เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา
เกิดใหม่ครั้งที่ 4
“ระวังนะเจียงสุ่ย ตราประทับมันร้อนมาก”
“นายน้อยวางใจข้าได้เลย”
ฉ่า...
“ระวังๆ มันร้อนมากๆ นะ”
“ข้ารู้แล้วขอรับนายน้อย”
เมื่อตราประทับที่สั่งไว้เสร็จแล้วคนจากโรงเหล็กก็เอามาส่งถึงหน้าจวน ซุยหลินยิ้มหน้าบานก่อนจะเดินไปชวนสองพี่น้องเจียงให้มาช่วยกันประทับตราบนจอกเหล้า
“โอ้ มันเป็นรูปตัวอักษรจริงๆ ด้วยขอรับ” เจียงเฉิงตาโตอย่างตื่นเต้น
“แน่นอนสิ ทีนี้เราก็จะมีจอกเหล้าที่มีชื่อเหลาสุราของเรา ถึงแม้จะแปลกประหลาดแต่ว่าก็ไม่เคยมีที่ไหนทำแบบนี้แน่นอน” ซุยหลินยืนกอดอกพูดอย่างภาคภูมิใจ
“นายน้อยของข้าฉลาดที่สุดเลยขอรับ” เจียงเฉิงตบมือรัวๆ อย่างกับว่าเป็นแมวน้ำตัวน้อย
“ของมันแน่อยู่แล้ว” ซุยหลินเบะปากเล็กน้อยก่อนจะใช้มือเกี่ยวปลายผม
“ข้าประทับตราเสร็จแล้วต้องทำอย่างไรต่อหรือไม่ขอรับ” เจียงสุ่ยหันมาถาม
“อ๋อ ต้องเอาแก้วมาทากับยางไม้เพื่อเคลือบด้วย งั้นเดี๋ยวอาเฉิงทำหน้าที่เคลือบยางไม้นะ ข้าจะไปหยิบพู่กันด้ามใหญ่มาให้”
เจียงเฉิงพยักหน้าราวกับลูกไก่จิกเมล็ดข้าว จนซุยหลินรู้สึกเอ็นดูจึงใช้นิ้วบีบที่แก้มบางๆ นั่นไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปเอาพู่กันด้ามใหญ่ในห้องหนังสือมาสองอัน
สามเกอช่วยกันทำจอกเหล้าอย่างมุ่งมั่น แบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นการเป็นงาน โดยเจียงสุ่ยเป็นคนเผาตราประทับเพียงคนเดียว ให้เจียงเฉิงและซุยหลินช่วยกันทายางไม้เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยของเกอตัวน้อยทั้งสอง
“เราต้องทำจอกเหล้าพวกนี้ให้เสร็จนะ เพราะว่าเดี๋ยววันนี้ข้าจะทำน้ำแข็งต่อ”
“น้ำแข็งหรือขอรับ? เราทำได้หรือ ไม่ใช่ว่าต้องรอหิมะตกก่อนหรือขอรับ” เจียงเฉิงเอียงคอ
“ไม่จำเป็น เพราะว่าข้าทำได้ แล้วเดี๋ยวข้าก็จะทำน้ำพั้นช์เย็นๆ ให้พวกเจ้าลองดื่มด้วย”
“ข้าไม่เคยได้ยินเลยน้ำพันอะไรที่นายน้อยว่า” เจียงสุ่ยพูด
“มันเรียกว่าน้ำพั้นช์ต่างหาก แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าสองคนก็จะได้รู้เอง”
ซุยหลินไม่ได้พูดอะไรต่อเอาแต่ยักไหล่พร้อมยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เนื่องจากเมื่อคืนจู่ๆ ซุยหลินก็นึกถึงเรื่องที่เคยเรียนสมัยมัธยมเรื่องประวัติศาสตร์การทำน้ำแข็งขึ้นมาได้ ร่างบางยิ้มให้กับตัวเองก่อนที่เมนูเครื่องดื่มหน้าร้อนจะแล่นเข้ามาในหัวรัวๆ ชวนให้ซุยหลินอยากจะเริ่มทำมันเสียตั้งแต่ตอนนี้
ยามโหย่วจอกเหล้าทั้งหลายก็เสร็จเรียบร้อยทุกใบ มีตราประทับและเคลือบยางไม้ที่ด้านนอกเรียบร้อย ซุยหลินกอดอกภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ลงแรงทำ ก่อนที่ทั้งสามเกอจะเดินเข้าไปแออัดกันอยู่ในห้องครัวช่วยแม่บ้านเจียงทำมื้อเย็น เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานทำเอาเถ้าแก่ซุยและพ่อบ้านเจียงที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่พลอยมีความสุขไปด้วย
จวนตระกูลซุยไม่ได้แบ่งแยกเจ้านายและบ่าว ทุกคนอยู่ด้วยกันราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน พ่อบ้านเจียงจึงได้จงรักภักดีกับเถ้าแก่ซุยถึงขนาดที่ยอมกลับมาทำงานที่จวนตระกูลซุย ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ค่าแรงหรือเปล่า
เสียงเคาะประตูที่หน้าจวนดังขึ้นจนทำเอาซุยหลินที่กำลังช่วยเป็นลูกมืออยู่ในครัวหันขวับ ก่อนที่ร่างบางจะรีบวิ่งฉิวออกไป
“อาหลินอย่าวิ่ง!!!”
เสียงตะโกนของเถ้าแก่ซุยทำเอาซุยหลินเบรกหัวเกือบทิ่มลงพื้น ร่างบางหันไปยิ้มแหะๆ ให้กับบิดาก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่ประตูโดยมีสองพี่น้องเจียงเดินตามไปด้วย
“คารวะคุณชาย ข้านำดินประสิวมาส่งขอรับ” พ่อค้าวัยกลางคนโค้งให้ซุยหลินเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปที่ถังขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่มีดินประสิวใส่อยู่จนเต็ม
“ขอบใจท่านมาก นี่ขอรับเงิน” ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะยื่นเงินจำนวนสิบเหรียญทองแดงให้กับพ่อค้า “อาสุ่ยช่วยข้ายกเข้าไปในจวนหน่อยได้หรือไม่”
“ได้ขอรับนายน้อย”
ถึงแม้ว่าเจียงสุ่ยจะไม่เข้าใจว่าซุยหลินเอาดินประสิวมาทำไมก็ตาม แต่เจ้านายใช้งานเขาก็มีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น เมื่อยกถังดินประสิวไปวางในจวนเถ้าแก่ซุยและพ่อบ้านเจียงก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ อย่างสนใจ
“เจ้าเอาดินประสิวมาทำไมหรือ” เถ้าแก่ซุยถามบุตรชาย
“ข้าจะทำน้ำแข็งขอรับ”
“น้ำแข็งหรือ?” เถ้าแก่ซุยขมวดคิ้ว
“ขอรับ ข้าจะทำน้ำแข็ง”
“ไม่ใช่ว่าต้องรอหน้าหนาวก่อนหรือ พ่อเคยเห็นแค่ที่ว่าน้ำในแม่น้ำจะแข็งตัวจนเป็นน้ำแข็งเมื่อหิมะตก เจ้าสามารถทำน้ำแข็งด้วยตัวเองได้หรือ” เถ้าแก่ซุยถาม
“ข้าทำได้ขอรับ ท่านพ่อรอชิมเครื่องดื่มของข้าได้เลย”
“เอาเป็นว่าพ่อจะรอก็แล้วกัน ไปๆ อาหารคงเสร็จแล้ว แยกย้ายกันได้” เถ้าแก่ซุยไล่ให้แต่ละครอบครัวแยกย้ายกันไปทานอาหาร โดยที่ในห้องทานข้าวจะมีเพียงสองพ่อลูกตระกูลซุยเท่านั้น ครอบครัวเจียงจะทานอาหารอยู่ในครัว
เถ้าแก่ซุยไม่ชอบให้พ่อบ้านเจียงมายืนเฝ้าเวลาทานอาหาร จึงมีกฎขึ้นมาว่าเมื่อถึงเวลาอาหารในแต่ละมื้อ จะต้องแยกย้ายกันทานครอบครัวใครครอบครัวมันให้เรียบร้อย ก่อนจะมาพบกันอีกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ และก็เป็นปกติที่พ่อบ้านเจียงจะทานเสร็จอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบมายืนอยู่ไม่ไกลไม่ไกลโต๊ะอาหาร ราวกับรอว่าเถ้าแก่ซุยจะสั่งงานอะไร
เมื่อทานมื้อเย็นจนอิ่มทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าเรือนของใครของมัน แต่ซุยหลินนั้นยังอยู่ที่ด้านนอกเนื่องจากต้องทำน้ำแข็งไว้ก่อน มือบางตักเอาดินประสิวออกมาสองถ้วยใหญ่ เกลือหยาบสองถ้วยใหญ่ นำมาผสมกันในน้ำให้เข้ากันก่อนจะเอาจอกไม้ไผ่ที่ไม่ได้เคลือบยางไม้มาใส่น้ำจนเต็ม แล้วค่อยๆ วางมันลงไปในดินประสิวที่ผสมเอาไว้ ก่อนจะเอาผ้าขาวบางผืนใหญ่มาคลุมเอาไว้จนมิด พร้อมทั้งใช้ฝาไม้อันใหญ่ปิดเอาไว้อีกชั้นให้เรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วซุยหลินก็เดินกลับเข้าห้องนอน ทิ้งตัวลงก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมา เคี้ยวปากแจ่บๆ แล้วก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
“นายน้อยขอรับ ยามเฉินแล้วขอรับ”
“อื้อ.. ขออีกห้านาที”
“นายน้อยขอรับ ตื่นเถิดขอรับ ไม่อย่างนั้นนายท่านบ่นแน่นอน”
“ฮื่อ.. อยากนอนต่ออ่า..”
“ตื่นไปทำน้ำพั้นช์ที่นายน้อยอยากทำไม่ดีกว่าหรือขอรับ”
เป็นปกติที่หลังจากครอบครัวเจียงกลับเข้ามาอยู่ในจวนแล้วเจียงเฉิงจะเป็นคนเข้ามาปลุกซุยหลินทุกเช้าในยามเฉิน เนื่องจากเคยมาปลุกยามเหม่าแล้วซุยหลินไม่ยอมตื่นไม่ว่าจะปลุกอย่างไรก็ตาม
เมื่อได้ยินคำว่าน้ำพั้นช์ซุยหลินก็ลืมตาขึ้นทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย
“น้ำพั้นช์จ๋า พี่มาแล้วววว”
ซุยหลินวิ่งออกมาหลังจากทำความสะอาดล้างหน้าล้างตาเสร็จ ส่วนเจียงเฉิงได้แต่ส่ายหัวก่อนจะหยิบเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาช่วยซุยหลินเปลี่ยนอย่างเช่นทุกวัน
“เดี๋ยวเจ้าไปบอกเจียงสุ่ยนะว่าไปเก็บทับทิมที่หลังจวนมาให้ข้าหน่อย เอาเยอะๆ แล้วก็เก็บมะนาวมาด้วย”
“ได้ขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปบอกพี่สุ่ยให้”
เมื่อช่วยซุยหลินแต่งตัวทำผมจนเสร็จเรียบร้อยเจียงเฉิงก็ค่อยๆ เดินออกไป ร่างบางนั่งมองตัวเองในกระจกก่อนจะขยับท่าทางไปมาอย่างคนอารมณ์ดี
“หน้าร้อนแบบนี้ก็ต้องน้ำเย็นๆ สิจ๊ะ ด๊าดาด๊าดา”
ร้องเพลงด้วยเนื้อร้องและจังหวะที่คิดขึ้นมาเองก่อนจะเดินออกไปที่ห้องหมักเหล้าอย่างอารมณ์ดี เปิดไหยาดองเพื่อดมกลิ่นก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อมันออกมาค่อนไปในทางที่ดี
“อีกสิบวันน่าจะได้กรึ๊บกัน เปรี้ยวปากมาก ปกติกินเหล้าทุกวัน นี่ก็ขาดของมานานแล้ว หรือเราจะแอบกรึ๊บเหล้าขาวของป๊าดีน้า” ซุยหลินเหล่ตาไปมองไหเหล้าเฝินจิ่วของบิดาแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่ยังไม่ทันจะเดินไปเปิดไหเจียงเฉิงก็เข้ามาตาม
“นายน้อยครับ ทับทิมและมะนาวเรียบร้อยแล้ว”
“เอาไปไว้ที่ลานข้างหลังจวนแล้วกัน เราจะไปทำน้ำพั้นช์กันที่นั่น ข้าไม่อยากเข้าไปวุ่นวายในครัวเดี๋ยวเกะกะแม่บ้านเจียง”
“ได้ขอรับ เดี๋ยวข้าไปบอกพี่สุ่ยให้”
เจียงเฉิงพยักหน้ารับก่อนจะเดินหันหลังออกไป ซุยหลินหันมามองไหเหล้าอีกครั้งแต่ก็เลือกที่จะตัดสินใจเดินหนีออกมา หากอยู่นานกว่านี้เกรงว่าอะไรก็มาห้ามเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ร่างบางกลืนน้ำลายลงคออย่างกับคนอดอยากก่อนจะเดินไปหาสองพี่น้องเจียง
“เดี๋ยวข้าวานพวกเจ้าไปยกไหเปล่ามาให้ข้าสักสองใบนะ แล้วก็เอากระบวยกับสากมาให้ข้าหน่อย”
“สากหรือขอรับ” เจียงเฉิงเอียงคอ
“อืม.. ที่มันเอาไว้โขลกพริกหรือบดของแข็งๆ ข้าไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร” ซุยหลินพยายามอธิบาย "เอาเป็นว่าเอาอะไรมาก็ได้ที่ข้าสามารถบดทับทิมได้”
“ได้ขอรับ นายน้อยรอสักครู่”
สองพี่น้องเจียงเดินออกไปเอาของที่ซุยหลินสั่ง ไม่นานเจียงสุ่ยก็หิ้วไหเปล่ามาสองใบ เจียงเฉิงเดินถือกระบวยและไม้กลมๆ ยาวๆ ที่ดูคล้ายๆ สากเข้ามาด้วย ซุยหลินพยักหน้าอย่างถูกใจก่อนที่จะชวนให้สองพี่น้องเจียงช่วยกันแกะเมล็ดทับทิมออกแล้วโยนใส่ไห
เมื่อแกะทับทิมเสร็จแล้วซุยหลินก็บอกให้เจียงสุ่ยใช้สากด้ามยาวค่อยๆ กดเข้าไปในไห
“แบบนั้นแหละๆ ทีนี้เจ้าก็บดมันไปมา ข้าอยากให้มันออกมาค่อนข้างละเอียดเลยนะ เพราะว่าเดี๋ยวเราก็ต้องเอามันออกมาบีบคั้นเอาน้ำ”
“ได้ขอรับ ข้าจะทำให้เอง” เจียงสุ่ยพยักหน้า
“งั้นเจียงเฉิงไปหาผ้าขาวบางมาให้ข้าหน่อยสักผืน เอาที่สะอาดไม่ผ่านการใช้งานมาก่อนได้ยิ่งดี”
“ขอรับ เดี๋ยวข้าไปหยิบมาให้”
เมื่อเจียงสุ่ยบดทับทิมในไหจนละเอียดดีแล้ว ซุยหลินก็ใช้กระบวยตักมันออกมาวางในผ้าขาวบาง ก่อนจะบีบน้ำทับทิมใส่ลงไปในไหอีกใบที่ยังว่างอยู่
“ว้าว.. น้ำทับทิมเขาทำกันอย่างนี้หรือขอรับ” เจียงเฉิงตาโต
“ข้าไม่รู้นะว่ายุคนี้เขาทำน้ำผลไม้ขายกันหรือยัง แต่ว่าข้ารับรองว่าน้ำพั้นช์ของข้าต้องเด็ดดวง จนมีลูกค้ามาต่อแถวรอที่หน้าร้านอย่างแน่นอน
ซุยหลินยิ้มออกมาก่อนจะวาดฝันถึงอนาคตไปไกลโข เมื่อคั้นน้ำทับทิมจนเสร็จแล้วซุยหลินก็ให้เจียงเฉิงไปหยิบถังน้ำใบขนาดเล็กมาให้ และใช้ให้เจียงสุ่ยไปยกน้ำจากโอ่งมาต้มให้เดือด
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีซุยหลินก็เทเอาน้ำทับทิมและน้ำต้มสุกมาผสมอยู่ในถัง คนทั้งคู่ให้เข้ากันดีแล้วก็บีบน้ำมะนาวลงไปก่อนจะตักขึ้นมาชิมเป็นพักๆ จนรสชาติเข้ากันอย่างลงตัวแล้วก็ตักให้สองพี่น้องเจียงได้ชิม
“นี่มันอะไรกันขอรับ ข้าไม่เคยดื่มน้ำอะไรที่รู้สึกสดชื่นอย่างนี้มาก่อน” เมื่อดื่มน้ำพั้นช์ลงไปเจียงสุ่ยก็พูดออกมาพร้อมๆ กับทำตาโต
“โอ้โห.. มัน.. มันอร่อยยิ่งนักขอรับ” เจียงเฉิงเองก็มีอาการไม่ต่างกัน
“ถ้าพวกเจ้าได้ชิมน้ำพั้นช์ที่มีน้ำแข็งเจ้าจะรู้สึกสดชื่นกว่านี้อีก ไป ไปเอาน้ำแข็งที่ข้าทำไว้กัน”
ซุยหลินเดินนำสองพี่น้องเจียงไปที่ถังใบใหญ่ที่เมื่อคืนได้ทำน้ำแข็งทิ้งเอาไว้ เมื่อเปิดฝาไม้และผ้าขาวบางออกก็เจอเข้ากับน้ำแข็งในจอกไม้ไผ่ที่กำลังพ่นไอเย็นๆ ออกมา
“ฮ่า.. ข้าทำน้ำแข็งได้จริงๆ ด้วย”
ซุยหลินตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะกระโดดกอดคอเจียงเฉิงและเจียงสุ่ยอย่างดีใจ ทั้งสามคนช่วยกันยกจอกน้ำแข็งออกมาก่อนจะเดินกลับไปหาน้ำพั้นช์ที่พวกเขาทำเอาไว้
ซุยหลินแช่จอกน้ำแข็งลงไปในน้ำเพื่อให้น้ำแข็งหลุดออกมาแล้วเอาไปใส่ในผ้าขาวบาง ใช้สากด้ามยาวทุบน้ำแข็งให้แตกแล้วหยิบใส่จอกที่แห้งจากยางไม้แล้วทั้งหมดหกใบ ค่อยๆ ใช้กระบวยตักน้ำพั้นช์ใส่ลงไปในจอกก่อนจะช่วยกันถือคนละสองมือเอาไปให้เถ้าแก่ซุย พ่อบ้านและแม่บ้านเจียง
“นี่...นี่มันอะไรกัน” เถ้าแก่ซุยที่ยกน้ำพั้นช์ที่ว่าขึ้นดื่มก่อนจะพูดออกมาเสียงดังอย่างตกใจ “ทำไมข้าดื่มแล้วข้ารู้สึกสดชื่นยิ่งนัก ทั้งๆ ที่ตอนนี้อากาศร้อนแทบละลาย”
“นั่นสิขอรับนายน้อย ข้าว่าดื่มแล้วช่างสดชื่นยิ่งนัก”
เสียงทุกเสียงเป็นไปในทางเดียวกันว่าน้ำพั้นช์ของซุยหลินอร่อยและชื่นใจมาก อากาศร้อนๆ ได้ดื่มเข้าไปก็รู้สึกสดชื่นราวอยู่ในหน้าหนาว
“นี่จะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเปิดตัวครั้งใหม่ของเหลาสุราขอรับท่านพ่อ”
“ดีๆ เห็นทีว่าร้านของเราจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งเป็นแน่แท้” เถ้าแก่ซุยยิ้มกว้าง
“แต่ว่ามันก็มีข้อจำกัดนิดหน่อยขอรับ”
“ข้อจำกัดอะไรหรือ”
“ข้าไม่สามารถทำน้ำแข็งได้มาก เครื่องดื่มที่ต้องใช้น้ำแข็งเป็นส่วนประกอบอาจจะต้องกำหนดจำนวนขายวันต่อวันขอรับ”
“มันทำยากหรือ” เถ้าแก่ซุยสงสัย
“ไม่เชิงว่ายากขอรับ เพียงแต่ว่าลูก อาสุ่ย และอาเฉิงยังต้องทำเครื่องดื่มอีกหลายอย่าง ข้าเกรงว่าเราจะมีเวลาไม่มากพอ เพราะว่าข้าไม่อยากรับคนงานใหม่เข้ามา เนื่องจากว่ากลัวสูตรของเราจะโดนขโมยไป”
“อืม.. ที่เจ้าพูดมาพ่อก็เห็นด้วย” เถ้าแก่ซุยพยักหน้าเบาๆ
“งั้นให้ข้ากับภรรยาช่วยอีกแรงไหมขอรับนายน้อย” พ่อบ้านเจียงเสนอตัว
“ข้าเกรงใจ จะไม่รบกวนการทำงานของท่านสองคนหรือ”
“ไม่เลยขอรับ ข้าและภรรยาไม่ได้ทำงานทั้งวัน หากเราสองคนมีเวลาว่างเราจะเข้าไปช่วยพวกท่านเอง”
“เช่นนั้นก็ดีไปเลย เอาตามนี้แล้วกัน” ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะหันไปหาเถ้าแก่ซุยที่กำลังยกจอกน้ำพั้นช์ขึ้นดื่มอย่างถูกอกถูกใจ “แล้วเรื่องร้านที่ต้องปรับปรุงล่ะขอรับท่านพ่อ จะเสร็จเมื่อไหร่”
“จากที่พ่อคุยกับช่าง เขาเร่งให้ได้เร็วที่สุดภายในยี่สิบวัน”
“ก็น่าจะอีกสิบกว่าวันสินะขอรับ..คือว่าลูกว่าจะใช้การเปิดเหลาสุราอีกครั้งของเราด้วยการแจกเหล่าและน้ำพั้นช์นี้ให้ลูกค้าได้ทดลองดื่มแบบไม่คิดเงิน”
“แล้วมันจะไม่ขาดทุนแย่หรือ”
“ก็อาจจะมีบ้างขอรับ แต่ว่าจะกำหนดจำนวนไปเลยว่าเราจะทำการแจกเท่าไหร่ หากใครมาไม่ทันก็สามารถซื้อดื่มได้ในราคาครึ่งหนึ่ง วันแรกเราจะมีทั้งแจกแบบไม่คิดเงินและคิดเงินครึ่งราคาขอรับ”
“หากเจ้าคิดว่ามันจะทำให้เหลาสุราของเรากลับมารุ่งเรืองอีกครั้งพ่อก็จะเอาอย่างที่เจ้าว่า”
“ท่านพ่อวางใจได้เลยขอรับ ข้าจะทำให้เหลาสุราของเรารุ่งเรืองอีกครั้งแน่นอน” ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะจิบน้ำพั้นช์ที่ถืออยู่ลงคอไปอย่างมีความสุข
“อืม.. รสชาติน้ำนี่รู้สึกว่าแปลกใหม่แต่ก็อร่อยนัก ไม่เคยได้ลิ้มลองที่ไหนมาก่อน” พ่อบ้านเจียงพูดเบาๆ
“แน่นอนสิขอรับ เป็นสูตรที่ผีเข้าฝันข้าแล้วบอกมา” ซุยหลินทำท่าพูดเสียงกระซิบ
“เจ้านี่พูดจาเลอะเทอะ” เถ้าแก่ซุยขมวดคิ้ว
“ฮ่าๆ ข้าพูดจริงนี่นา” ซุยหลินหัวเราะออกมาเสียงดัง
ร่างบางมองทุกคนที่ดื่มน้ำพั้นช์ในมืออย่างมีความสุขก็ยิ้มออกมาบางๆ ภาพการเปิดเหลาสุราครั้งใหม่แล้วมีคนเข้ามาใช้บริการจนเหล่าช่วยกันดูแลลูกค้าไม่ทัน ทำเอาซุยหลินทำจมูกขยุกขยิกอย่างมีความสุข คิดถึงจำนวนเงินที่จะได้อย่างเพ้อฝัน
เมนูเครื่องดื่มก็ไปได้ดี เหลือแค่กับแกล้มที่ต้องสอนครอบครัวเจียงให้ช่วยกันทำ ซุยหลินวางแผนเอาไว้ว่าเริ่มแรกจะทำเป็นกับแกล้มง่ายๆ อย่างพวกถั่วทอด แต่อาจจะมีซอสรสชาติแปลกๆ ให้ลูกค้าได้เลือกสองสามอย่าง เผื่อว่าลูกค้าจะอยากลองอะไรที่แปลกใหม่
ซุยหลินกวาดสายตาไล่มองไปที่เถ้าแก่ซุย พ่อบ้านเจียง แม่บ้านเจียง เจียงสุ่ย และเจียงเฉิงทีละคน พร้อมกับหมายมาดในใจว่าเขาจะต้องดูแลทุกคนที่อยู่ภายในจวนนี้ไว้ให้ได้ จะต้องไม่ทำให้ทุกคนลำบาก ร่างบางยกมือขึ้นวางที่หน้าอกตัวเองก่อนจะพูดในใจว่าจะทำให้ทุกคนอยู่อย่างสบาย ไม่อยากให้เจ้าของร่างเดิมต้องเป็นห่วง ไม่นานก็รู้สึกขนลุกวูบหนึ่งราวกับว่าเจ้าของร่างคนเดิมรับรู้แล้ว
Talk. เครื่องดื่มของน้องหลินงอกออกมาเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะได้เวลาเปิดร้านสักทีน้า อยากให้น้องควงขวดโชว์แล้ว
Talk.2 เรารีไรท์เนื้อหาช่วงท้ายเล็กน้อยนะคะ เอาแพลนที่ว่าจะทำเหลาอาหารออก เพราะว่าดูเป็นไปได้ยากมากเลย แง.. มันแต่งตอนต่อไปลำบากค่ะ ไหนๆ ชื่อเรื่องก็คือเหลาสุรา เอาเป็นว่าเราจะมุ่งที่เหล้าและของมึนเมาอย่างเดียวเลย ตอนใหม่วันนี้อาจไม่อัพ หรืออัพช้านะคะ กำลังรีไรท์ใหม่อยู่เช่นกันค่า
เชิงอรรถ
^ การทำน้ำแข็งอันนี้เราอ้างอิงมาจากบันทึกของสมัยรัชการที่ 4 นะคะ เขาบอกว่าใช้ดินประสิว เกลือ และน้ำ แต่ไม่บอกวิธีทำเราเลยมโนขึ้นมาเองแล้วก็การทำแบบนี้มันจะไม่เป็นน้ำแข็งค่ะ มันจะเป็นน้ำที่มีลักษณะเย็นๆ ไม่จับตัวเป็นก้อน แต่เราอยากเขียนให้มันเป็นก้อนฮะ แค่นั้นเลย 555555