เหยียนหยงเล่อได้บิดาของหนิงเซียนช่วยชีวิตเอาไว้ในตอนที่เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวมารดาที่ฉางซา หนิงเซียนเองก็ช่วยดูแลเขาในช่วงนั้นด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงรู้จักกันนับแต่ตอนนั้น พอเหยียนหยงเล่อกลับเมืองหลวง ทั้งคู่ก็เขียนจดหมายถึงกันอยู่เสมอ ความผูกพันธ์กลายเป็นความรัก ทั้งคู่บ่มเพาะความรักนานหลายปี สุดท้ายชายหนุ่มก็ขอคนรักแต่งงาน แม้หนิงเซียนจะกังวลเรื่องฐานะชนชั้น บ้านของนางเป็นเพียงครอบครัวคนค้าขาย ส่วนเขาเป็นถึงขุนนางตระกูลใหญ่ หากแต่เหยียนหยงเล่อให้คำมั่นว่าเรื่องนั้นจะไม่เป็นปัญหาระหว่างเรา เพราะรู้ว่าที่บ้านตนเป็นอย่างไร
หนิงเซียนจึงยอมแต่งงานกับเขาและจำต้องจากบ้านเกิดย้ายมาอยู่เมืองหลวงกับสามี
แต่งงานกันได้ไม่นาน หนิงเซียนก็ตั้งท้องลูกคนแรก สองสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันดี ซ้ำยังหวานชื่นราววันแรกรักแม้พวกเขาจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่ง หนิงเซียนได้รับจดหมายจากทางบ้านบอกว่าท่านแม่กำลังป่วยหนัก ขอให้นางมาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย
ช่วงนั้นเหยียนหยงเล่อยังยุ่งกับเรื่องชิงตำแหน่งรัชทายาทให้หลี่เฟิ่ง เขาจึงไม่อาจเดินทางเป็นเพื่อนนางได้ เพราะต้องเดินทางอย่างรีบเร่ง หนิงเซียนจึงไม่อยากพาลูกชายไปด้วย ตอนนั้นเหยียนอันน้อยอายุได้สามขวบเอง
เมื่อหนิงเซียนกลับมา นางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คราแรกเหยียนหยงเล่อก็ไม่เอะใจสงสัย เพราะเขายังยุ่งเรื่องงานสำคัญจึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน กระทั่งเวลาล่วงเลยหลายเดือน ข่าวลือมากมายเริ่มตามมาว่าภรรยาที่เขารักได้มีชายอื่น นางทำตัวเป็นสตรีใจง่ายทอดกายให้ชายอื่นเชยชมโดยไม่ไว้หน้าสามี กับลูกนางก็ห่างเหิน ด่าทอและทุบตี ทั้งที่ลูกนั้นเป็นแก้วตาดวงใจ ทำตัวราวกับเป็นคนละคน
ในคืนหนึ่ง จู่ๆ หนิงเซียนก็เข้ามาหาเขาที่ห้องลับในตำหนักของหลี่เฟิ่ง นางต้องการยั่วยวนเขา เหยียนหยงเล่อสงสัยในตัวภรรยาคนนี้มานาน เขาจึงกดร่างนางลงบนโต๊ะ จัดการกระชากชุดจนขาดวิ่น ตอนนี้เขาถึงรู้ว่าเนินอกซ้ายของนางไม่มีปานแดงแล้ว แม้จะเห็นนางเปลือยเปล่า หากแต่เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไร มีเพียงความรังเกียจเท่านั้น จึงไล่ตะเพิดนางออกจากห้องไป
เหยียนหยงเล่อไม่ทราบว่าหมิงหรูต้องการอะไรถึงทำเช่นนี้ โยว่เหนียนสืบมาได้อีกว่า หนิงเซียนคนรักได้ตายไปแล้ว คนที่สังหารหนิงเซียนก็คือหมิงหรู ชายหนุ่มแทบจะกระโจนเข้าไปหักคอนางให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น หากแต่เขายังเห็นแก่ท่านลุงชุย อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นลูกสาวอีกคนของผู้มีพระคุณ จึงยังไม่คิดทำอะไรเปิดเผยโจ่งแจ้ง ตอนนี้ท่านลุงชุยยังไม่รู้เลยว่าหนิงเซียนนั้นได้ตายไปแล้ว ที่อยู่ตอนนี้คือหมิงหรู
พี่สาวฝาแฝดของหนิงเซียน
เหยียนหยงเล่อตกอยู่ในภวังค์ที่สับสน ไหนว่าหนิงเซียนตายไปแล้วอย่างไรเล่า? หากนี่คือหนิงเซียนตัวจริง แล้วหมิงหรูเล่า?
“ฮึก...อย่าฆ่าข้าเลย ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังอยากอยู่กับลูก...” หนิงเซียนละเมอ น้ำตาไหลจากหางตา
เหยียนหยงเล่อได้สติ เขามองใบหน้าซีดขาวนั้น หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาทันที เขายกมืออันสั่นเทาลูบศีรษะน้อยปลอบโยน “เซียนเอ๋อร์ ข้ารักเจ้า ย่อมไม่มีวันทำร้ายเจ้าและไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าเช่นกัน” พูดจบชายหนุ่มก็จุมพิตบนริมฝีปากซีดขาวของภรรยา
หนิงเซียนไม่รู้ตนเองหลับไปนานเท่าไร นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าลูกหมูนอนหลับซุกตัวอยู่ข้างๆ นาง หนิงเซียนเห็นเขาไม่เป็นอะไรนางก็เบาใจ
หญิงสาวรู้สึกปวดเบาจึงจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ทว่ากลับลุกไม่ขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ พาดอยู่บนเอว นางหลุบตามองดูก็เห็นว่าเป็นท่อนแขนของผู้ชาย ไล่สายตาขึ้นไปถึงกับผงะตกใจ
เหยียนหยงเล่อกำลังนอนกอดนาง!
หนิงเซียนจึงไม่กล้าขยับตัว นางนอนลงเหมือนเดิม ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นางนอนจ้องคานห้องจนผ่านไปครู่ใหญ่ จึงทำใจหันไปมองเขาอย่างสำรวจ
เหยียนหยงเล่อเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา เขาตัวสูง ผิวขาว ตารียาวและคิ้วเข้ม หญิงสาวมองไล่จนถึงริมฝีปากหยัก หัวใจนางก็เต้นแรงขึ้นมาทันที ความนุ่มชุ่มชื้นยังติดตรึงบนริมฝีปากตนเองราวเกิดขึ้นจริง
นางขมวดคิ้ว จ้องใบหน้าของเขาอยู่เนิ่นนาน จู่ๆ นางก็รู้สึกคุ้นเคยกับเขาขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่ขบคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งและเบิกตาโพลง เมื่อชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านข้างลืมตาขึ้น เขาจ้องหน้านางเขม็ง
หนิงเซียนเห็นเขาตื่นแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบา “คือ...ข้าอยากเข้าห้องน้ำ”
เหยียนหยงเล่อพยักหน้า ก่อนยกแขนออกจากเอวนางแล้วพลิกตัวนอนหงาย หนิงเซียนรีบลุกอย่างลนลานและก้าวยาวๆ ออกจากห้องด้วยใบหน้าเห่อแดง
เหยียนหยงเล่อให้อาจารย์เหลียงมาสอนลูกชายแค่ครึ่งวัน ช่วงบ่ายเหยียนอันน้อยจึงมีเวลาว่าง เด็กน้อยดีใจรีบวิ่งมาหาท่านแม่ที่เรือน เขาอยากให้ท่านแม่เล่านิทานสนุกๆ ให้ฟัง
เซียนหนิงแปลกใจ ที่เหยียนหยงเล่อยอมให้ลูกชายเรียนแค่ครึ่งวันตามที่นางเคยร้องขอ ทั้งที่เขาเป็นคนเข้มงวดเรื่องเรียนของลูกมาก นางรู้สึกว่าพักหลังมานี้เขาดูแปลกไป ไม่ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่านางเวลาเจอหน้ากันแล้ว
หนิงเซียนที่กำลังนั่งปะชุดตัวที่ขาดให้ลูกชายต้องหยุดมือลง เมื่อเจ้าลูกหมูคุกเข่ากอดขานางไว้แน่น เขาออดอ้อนอยากฟังนิทาน
หญิงสาวก้มมองลูกชายแล้วบอกยิ้มๆ ว่า “นิทานเอาไว้ฟังก่อนนอน”
หนิงเซียนพาเจ้าลูกหมูมานั่งเล่นที่ใต้ต้นหลิวในสวนข้างเรือน ลี่จวินกับอาเจา สาวใช้อีกคนช่วยกันยกโต๊ะเล็กและอุปกรณ์วาดเขียนตามมา
“ท่านแม่ ข้าวาดมังกรได้” เหยียนอันน้อยอวดความสามารถของตน สีหน้ามั่นใจเกินร้อย
“ว้าว แม่อยากเห็นจังเลย” หนิงเซียนเอ่ยอย่างตื่นเต้น สองแม่ลูกนั่งบนพื้นหญ้าอย่างเรียบง่าย ลี่จวินคอยช่วยฝนหมึกอยู่อีกโต๊ะ นางเห็นนายน้อยมีความสุข นางก็พลอยมีความสุขด้วยเช่นกัน
“ลี่จวิน เจ้าเอาดอกไม้แห้งมาด้วยหรือไม่” ก่อนยกอุปกรณ์วาดเขียนมาด้านนอก หนิงเซียนเองไม่ลืมกำชับให้ลี่จวินหยิบดอกไม้แห้งที่ใช้อบผ้ามาด้วย
ลี่จวินพยักหน้าแล้วนำดอกไม้แห้งวางไว้บนโต๊ะฮูหยิน “เอามาเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ มังกรข้า! มังกรข้า!” เหยียนอันน้อยวาดมังกรเสร็จแล้ว เขาชูกระดาษในมือขึ้น อวดให้ท่านแม่ดูด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “มังกรข้าสวยไหม”
หนิงเซียนเห็นมังกรฝีมือเจ้าลูกหมูแล้วกลั้นหัวเราะ มองอย่างไรก็งูน้อยที่มีขาและหนวด แต่เด็กอายุเท่านี้นับว่ามีจิตนาการล้ำเลิศไม่เลว “สวย ฝีมือลูกแม่ไม่เลวเลย!”
เมื่อได้รับคำชมเด็กน้อยก็กระโดดโลดเต้นดีใจ วิ่งเอารูปวาดมังกรไปอวดพี่เลี้ยงสาวด้วย “มังกรสวยไหม”
ลี่จวินอมยิ้ม พยักหน้าน้อยๆ “สวย สวยมากเจ้าค่ะนายน้อย”
“มังกรหรือ...ข้านึกว่านายน้อยวาดงูดินเสียอีก” อาเจากระซิบพูดกับลี่จวิน ลี่จวินที่ยังคงยิ้มให้นายน้อยเอื้อมมือไปหยิกเนื้อที่แขนอาเจาให้นางเงียบปากเสีย
นายน้อยบอกว่ามังกรก็มังกรสิ!
หนิงเซียนนำดอกไม้แห้งมาบดกับน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ได้สีจากดอกไม้ นางได้สีเหลือง สีแดงและสีน้ำเงินจากดอกไม้สามชนิด นำพู่กันมาจุ่มแล้ววาดรูปดอกไม้ลงบนกระดาษ
เหยียนอันน้อยเห็นสีสันบนกระดาษก็ตาลุกวาว ถามท่านแม่เสียงตื่นเต้น “ท่านแม่ สีพวกนี้ได้มาจากดอกไม้หรือ” เจ้าลูกหมูนั่งกอดเข่าเบียดท่านแม่ของเขา มองมือขาวเรียวจับพู่กันตวัดวาดเขียนลงบนกระดาษ สองสีเมื่อผสมกันก็กลายเป็นอีกสีเขายิ่งตื่นเต้น!
“ใช่แล้ว ลูกอยากลองบ้างหรือไม่”
เด็กน้อยพยักหน้า “อยากขอรับ” เขายังคงนั่งเบียดท่านแม่อยู่ไม่ห่าง มืออวบจับพู่กันแล้วเริ่มวาดภาพในจินตนาการ หนิงเซียนมองลูกชายอย่างเอ็นดู
นางมีความสุขเหลือเกิน
ลี่จวินเห็นฮูหยินนำดอกไม้แห้งมาบดกับน้ำก็ทำตามบ้าง นางและอาเจาก็นั่งวาดรูปเล่นอยู่อีกโต๊ะ
เหยียนอันวาดรูปเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นจ้องมารดาตาใสแจ๋ว “ท่านแม่ ข้าวาดเสร็จแล้ว นี่คือภาพครอบครัว” เด็กน้อยชี้นิ้วบนกระดาษแล้วอธิบายเพิ่มเติม “นี่คือท่านแม่ ส่วนนี่คือท่านพ่อและนี่ก็คือเหยียนอัน” สิ่งที่เจ้าลูกหมูวาด แม้จะมองไม่ค่อยออกว่าเป็นรูปร่างคนแต่สีที่เขาเลือกก็คือสีชุดที่ท่านพ่อและท่านแม่ใส่วันนี้
หนิงเซียนมอง ‘ภาพครอบครัว’ นั้นแล้วรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาคลอหน่วย
นอกจากวาดรูปแล้ว หนิงเซียนยังสอนลูกชายพับกระดาษเป็นสัตว์ต่างๆ เหยียนอันทั้งตื่นเต้นและรู้สึกสนุก เขาเล่นอย่างไม่รู้เหนื่อยเลยจนกระทั่งเย็น
เสียงพูดคุยหัวเราะดังแว่วไปตามสายลมที่พัดเอื่อยๆ เหยียนหยงเล่อมองภาพนั้นด้วยสายตาพร่าเลือน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ
“นายท่าน ฮูหยินเปลี่ยนไปอีกแล้ว นางเหมือนกลับไปเป็นคนเดิมเลยขอรับ” หลิวหร่านสังเกตมาหลายวัน ฮูหยินไม่ปีนกำแพงออกนอกจวน ซ้ำพฤติกรรมทุกอย่างก็คล้ายกลับกลายไปเป็นคนเดิม พ่อบ้านหลิวไม่เข้าใจฮูหยินเลย ยิ่งคิดเรื่องฮูหยินเขาก็ยิ่งปวดหัว!
เหยียนหยงเล่อไม่พูดอะไร ยืนเงียบๆ เช่นนั้นอยู่นาน เขาเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนหันไปเอ่ยกับโยว่เหนียนว่า “สืบเรื่องหมิงหรู ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ตายหรือยัง แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
โยว่เหนียนประสานมือแล้วค้อมตัวลง “ขอรับ!” ทว่าก่อนจากไปเขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จะไปสืบหาหมิงหรูทำไม ก็ในเมื่อนางอยู่ตรงหน้า
เหยียนหยงเล่อเหมือนเข้าใจสายตานั้น “นางไม่ใช่หมิงหรู”
โยว่เหนียนยังงงอยู่มาก แต่ก็พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
หลิวหร่านมองพวกเขาทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ หมิงหรูคือผู้ใดกัน! เขาอยู่กับนายท่านมานานเหตุใดถึงไม่คุ้นชื่อนี้เลย
พอโยว่เหนียนเดินจากไป หลิวหร่านก็กำลังจะอ้าปากถามในสิ่งที่ตนสงสัย แต่เหมือนเหยียนหยงเล่อจะรู้ทันพ่อบ้านชอบสอดรู้สอดเห็นผู้นี้ เขาจึงสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวจากไป ไม่ลืมกำชับเสียงเย็น “ไปตั้งโต๊ะเตรียมมื้อเย็นได้แล้ว!”
วันต่อมา เหยียนหยงเล่อมาตำหนักบูรพาเข้าเฝ้ารัชทายาทหลี่เฟิ่งแต่เช้าตรู่
“หยงเล่อ พักหลังเจ้าใจร้อนไปแล้วนะ” หลี่เฟิ่งพูดจบก็โยนม้วนฏีการ้องเรียนจากเหล่าขุนนางเฒ่าให้เหยียนหยงเล่อ ชายหนุ่มรับมาถือไว้เฉยๆ ไม่แม้จะเปิดอ่านเลยสักนิด
หลี่เฟิ่งรู้ความลับเหยียนหยงเล่อดี พอๆ กับที่เหยียนหยงเล่อรู้ความลับของเขา ทั้งสองนับว่าศีลเสมอกัน จึงเป็นสหายกันได้
“งานล่าสัตว์ที่อุทยานหลวง พี่สามจะลอบสังหารข้า เจ้าก็เจ็บตัวหน่อยแล้วกัน พวกตาแก่จะได้เห็นใจเจ้าบ้าง” เพราะพักหลังเจ้านี่วู่วามเกินไป เขาสังหารคนราวผักปลา แต่หลี่เฟิ่งก็รู้ว่าเหยียนหยงเล่อทำเพื่ออะไร เขากำลังแก้แค้นแทนมารดาและภรรยาที่ล่วงลับ
เหยียนหยงเล่อหรี่ตามองรัชทายาทหนุ่ม จากนั้นก็ทำหน้าเบื่อหน่าย พูดเพียงเท่านี้ ทั้งสองก็เป็นอันรู้กัน
“เจ้ากล้าฆ่านางจริงหรือ” หลี่เฟิ่งรู้ว่าภรรยาที่อยู่ข้างกายเหยียนหยงเล่อไม่ใช่หนิงเซียน หนิงเซียนตัวจริงได้จากโลกนี้ไปแล้ว ที่เขาถามเช่นนี้ก็เพราะรู้นิสัยเหยียนหยงเล่อดี แม้เขาจะใจร้ายไปบ้าง แต่หากเรื่องที่จะลงมือเกี่ยวข้องกับผู้มีพระคุณเขาก็จะลังเลทันที
เหยียนหยงเล่อหลุบตาลง เลือกที่จะไม่ตอบ หลี่เฟิ่งส่ายหน้า กล่าวเสริมอีกว่า “จางหลิ่ง น้องชายของแม่เจ้ายักยอกเงินจากคลังหลวง โทษต้องประหารสถานเดียว”
เหยียนหยงเล่อไม่ลังเลที่จะกล่าว “ทำผิดก็ต้องรับโทษตามสมควร ส่วนเรื่ององค์ชายสาม กระหม่อมว่าจัดการให้เด็ดขาดเลยดีกว่า”
หลี่เฟิ่งเห็นตามสมควร กว่าจะขึ้นมาเป็นรัชทายาทได้ เขาต้องฝ่าฝันกับเหล่าองค์ชายมาไม่น้อย ดีที่ได้เหยียนหยงเล่อคอยจัดการ “ตามแต่เจ้าเถอะ เพียงเจ้าอย่าตายก็แล้วกัน เพราะหนทางข้างหน้าข้ายังต้องพึ่งพาเจ้า” รัชทายาทหนุ่มยิ้มกะล่อน ก่อนเดินเข้ามาตบไหล่ชายหนุ่ม เจ้าตัวถึงกับหน้ากระตุกเลยทีเดียว