ถึงเนื้อถึงตัว

1356 Words
หลังจากรับประทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว พ่อเลี้ยงสิงห์ยังคงนั่งพูดคุยอยู่กับนายดิน คนอื่นๆ ต่างพูดคุยสัพเพเหระตามประสาครอบครัว ศสาลินนั่งติดกับบิดา หญิงสาวเอาแต่นั่งเงียบ เพราะสร้างวีรกรรมไว้กับคนโปรดของบิดาตั้งแต่วันแรก เธอรู้ดีว่าการทำงานของตนคงไม่มีทางราบรื่นเป็นแน่ หากนายดินคนนี้ยังคงเป็นหัวหน้าคนงานอยู่ "แล้วคุณย่าล่ะครับ วันนี้ผมยังไม่เห็นท่านเลย" นายดินหมายถึงคุณย่าลักษมี เพราะโดยปกติแล้วเวลาเขามาที่นี่ ก็จะมีโอกาสได้พูดคุยกับมารดาของพ่อเลี้ยงสิงห์อยู่เป็นประจำ "เมื่อเช้าคุณแม่ทราบข่าวคุณยายของน้องเอม เห็นว่าป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อเลยไปดูแลกัน พี่ตุลย์พาท่านไปค้างที่นั่นกับน้องเอม พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ ก็คงกลับมาแล้ว ถ้านายดินอยากคุยกับคุณย่าก็มาหาอีกก็ได้" แม้คุณย่าลักษมีจะมีอายุเกือบแปดสิบปีแล้ว ทว่าท่านกลับยังคงแข็งแรงและไปไหนมาไหนได้ตามปกติ ปลูกผักทำสวนหลังบ้านจนกลายเป็นงานประจำ ศสาลินแปลกใจเมื่อบิดาบอกหัวหน้าคนงานไปเช่นนั้น เรื่องอะไรที่เขาชอบมาพูดคุยกับคุณย่าของเธอ คงตีสนิทเพราะหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่างเป็นแน่ "พ่อเลี้ยงครับ ผมว่าผมขอตัวกลับไร่ดีกว่านะครับ วันนี้มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าจนป่านนี้จะสองทุ่มแล้ว" พ่อเลี้ยงธาราเอ่ยขึ้น ทำให้ดินตระหนักว่าตนก็ควรจะกลับเช่นเดียวกัน "งั้นหนูสาออกไปส่งนะคะ" ศสาลินฉีกยิ้มดีใจ เพราะอยากพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์อันน่ากดดันเช่นนี้ จากนั้นร่างเล็กจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน และเดินนำหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มออกไปยังหน้าบ้าน "งั้นผมขอตัวกลับเหมือนกันนะครับ พ่อเลี้ยงจะได้พักผ่อน" นายดินเอ่ยลาพ่อเลี้ยงสิงห์ พร้อมทั้งหันไปคลี่ยิ้มให้แม่เลี้ยงรสาและคนอื่นๆ ร่างสูงบึกบึนเดินออกมาบริเวณหน้าบ้าน จึงเห็นว่ารถของพ่อเลี้ยงธารากำลังขับออกไป สร้อยซึ่งแอบอยู่หลังเสาต้นใหญ่กำลังจะเดินออกมาหานายดิน ทว่ากลับเห็นศสาลินยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบถอยหลังกลับไป "นายดิน..." ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าราบเรียบ และไม่ยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว มือหนาทั้งสองข้างขยับขึ้นมาล้วงกระเป๋ากางเกงยีน พลางเมินหน้าหนีไปทางอื่น "ขอคุยด้วยหน่อยสิ" ความจริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายพูดไม่ดีก่อน แต่ถึงอย่างนั้นศสาลินก็รู้สึกผิดที่ไม่ยอมบอกว่าตนเป็นใคร หากนายดินจะโกรธก็ไม่ใช่เรื่องแปลก "นายดิน ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ?" "ผมไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณหนูสา แต่ถ้าอยากจะคุยจริงๆ ก็คงเป็นเวลางาน ขอตัวนะครับ" น้ำเสียงแข็งกระด้างทำให้ศสาลินคิดว่าเขาคงโกรธตน ร่างสูงกำยำเดินเบี่ยงตัวหลบคนขวางทางตรงไปยังรถ ทว่าหญิงสาวกลับวิ่งตามไป และถือวิสาสะดึงมือหนาที่กำลังเปิดประตูรถออก นายดินรีบชักมือออกจากสัมผัสของเจ้านายสาวอย่างรวดเร็ว "อย่ามาเดินหนีฉันแบบนี้นะ ฉันกำลังคุยกับนายอยู่" "เข้าบ้านไปเถอะครับ ผมจะกลับไปนอน" "ก็ฉันบอกว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย ฉันไม่สบายใจที่นายเอาแต่ทำหน้าบึ้งใส่ฉันแบบนี้" เขาเงียบไม่ยอมพูดอะไร และเอาแต่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาคู่สวยของศสาลิน เรียวปากอวบอิ่มสีกลีบกุหลาบเบะคว่ำเล็กน้อย "ถ้าจะคุยเรื่องที่คุณไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกสาวนายสิงห์ก็ไม่จำเป็น เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรกับผม" "จะบอกว่าที่ทำหน้าบึ้งแบบนี้ไม่ได้โกรธว่างั้น" "โกรธสิครับ แต่ถึงโกรธไม่โกรธหน้าผมก็เป็นแบบนี้แหละ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก คุณเป็นเจ้านายนี่" นายดินขยับมือขึ้นมาดันหัวไหล่เล็กให้ถอยห่างออกจากตัวรถ จากนั้นจึงเปิดประตูรถออก ทว่าศสาลินกลับรีบมุดตัวลอดใต้วงแขนชายหนุ่มเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ เขารู้สึกตกใจไม่น้อยกับการกระทำของหญิงสาว "อย่ามาทำแบบนี้นะ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ" "แล้วคิดว่าฉันเล่นอยู่หรือยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่ขอโทษนายหรอก ฉันก็แค่อยากจะถามว่านายพูดดีๆ กับคนอื่นไม่เป็นหรือยังไงกัน" เธอแหงนหน้าขึ้นมาถาม และจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายที่ค่อนไปทางบึ้งตึง "ลงมาจากรถ ถ้าคุณพ่อคุณแม่คุณออกมาเห็นคงไม่เป็นเรื่องดี ผมเป็นแค่คนงาน" "ไม่เห็นจะสนใจเลย นี่ถ้าจะทำงานด้วยกัน นายจะทำหน้าบึ้งแล้วก็พูดไม่ดีแบบนี้กับฉันตลอดไปเหรอ?" "ผมก็เป็นของผมแบบนี้ ลงจากรถเดี๋ยวนี้" ประโยคนี้เหมือนการออกคำสั่ง แววตาและน้ำเสียงดุดันไม่ต่างกัน ศสาลินรู้สึกหวาดกลัว "ถ้าเป็นแบบนี้ก็เกินไปนะ แบบนี้จะทำงานร่วมกับคนอื่นได้ยังไง นายคนไม่มีหัวใจ" เธอว่าให้เขา เพราะความนิ่งเงียบของอีกฝ่ายสร้างความรู้สึกหงุดหงิดใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก "ถึงผมจะเป็นแค่คนงานแต่ผมก็มีหัวใจ และถ้าคุณมีจิตสำนึกมากพอก็กรุณาลงจากรถผม เพราะผมไม่อยากถูกไล่ออกเรื่องที่มายุ่งวุ่นวายกับลูกสาวเจ้านายแบบนี้" สสาลินหน้าบึ้ง เอาแต่แหงนหน้าจ้องมองเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ใช่อยู่ที่เขามีหัวใจ แต่ทำไมถึงได้เย็นชาถึงเพียงนี้ "ฉันลงรถก็ได้ คืนนี้นายไม่อยากคุยกับฉันก็ไม่เป็นไร แต่พรุ่งนี้ได้คุยกันแน่ ฉันจะต้องปรับทัศนคติกับนายยกใหญ่เลย เพราะตอนนี้ฉันเป็นเจ้านาย" ศสาลินยอมก้าวขาลงจากรถ ร่างเล็กลุกขึ้นยืน ใบหน้าสวยจึงอยู่ในระดับแนบชิดแผงอกกว้าง นายดินก้มลงมองดวงหน้าสวยหวานที่ตนเผลอไผลจ้องมองอย่างลืมตัว ศสาลินหลบสายตาที่เปลี่ยนไปคู่นั้น แววตาดุดันประกายโหยหาสื่อถึงอารมณ์บางอย่าง นานมากแล้วที่นายดินไม่เคยใกล้ชิดอิสตรี และศสาลินไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจ ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผงอกกว้าง จมูกโด่งรั้นสูดดมกลิ่นกายหอมน่าเสน่หา เธอสังเกตเห็นกระดุมเสื้อของเขาหลุดออก จึงถือวิสาสะยกมือขึ้นมาแตะสัมผัสแผงอกกว้างเพราะตั้งใจจะติดกระดุมเสื้อให้เขา "อย่าแตะตัวผม" นานดินกดเสียงต่ำ น้ำเสียงดุดันทำให้มือเล็กชะงักออกด้วยความตกใจ ร่างสูงก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อหลีกทางให้สสาลินเดินออกจากประตูรถ "ดุจัง" เสียงเล็กพึมพำ ตั้งสติใจดีสู้เสือโดยการจ้องมองใบหน้าคมเข้มที่หันกลับมาจ้องมองตนเช่นเดียวกัน เขาส่ายหน้าน้อยๆ แล้วจึงก้าวขึ้นรถพร้อมทั้งขับออกจากหน้าบ้านพ่อเลี้ยงสิงห์ไป ด้านสร้อยซึ่งแอบมองทั้งสองคนอยู่เนิ่นนานได้แต่แปลกใจ หล่อนไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเหตุการณ์เช่นนี้ให้คนอื่นฟังอย่างไร จึงตัดใจเดินกลับเข้าห้องพักของตนเอง ศสาลินสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของหัวหน้าคนงานคนนี้ และเมื่อเธอมีเรื่องค้างคาใจย่อมไม่สามารถอยู่เฉยได้ ร่างเล็กรีบวิ่งไปขึ้นรถจิ๊ปคันโปรดของตนเอง จากนั้นจึงขับตามรถนายดินไปห่างๆ ขอคอมเมนต์หน่อยนะคะ ขอบคุณค่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD