ตอนที่ 8 กิจกรรมยามบ่าย

2195 Words
หนิงเซียนจูงเจ้าลูกหมูมาที่โถงซือจี๋ เหลียงซือฝูเริ่มคุ้นเคยกับมารดาของลูกศิษย์ตัวน้อยแล้ว เป็นธรรมดาเมื่อเจอหน้ากันย่อมต้องทักทาย “เหยียนฮูหยิน” “อาจารย์เหลียง” เหลียงฝานเหวินยังหนุ่มยังแน่นและยังไม่แต่งงาน เขาเป็นผู้สอบจอหงวนในปีนี้ได้ เหยียนหยงเล่อเห็นเขามีความสามารถระหว่างรอรับตำแหน่งในราชสำนักจึงขอให้มาช่วยสอนลูกชายตนที่บ้าน เหลียงฝานเหวินเองก็เคยได้ยินข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ พอได้มาสัมผัสถึงรู้ว่าข้างนอกคงเล่าลือกันไปมั่ว สตรีที่อ่อนโยนราวแสงแรกอรุณเช่นนี้น่ะหรือจะทำตัวไร้คุณธรรม! สามวันก่อนชายหนุ่มกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดมา เขานำของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย หนึ่งในนั้นก็คือกำไลไม้ ดูเหมือนจะเป็น ของธรรมดาหากแต่ลายที่สลักบนกำไลนั้นบอกได้เลยว่าทำยากมาก หากช่างทำไม่ชำนาญ กำไลก็จะแตก “เอ่อ เหยียนฮูหยิน พอดีข้ากลับไปเยี่ยมบ้านเดิมมา มีของฝากให้ท่านเล็กน้อย” พูดจบเขาก็ล้วงเอากำไลไม้ที่ห่อด้วยผ้าอย่างดีออกมาแล้วยื่นให้แม่ของลูกศิษย์ หนิงเซียนรับและเปิดดูพบว่าเป็นกำไลสองชิ้น มีวงเล็กและวงใหญ่ เหลียงฝานเหวินอธิบายเสริม “ของท่านและลูกศิษย์” หนิงเซียนพยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณท่านอาจารย์” หลิวหร่านยกน้ำชาเข้ามาให้พอดี แน่นอนว่าย่อมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พ่อบ้านหลิวคนนี้ถือว่าเป็นหูเป็นตาให้กับเหยียนหยงเล่อ เมื่อยกน้ำชาขึ้นโต๊ะเสร็จเขาก็รีบแจ้นไปรายงานนายท่านทันที “นะ...นายท่าน ข้าว่าอาจารย์เหลียงผู้นี้คิดไม่ซื่อกับฮูหยิน ของฝากมีตั้งเยอะแยะ เหตุใดต้องให้กำไลด้วย” พ่อบ้านหลิวกอดอกทำท่าครุ่นคิดราวกับเป็นเรื่องของตนเองอย่างไรอย่างนั้น “ก็เพราะของฝากมีมากมาย แล้วเหตุใดถึงให้กำไลไม่ได้ล่ะ” โยว่เหนียนเอ่ยถาม “ท่านช่างไม่รู้อะไรเสียเลย การที่มอบเครื่องประดับให้สตรีที่ไม่ใช่ญาติหรือมิตรสหายก็กลายๆ ว่าแอบมีใจอย่างไรเล่า!” คิ้วของเหยียนหยงเล่อกระตุก ก่อนหันไปสั่งการกับหลิวหร่าน “ไปบอกอาจารย์เหลียง พรุ่งนี้ไม่ต้องมาสอนเสี่ยวอันแล้ว!” หลิวหร่านมองหน้าเจ้านายอย่างงุนงง คิดจะไล่ก็ไล่เช่นนี้เลยหรือ หากแต่ก็รับคำสั่ง “ขอรับ” พอหลิวหร่านออกไป โยว่เหนียนก็รายงานเรื่องสำคัญให้ทราบ เพราะเหยียนหยงเล่ออยู่แต่ในจวนไม่ได้เข้าราชสำนักหลายวันแล้ว “องค์ชายสามถูกตั้งข้อหากบฏและถูกเนรเทศไปยังชายแดน ไม่มีรับสั่งห้ามกลับเข้าเมืองหลวงขอรับ” การกำจัดองค์ชายสามหาใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพียงแต่หลี่เฟิ่งขี้เกียจลงมือจัดการด้วยตนเอง ทุกอย่างล้วนให้เขาจัดการตามแต่ใจ สาเหตุที่เหยียนหยงเล่อช่วยรัชทายาทหลี่เฟิ่ง ก็เพราะในบรรดาองค์ชายเขาคือคนที่คู่ควรกับบัลลังก์มากที่สุด แม้แต่ตำแหน่งรัชทายาท ก็เป็นเหยียนหยงเล่อที่แย่งมาให้หลี่เฟิ่ง และเหตุการณ์นั้นก็มีส่วนทำให้เขาไม่สามารถเดินทางกลับไปเยี่ยมท่านป้าชุยพร้อมภรรยาได้ จึงทำให้เสียนางไปในที่สุด แต่ช่างเถิด...เพราะตอนนี้นางก็กลับมาหาเขาแล้ว ในตอนบ่าย หนิงเซียนที่กำลังนั่งปะผ้าให้ลูกและสามีที่ลานหน้าเรือน ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ลูกชายก็วิ่งมาบอกว่าพรุ่งนี้อาจารย์จะไม่มาสอนเขาแล้ว “เพราะอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงเลิกสอน อาจารย์บอกเหตุผลกับลูกหรือไม่” หนิงเซียนถามเจ้าลูกหมูที่พยายามปีนนั่งตักท่านแม่ของเขา เหยียนอันน้อยส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ” เขาเศร้าเล็กน้อยเพราะชื่นชอบอาจารย์ท่านนี้ หากแต่เศร้าได้แค่ครู่เดียว เด็กน้อยก็อ้อนท่านแม่ของเขา “ท่านแม่ วันนี้พวกเราจะเล่นอะไรกันดี” หนิงเซียนกอดลูกชายบนตักไว้แน่น เนื้อเจ้าลูกหมูช่างแน่นเสียเหลือเกิน นางกำลังครุ่นคิดว่าจะพาลูกทำกิจกรรมอะไรดีบ่ายนี้ “อืม...ขอแม่คิดก่อน” “เจ้าโตแล้วจะมานั่งตักแม่เช่นนี้ไม่ได้” เหยียนหยงเล่อพรวดพราดเข้ามา อาการเขาดีจนหายเป็นปกติแล้วแต่ยังไม่ยอมออกไปทำงานทำการเสียที หนิงเซียนเม้มปาก รู้สึกไม่ค่อยพอใจที่เขาว่าให้ลูก เหยียนอันน้อยถูกบิดาของเขาดุก็จะปีนลงจากตักท่านแม่ท่าเดียว แต่หนิงเซียนไม่ยอมกลับกอดรัดลูกชายไว้แนบแน่น “โตอะไรกัน ลูกพึ่งสี่ขวบเอง” เด็กน้อยได้ฟังก็อมยิ้มหวาน ซบหน้าลงบนอกนิ่มของท่านแม่ พลางเหลือบตามองใบหน้าบึ้งตึงของบิดา เหยียนหยงเล่อถอนหายใจ ก่อนบอกว่า “ข้าจะให้ลูกไปเรียนที่สำนักศึกษาซื่อยู่ ที่นั่นมีอาจารย์เก่งๆ หลายท่าน จึงจะมาถามความเห็นเจ้า เซียนเอ๋อร์ เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร” เขาตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะให้เหยียนอันเข้าเรียนที่นั่น เด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็รีบเงยหน้ามองท่านแม่ สายตาเว้าวอนไม่อยากไป หากไปเขาก็ต้องอดเล่นกับท่านแม่ หนิงเซียนเองก็ก้มมองเจ้าลูกชายตัวอ้วน นิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตอบตกลง นางอยากให้เขามีเพื่อนและมีสังคมของตนเอง ได้เห็นโลกภายนอก นางเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากให้เขาได้เรียนรู้ “ข้าก็ว่าดี ข้าเห็นด้วย” เจ้าลูกหมูทำหน้าเศร้า ส่วนพ่อของเขากลับยิ้มกริ่ม เหยียนหยงเล่อคล้ายมีความสุขมาก เขานั่งลงข้างภรรยา ออดอ้อนนางว่า “เซียนเอ๋อร์ ข้าอยากกินบะหมี่ผัดไข่ฝีมือเจ้า เจ้า ทำให้ข้ากินได้หรือไม่” เขาคิดถึงฝีมือนางจริงๆ เพราะปกติยามว่าง นอกจากเย็บผ้านางก็จะเข้าครัว หนิงเซียนเหมือนคิดอะไรออกจึงยิ้มหวาน นางรู้แล้วว่าจะพาลูกชายทำกิจกรรมอะไรในยามบ่ายนี้ดี “ได้เจ้าค่ะ” หนิงเซียนจูงมือเจ้าลูกหมูพาเขาเข้ามาในครัว เด็กน้อยเงยหน้ามองท่านแม่อย่างไม่เข้าใจ “ท่านแม่ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรือขอรับ” หนิงเซียนนั่งลงตรงหน้าลูกชาย ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขา “พ่อของลูกเขาอยากกินบะหมี่ผัดไข่ฝีมือแม่ ลูกเองก็มาช่วยแม่ทำดีหรือไม่ จะได้เสร็จไวๆ” แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านพ่อต้องมาหิวเวลานี้ด้วย แต่เหยียนอันน้อยก็รีบพยักหน้ารับ “ดีขอรับ” ช่วยท่านแม่ทำจะได้รีบเสร็จ ท่านแม่จะได้ว่างแล้วมาเล่นกับเขา สาวใช้ห้องครัวเมื่อเห็นฮูหยินเข้ามาใช้ครัวก็พากันตื่นตกใจ หากเป็นคนที่ทำงานนานหน่อยก็จะเฉยๆ เพราะคุ้นชินกับการที่ฮูหยินเข้าครัวอยู่แล้ว “เสี่ยวอัน ลูกช่วยแม่ล้างผักพวกนี้ทีนะ” หนิงเซียนวางตะกร้าผักไว้ที่ลานล้าง เจ้าลูกหมูของนางตอบรับท่าทางแข็งขัน ส่วนลี่จวินก็เข้ามาช่วยนายน้อยพับแขนเสื้อขึ้นและคอยช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในตะกร้ามีเพียงต้นหอม ถั่วงอกและแครอท ไม่รู้ล้างกันอย่างไร พอล้างเสร็จเหยียนอันน้อยก็ตัวเปียกโชกไปทั้งตัว รวมถึงพี่เลี้ยงลี่จวินด้วย หนิงเซียนเห็นแล้วทั้งขำทั้งเอ็นดู ก่อนบอกให้ลี่จวินให้รีบพาเจ้าลูกหมูไปเปลี่ยนชุด กลัวว่าจะเป็นหวัดเอา หนิงเซียนตั้งหม้อลวกเส้นบะหมี่จนเกือบสุก ก่อนนำไปจุ่มในน้ำเย็นและรอสะเด็ดน้ำจนแห้ง จากนั้นค่อยมาหันแครอทเป็นเต๋าและซอยต้นหอม ตั้งกระทะทอดไข่จนเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตอนนี้เจ้าลูกหมูเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขารีบวิ่งเข้ามาหาท่านแม่ในครัว หนิงเซียนยิ้มน้อยๆ ก่อนก้มหอมแก้มเขาอย่างมันเขี้ยว หญิงสาวเพิ่มน้ำมันในกระทะเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนอีกนิดแล้วค่อยใส่ต้นหอมซอย แครอทและถั่วงอกลงไป ผัดครู่หนึ่งแล้วใส่เส้นบะหมี่ที่ลวกไว้ ผัดจนสุก มาถึงขั้นตอนนี้ หนิงเซียนก็จูงมือเจ้าลูกหมูมาหน้าเตา ให้เขาปรุงรสตามที่นางบอกให้ใส่ เสร็จแล้วก็ตักใส่จาน นางให้ลูกชายเป็นคนตักไข่ที่ทอดไว้วางไว้ด้านบนถือว่าเป็นอันเสร็จ! หนิงเซียนจูงมือลูกชายมาที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสระบัว ลี่จวินและอาเจาช่วยยกสำรับเดินตามหลังฮูหยินและนายน้อยมา เหยียนหยงเล่อกำลังฝึกวรยุทธ์ ทันทีที่เห็นสองแม่ลูกเขาก็หยุดฝึกทันที หันไปคว้าเสื้อคลุมจากโย่วเหนียนมาสวมลวกๆ แล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อน ลี่จวินและอาเจาช่วยกันจัดสำรับขึ้นโต๊ะ นอกจากบะหมี่ผัดไข่ยังมีอาหารอีกสองสามอย่าง เสร็จแล้วก็พากันแยกย้ายไปทำงานอย่างอื่นต่อ โยว่เหนียนเองก็เช่นกัน ปล่อยให้สามพ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน “เจ้าไม่กินหรือ” เหยียนหยงเล่อถามลูกชายที่วันๆ เอาแต่ทำตัวติดแม่ “ลูกอิ่มแล้ว” หนิงเซียนตอบ เพราะในครัวมีของกินเยอะ ลูกชายตัวอ้วนของนางจึงกินไปคุยไป จนถึงตอนนี้เขาเลยอิ่มแปล้ยัดอะไรไม่ลงแล้ว เหมือนเหยียนหยงเล่อจะรู้ เขาหัวเราะฮึๆ ค่อนขอดลูกชายไม่จริงจังนัก “ตะกละเสียจริง” เหยียนอันน้อยก้มหน้าแล้วแอบยู่ปาก เด็กน้อยทำตัวติดแม่ของเขาจริงๆ แม้จะกินไม่ลงแต่ก็ยังนั่งอิงแอบอยู่ข้างท่านแม่พลางแกว่งขาเล่น เขากำลังรอให้ท่านแม่กินให้เสร็จ จะได้ไปเล่นกัน เหยียนหยงเล่อขมวดคิ้วจ้องหน้าลูกชายเขม็ง “นั่งเบียดแม่เจ้าเช่นนั้นแล้วนางจะกินถนัดได้อย่างไร” เกะกะ! หนิงเซียนยิ้มให้ลูกชายน้อยๆ ก่อนหันไปตอบพ่อของเขา “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าถนัด” คิ้วของเหยียนหยงเล่อกระตุกเป็นพักๆ บรรยากาศแสนอบอุ่นดำเนินไปอย่างช้าๆ เหยียนอันน้อยทนนั่งเฉยๆ ไม่ไหว เด็กน้อยจึงลุกจากม้านั่งแล้วเดินเล่นอยู่รอบๆ เพื่อรอท่านแม่ของเขากินข้าวให้เสร็จ ฝีมือของหนิงเซียนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เหยียนหยงเล่อจ้องมองคนตรงหน้าอย่างลืมตัว แสงแดดยามบ่ายส่องลอดลงมาตกกระทบใบหน้าเล็กๆ ทำนางดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น ริมฝีปากสีแดงสดขยับน้อยๆ เคี้ยวข้าว สายตาก็คอยสอดส่องหาแต่ลูกชาย เหยียนหยงเล่อรู้สึกอิจฉาลูกชายอยู่กลายๆ สุดท้ายเขาก็อดหัวเราะขบขันตนเองไม่ได้ “อร่อยไหมเจ้าคะ” หนิงเซียนเอ่ยถามเมื่อคนตรงหน้าวางตะเกียบลง จริงๆ บะหมี่ผัดไข่นางก็ทำกินเองเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะถูกปากคนโบราณอย่างเขาหรือไม่ “ยังอร่อยเหมือนเดิม ต่อไปเจ้าทำหัวมันผัดไข่บ้างสิ” ชายหนุ่มบอกชื่ออาหารที่เขาอยากกิน “เหมือนเดิมหรือ...” หนิงเซียนพึมพำเสียงเบา หัวคิ้วขมวดมุ่น แล้วจู่ๆ ภาพประหลาดก็ผุดขึ้นมาอีกแล้ว นางเห็นตนเองกำลังฝึกทำอาหารอยู่ในครัว แต่ไม่รู้ว่าเป็นครัวที่ไหน ข้างกายนางมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังสอนนางอย่างใจเย็น ผู้หญิงท่าทางใจดีคนนั้นบอกกับนางว่าแต่งงงานแล้วก็ควรทำตัวให้เป็นแม่ศรีเรือนหน่อย ในภาพนางเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า ‘ท่านแม่...’ “เซียนเอ๋อร์!” หนิงเซียนสะดุ้ง ได้สติขึ้นมาทันที “เจ้าเป็นอะไรไป ข้าเรียกเจ้าตั้งนานแล้ว หรือเจ้าไม่สบายตรงไหน” เหยียนหยงเล่อถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยิ้มให้เขา “เปล่าเจ้าค่ะ แค่คิดอะไรเพลินๆ ว่าแต่ท่านเรียกข้ามีอะไรหรือ” “ข้าแค่จะบอกว่า ตอนเย็นช่วยมาโกนหนวดให้หน่อยจะได้หรือไม่” เหยียนหยงเล่อปล่อยตัวในช่วงพักฟื้น หนวดเคราเลยขึ้นครึ้ม โดยปกติแล้วก็เป็นนางที่คอยจัดการเรื่องพวกนี้ให้เขา ชายหนุ่มเอาจ้องใบหน้าหวานละมุนอย่างหลงใหล ไม่ว่าจะกี่ปี ความรู้ที่มีต่อนางนั้นไม่เคยจืดจางเลยสักนิด หนิงเซียนสะเทิ้นอายเมื่อสบสายตาคมคู่นั้น แก้มแดงปลั่งราวลูกตำลึง “เจ้าค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD