็ได้ แล้วเราจะทำการตกลงเรื่องรายละเอียดกันภายหลัง ข้าหวังว่าท่านจะเข้าไปติดต่อข้านะท่านอา เพราะข้าก็มีสูตรอาหารที่ขายทำขายอยู่หลายอย่างเช่นกัน” ซุยหลินยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะสั่งเป็ดย่างตัวใหญ่มากินกับสองพี่น้องเจียง ไม่รู้ว่าเถ้าแก่จินจะเห็นดีเห็นงามกับซุยหลินเรื่องรวมทั้งสองร้านเข้าด้วยกันหรือไม่ แต่การที่เถ้าแก่ปาเปิดเหลาสุราที่ขายทั้งเหล้าและอาหารแบบนี้ก็ทำเอาซุยหลินหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเขาเองก็อยากจะทำ เพียงแค่ว่ามีคนและเวลาไม่พอ ร่างบางได้แต่หงุดหงิดกับตัวเองก่อนจะยัดเอาเป็ดย่างเข้าปากคำโต เมื่อกินกันจนอิ่มท้องเกอทั้งสามคนก็เดินออกมาจากเหลาอาหารของเถ้าแก่จิน ซุยหลินหันไปเบะปากใส่เสี่ยวเอ้อคนนั้นอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปที่เหลาสุราของตนเอง เมื่อมาถึงก็เจอกับเถ้าแก่ซุยและพ่อบ้านเจียงกำลังยืนคุยกับเหล่าชาวบ้านที่มารอ แต่เหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบกำลังมีปัญหากัน “เกิดอะไรขึ้นท่านพ่อ” ซุยหลินพูดออกไปเหล่าชาวบ้านที่ยืนรุมล้อมหน้าร้านอยู่ก็แหวกทางให้ซุยหลินได้เดินเข้าไป “อาหลินมานี่หน่อย” เถ้าแก่ซุยกวักมือเรียก ซุยหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปยืนข้างๆ เถ้าแก่ซุย “ข้าอยากรู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น” ซุยหลินปรายตามองทุกคนตั้งแต่บิดาของตัวเองยันชาวบ้านที่ยืนอยู่ “พวกข้าก็มารอชิมเหล้าของท่านอย่างไรเล่า” ชายคนหนึ่งตะโกนตอบมา “อ๋อ.. แล้วอย่างไรเล่า มายืนแออัดอะไรกันข้างหน้าร้านข้าแบบนี้ ทำไมไม่ต่อแถว” ซุยหลินเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง “......” “อ้าว ทำไมไม่มีใครตอบเล่า สรุปว่าทำไมพวกท่านไม่ต่อแถว” “อาหลิน..” เถ้าแก่ซุยตึงแขนเสื้อซุยหลินแต่ว่าซุยหลินยกมือขึ้นห้าม “ถ้าพวกท่านไม่ต่อแถวแล้วข้าจะแจกจ่ายให้พวกท่านได้ลองชิมอย่างไรเล่า เชิญทุกท่านต่อแถวกันให้เรียบร้อยดีกว่า ฝั่งละห้าสิบคนอย่างที่ข้าแจ้งไว้เมื่อวาน อาสุ่ยเดี๋ยวช่วยท่านทั้งหลายนี้จัดการความเรียบร้อยด้วยนะ” ซุยหลินยิ้มจนตาหยีก่อนจะส่งงานให้เจียงสุ่ยจัดการต่อ ถึงแม้ว่าเจียงสุ่ยนั้นจะเป็นเกอ แต่ร่างกายที่ใหญ่โตบึกบึนนั่นก็ทำเอาไม่มีใครกล้ามีปัญหา ทุกคนค่อยๆ ขยับเดินไปต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อได้เวลาเปิดร้านซุยหลินก็เปิดประตูด้านข้างและด้านหน้าออกจนสุดบาน เหล่าชาวบ้านได้แต่ตะลึงกับการตกแต่งเหลาสุราโฉมใหม่เนื่องจากว่าดูสวยและสะอาด น่าเข้าไปนั่งจิบเหล้าพูดคุยกับสหายยิ่งนัก เจียงสุ่ยเมื่อเห็นว่าซุยหลินเปิดประตูร้านแล้วก็ไปช่วยยกไหยาดองและถังน้ำพั้นช์ออกมาวางคนละมุม โดยให้เจียงเฉิงเป็นคนแจกจ่ายน้ำพั้นช์ และให้เจียงสุ่ยเป็นคนแจกจ่ายยาดอง เนื่องจากพวกขี้เมาจะดูมีปัญหากันหลายคน ให้เจียงสุ่ยที่มีกล้ามใหญ่โตมาคอยคุมจะดีกว่า ซุยหลินพยักหน้ามองความเรียบร้อยตรงหน้าก่อนจะเดินไปหยิบเอาถุงกระดาษที่ใส่กับแกล้มแบบคละกันไว้ข้างในมายื่นให้กับชาวบ้านหนึ่งร้อยคนที่มาต่อแถวรับเครื่องดื่มในวันนี้ น้ำพั้นช์ที่มีน้ำแข็งนั้นทำเอาคนที่มาต่อแถวเพื่อลองชิมได้แต่ตกใจกับความเย็นที่อยู่ในมือ เมื่อได้มาแล้วก็รีบยกชิมทันทีก่อนจะตาโตแล้วร้องออกมาอย่างถูกอกถูกใจ จนคนที่ต่อแถวอยู่ท้ายๆ ได้แต่รออย่างร้อนใจเนื่องจากไม่รู้ว่าจะได้น้ำพั้นช์มาถึงมือตัวเองหรือว่าจะหมดลงเสียก่อน “ข้าเตรียมมาไว้แค่พอดีหนึ่งร้อยคนขอรับ ต้องขออภัยด้วย” ซุยหลินยิ้มให้คนอีกหลายคนที่กำลังต่อแถวอยู่แต่ของที่เอามาแจกนั้นหมดแล้ว เสียงไม่พอใจดังขึ้นขนซุยหลินรู้สึกปวดหัวจึงต้องตะโกนขึ้นเสียงดัง “อย่างที่ข้าแจ้งไปเมื่อวานว่าข้ามีเครื่องดื่มให้ทดลองชิมแบบไม่คิดเงินอย่างละห้าสิบท่าน และกับแกล้มนี่หนึ่งร้อยถุง ในส่วนของที่ไม่คิดเงินนั้นหมดลงแล้วแต่ว่าข้ายังมีไว้ขาย เหลาสุราของข้าจะขายเครื่องดื่มจำกัดจำนวนต่อวัน ยาดองสี่ไหที่ท่านได้ชิมไป ข้าจะขายวันละไห” ซุยหลินผายมือไปที่ไหยาดอง “ยาดองของข้านั้นมีสี่สูตรได้แก่กำลังเสือโคร่ง เป็นสูตรที่เหมาะกับบุรุษ ช่วยบำรุงร่างกาย ขับลม แก้ปวดเมื่อย แล้วก็ช่วยให้เจริญอาหาร” ซุยหลินชี้ไปที่ไหยาดองที่มีชื่อแปะอยู่ “ม้ากระทืบโรงและโด่ไม่รู้ล้ม เหมาะสำหรับบุรุษเช่นกัน จะช่วยในเรื่องบำรุงกำลังและความกำหนัด ฟังจากชื่อแล้วท่านน่าจะรู้ว่าไหไหนเน้นไปที่เรื่องใดเป็นพิเศษ” ซุยหลินทำหน้าเอียงอาย “ไหสุดท้ายคือนารีรำพึง เหมาะกับสตรี ดื่มแล้วจะผิวพรรณดี เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล แต่ต่อให้ข้าบอกว่ายาดองของข้านั้นดีจนยากที่จะหาอะไรมาเทียบก็ต้องขอบอกไว้อีกอย่างว่ายาดองก็คือเหล้า ดื่มมาไปก็ไม่ดีกับร่างกาย ยาดองและเฝินจิ่วชายเป็นไหขนาดเล็ก ราคาห้าเหรียญทองแดง” ซุยหลินยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนจะแนะนำต่อ “ส่วนน้ำพั้นช์นั้น ข้าจะแยกน้ำผลไม้เอาไว้ หากใครอยากดื่มแบบไหนก็เลือกผสมได้เอง เพื่อให้ทุกคนได้สนุกไปกับการผสมรสชาติของน้ำผลไม้ และข้าก็จะมีน้ำผลไม้ขายวันละหนึ่งถังเช่นกัน ท่านใดที่ไม่ดื่มสุราหากอยากได้น้ำผลไม้เย็นๆ ไปดื่มสามารถเข้ามาซื้อได้ น้ำพั้นช์นี้ข้าขายขนาดเท่าจอกไผ่ที่พวกท่านถืออยู่ในราคาห้าสิบอีแปะแบบไม่มีน้ำแข็ง และหนึ่งร้อยอีแปะสำหรับแบบเพิ่มน้ำแข็ง” “แล้วกับแกล้มเล่า ปลานี่มันอร่อยมาก รสชาติพิลึกแต่ข้ายอมรับเลยว่ามันอร่อยอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มที่ได้ปลาเคลือบรสพริกไปถามขึ้น พลางหยิบเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้คนที่ไม่ได้ของแจกในวันนี้รู้สึกเสียดาย “ในส่วนของกับแกล้มข้าทำไม่จำกัดขอรับ ขายตลอดช่วงเวลาที่เปิดทำการ ราคาถั่วเคลือบจะอยู่ที่หนึ่งร้อยอีแปะ ส่วนปลาเคลือบจะอยู่ที่สองเหรียญทองแดง อย่างไรแล้วเชิญทุกท่านลิ้มลองเครื่องดื่มและกับแกล้มที่ได้ไปอย่างมีความสุขนะขอรับ เหลาสุราของเถ้าแก่ซุยจะปิดทำการในยามห้าย ข้าขอตัว” ซุยหลินยกมือขึ้นมาทำความเคารพลูกค้าที่ยืนอยู่ก่อนจะเดินเข้าไปที่บาร์น้ำของตัวเอง เมื่อทุกคนเดินกลับเข้ามาในเหลาสุราก็มีลูกค้าเดินเข้ามานั่งจองโต๊ะทันที เนื่องจากคนที่ได้ลองชิมนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทั้งเครื่องดื่ม น้ำพั้นช์และยาดองนั้นรสชาติดีเลิศ ยังไม่รวมถึงกับแกล้มที่ทำออกมาได้แปลกใหม่แต่ยังมีรสชาติดีเลิศไม่ต่างกัน ครอบครัวเจียงต่างหัวหมุนกับการรับรายการอาหารจากลูกค้าก่อนจะเดินเข้ามาสั่งซุยหลินที่ยืนอยู่หน้าบาร์ เนื่องจากว่าซุยหลินยังไม่ได้สอนให้ครอบครัวเจียงรู้จักการจดรายการที่ลูกค้าสั่งทำให้ซุยหลินต้องเป็นคนจดเองว่าโต๊ะไหนต้องการอะไรบ้าง “นายน้อยขอรับ มีลูกค้าอยากทราบว่าน้ำพั้นช์สามารถผสมเหล้าได้หรือไม่” เจียงเฉิงวิ่งเข้ามาถาม ซุยหลินที่เห็นว่าเจียงเฉิงไม่สามารถตอบคำถามลูกค้าได้แน่นอนตราบใดที่ยังไม่มีความเข้าใจ ร่างบางเม้มปากน้อยๆ อย่างใช้ความคิด “ลูกค้าท่านใดที่อยากพูดคุยเรื่องเครื่องดื่มต่างๆ มานั่งที่เก้าอี้ที่ด้านหน้าข้าได้นะขอรับ ข้าจะเป็นคนตอบคำถามท่านเอง” ซุยหลินชี้ไปยังเก้าอี้หน้าบาร์ที่ไม่มีใครกล้ามานั่ง ร่างบางยิ้มกว้างอย่างน่าชมจนเหล่าคอเหล้าพากันเดินเข้าไปหา ทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้หน้าบาร์และเก้าอี้บาร์เดี่ยวที่ตั้งไว้ใกล้ๆ “ข้าอยากรู้ว่าเหล้าสามารถผสมกับน้ำพั้นช์อะไรนั่นของท่านได้หรือไม่” ชายคนหนึ่งถาม “ได้ขอรับ มันก็จะกลายเป็นเหล้ารสผลไม้ที่หวานคล่องคอยิ่งขึ้น แต่ว่าราคาก็จะต้องเพิ่มขึ้นตามส่วนผสมเช่นกัน” “แล้วที่น้ำพั้นช์ของเจ้าเย็นนี่ เจ้าทำด้วยตัวเองหรือ” หญิงวัยกลางคนที่เหมือนจะไม่ได้ลองชิมน้ำพั้นช์ในวันนี้ถามขึ้นอย่างสงสัย “ขอรับ ข้าทำน้ำแข็งได้” “ช่างน่าประหลาดใจ แล้วมันดื่มกับอย่างอื่นได้หรือไม่” “จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ความชอบขอรับ จะเอาไปผสมกับน้ำดื่มธรรมดาๆ ก็ได้ ก็จะได้น้ำดื่มเย็นๆ ชื่นใจ” “แปลกยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่คิดว่าคนเราจะสามารถทำน้ำแข็งได้ด้วย” “นั่นสิๆ ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีคนทำได้” เหล่าลูกค้าหันไปพยักหน้าให้กัน “ว่าแต่ท่านขายไหมน้ำแข็งน่ะ” ชายอีกคนถาม “น้ำแข็งข้ายังไม่ได้ทำขายขอรับ เนื่องจากว่าละลายง่าย หากท่านซื้อไปไม่รู้วิธีเก็บรักษาก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ง่ายๆ” ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถซื้อน้ำแข็งกลับไปได้แต่เหลาสุราของซุยหลินก็เปิดทุกวัน เหล่าลูกค้าจึงคิดว่าเอาไว้อยากดื่มน้ำเย็นๆ ก็ค่อยมาซื้อเอาก็ได้ “งั้นข้าขอน้ำส้มผสมกับเหล้าหน่อยสิ ราคาเท่าไหร่เจ้าว่ามาเลย” ชายคนหนึ่งสั่ง “ใส่น้ำแข็งด้วยดีหรือไม่ขอรับ” “เอามาให้ข้าทั้งสองอย่างเลย” “งั้นข้าขอคิดเงินก่อนนะขอรับ ทั้งสองจอกข้าคิดสามเหรียญทองแดง” ซุยหลินคิดราคาเครื่องดื่มก่อนจะเก็บเงินจากลูกค้า “เชิญทุกท่านชมการชงเหล้าของข้าได้เลยขอรับ” ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะเปิดกระบอกไม้ไผ่อันใหญ่ที่เตรียมไว้แล้วตักสุราและน้ำผลไม้ลงไป มือบางปิดฝากระบอกไผ่ลงไปจนคิดว่าแน่นพอแล้วก็ยกขึ้นมาเขย่าด้วยลีลาขอบาร์เทนเดอร์ในชีวิตที่แล้ว ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านอ้าปากกว้างทันทีเมื่อหันมาเจอซุยหลินเขย่าเหล้าแบบที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เสียงกระทบกันของลูกแก้วที่อยู่ในกระบอกทำเอาทุกคนอยากจะให้ซุยหลินเขย่าเครื่องดื่มให้บ้าง เนื่องจากท่าที่ดูสวยงามและใบหน้าที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนจะทำให้เครื่องดื่มที่กำลังผสมอยู่นั้นมีรสชาติดีอย่างหาที่ไหนมาเปรียบได้ยาก Talk. เป็นไงบ้างคะลีลากวนตีน เอ้ย ลีลาเขย่าเหล้าของลูกชายเรา ช่างน่าเอ็นดูอะไรเสียขนาดนี้กันหนออ เราเอาแบบบาร์เหล้ามาให้ทุกคนดูค่ะ จะได้ไม่งง ​ ถ้าใครเคยไปเที่ยวกลางคืนน่าจะพอนึกออก เป็นเค้าท์เตอร์ขึ้นมาสูงๆ มีไหเหล้าวางอยู่เรียงราย บนโต๊ะมีแก้วมีกระบอกชง ​ ส่วนอันนี้เป็นโต๊ะบาร์เดี่ยวค่ะ เป็นโต๊ตัวยาว มีเก้าอี้วางเรียงเป็นแนวนอน ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD