19

1204 Words
“เออ พี่ติ ผมกับพี่เทนคุยกันว่าจะไปเทสต์รอกตัวใหม่ ไปไหมพี่” “งานในฟาร์มยุ่งจะตายห่า พวกนายไปกันเหอะ” จุติบอกเนือย ๆ แช่งช้อนของเธอที่กำลังจะตักอาหารให้หัสนัย เอาไปตักอาหารใส่ในจานของเธอ พร้อมถามไปพลาง “แล้วจะไปกันวันไหน ไปกี่วัน” “พรุ่งนี้ครับ ว่าจะไปสามวัน จองเรือไว้แล้วด้วย” “ไปกันเถอะ” จุติบอกส่งท้าย เมื่อจบมื้ออาหาร จิลลาเดินลงไปส่งมังกรที่รถ เห็นคุยกันเป็นนานก็ไม่ยอมเข้าบ้านมาเสียที หัสนัยยังนั่งคุยกับวาคิม ตามองที่มังกรนิ่งพร้อมเอาเรื่อง อรนลินเดินไปกับข้าวฟ่าง คุยกันเรื่องที่จะได้เที่ยวทะเลพรุ่งนี้ ตกลง เตรียมของอะไรกันแล้ว เธอค่อยกลับไปที่ห้อง เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย ตั้งใจว่าคืนนี้จะไปนอนกับข้าวฟ่าง เมื่อทางนั้นออกปากชวน แล้วว่าจะทำงานที่ค้างอยู่ด้วยเลยในคืนนี้ หากยังไม่ง่วง แต่แล้วก็หากล่องของตัวเองไม่เจอ จำได้ว่าเก็บพวกดอกไม้แห้งใส่ในกล่อง แล้วก็วางไว้ที่ชั้นบนสุดของตู้เสื้อผ้า แต่หาแล้วหาอีกก็หาไม่พบ เลยเปิดรื้อดูในตู้เสื้อผ้าที่มีของของจุติแขวนอีกฝั่ง เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขามีกล่องแบบเดียวกับเธอด้วย มือที่กำลังจะคว้าไปเอากล่องตรงนั้นมาเปิด จำต้องชะงักไป เพราะจุติเข้าห้องมาพอดี พร้อมกับคำทักทำนองกล่าวหา “ขโมยอะไร” “เปล่าค่ะ ฉันหาของของฉันอยู่” “ตรงนั้นไม่มีของของคุณหรอก ถ้าไอ้กล่องที่เหมือนกันอันนั้น นู่นอยู่ตรงระเบียงนู่น” จุติชี้มือบอก อรนลินนึกขึ้นได้ว่าไปนั่งทำการ์ดตรงระเบียงแล้วลืมเก็บเข้ามา เพราะมีสายเรียกเข้าพอดีเมื่อเช้า คุยสายเพลินเลยลืมเก็บ ก็หน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะตรงไปเอาของของตัวเอง แล้วคว้าข้าวของที่วางกองเตรียมไว้ ทำท่าจะออกจากห้อง “แล้วนั่นหอบผ้าผ่อนจะไปไหน” “ฉันจะไปนอนกับข้าวฟ่างค่ะ” “ทำไม ข้าวฟ่างมันไม่เลิกกลัวผีอีกหรือ” “ไม่เกี่ยวกับที่ข้าวฟ่างกลัวผีหรอกค่ะ” “งั้นก็นอนนี่” “ไม่! คุณน่ากลัวกว่าผีอีก” บอกจบเธอดันประตูเปิดออกไปในทันที จุติได้แต่ยืนเท้าเอวมองตามหลังด้วยสายตาขุ่นเคือง “พี่ติเป็นไงมั่งอะ” ข้าวฟ่างถาม ขณะที่เธอกำลังแปะกลีบดอกไม้ลงบนการ์ด อรนลินเงียบไปเพราะใช้สมาธิอยู่ จนเสร็จถึงตอบคำเพื่อน “จะเป็นอะไรล่ะฟ่าง” “คืนดีกันหรือยัง” “ไม่แล้วล่ะ” “ฟ่างดูออกนะ เวลาพี่วิมหรือพี่เทนคุยกับหนูดี พี่ติมองยังกะหึงแน่ะ” “ตลกละ” “จริง ๆ นะ” “ไปนอนเลยไป” “ยัง ฟ่างยังไม่ง่วง” “งั้นหนูดีนอนนะ ง่วงแล้ว” อรนลินตัดบท ไม่อยากให้เพื่อนเซ้าซี้ ถามมากความไปกว่านี้ เก็บของจนเรียบร้อยก็ปืนขึ้นเตียงเตรียมนอน ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังตอนที่อรนลินล้มตัวลงไปนอนไม่ถึงอึดใจด้วยซ้ำ ข้าวฟ่างเด้งตัวลุกไปยืน พร้อมกับว่า “พี่ติมาตามหนูดีแหง ๆ เลย” ข้าวฟ่างพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินไปเปิดประตู ก่อนจะยิ้มกริ่มเมื่อทายถูก “พี่ติ มีอะไรคะ” “หลับแล้วหรือ” จุติกอดอกถามพยักเพยิดหน้าไปทางคนบนเตียงนอน “ยังมั้งคะ เพิ่งจะลงนอนเมื่อกี๊นี้เอง” ได้ยินคำตอบข้าวฟ่าง ก็อดบ่นให้เพื่อนไม่ได้ ข้าวฟ่างนะข้าวฟ่าง แทนที่จะตอบเข้าข้างกันหน่อย ก็ไม่ได้ ครู่เดียวเสียงเดิน หยุดลงข้างเตียงฝั่งที่เธอนอนอยู่ พร้อมกับเสียงจุติดังขึ้น “หลับ?” อรนลินขัดใจนัก แต่แล้วก็ลืมตาขึ้น เพื่อจะมองหน้าเขา ถามกลับไปว่า “มีอะไรคะ” จุติไม่ตอบเธอ เขาหันไปถามญาติผู้น้องของเขาว่า “ฟ่าง นี่เรายังไม่เลิกกลัวผีอีกหรือ” “ฟ่างเปล่านะคะ” ข้าวฟ่างปฏิเสธอย่างไว ยกมือประกอบท่าทางไปด้วย “งั้นคืนเมียพี่มา” อรนลินเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ร้องถามเสียงขุ่นใส่เขา “จะบ้าหรือยังไงกันคะ เมียอะไรของคุณ” “อ้าว เราทำอะไรต่อมิอะไรกันขนาดนั้น ยังไม่เรียกว่าเป็นผัวเป็นเมียกัน จะเรียกอะไรไม่ทราบครับ” “เอาเถอะ ๆ เป็นอะไรก็แล้วแต่คุณจะเรียกเถอะ แต่คืนนี้ฉันขอนอนกับข้าวฟ่าง ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปได้แล้ว ฉันจะนอนค่ะ” “กลับไปนอนที่ห้องของเรา ผมไม่ให้คุณนอนกับใครทั้งนั้น” “แต่ฉันจะนอนกับข้าวฟ่างค่ะ” “แต่ผมจะนอนกับคุณ” “อี๋ ตาบ้า พูดจาอะไรของคุณคะเนี่ย” “จะกลับดีดีไหม หรือชอบให้ทำโชว์ ก็ได้นะ ผมชอบด้วยสิ แปลกที่น่ะ” “ทำโชว์อะไรของคุณ บ้า! ฉันกลับก็ได้” สุดท้ายเธอก็ต้องเป้นฝ่ายพ่ายแพ้ให้จุติ เพราะไม่อยากเถียงเขาต่อหน้าเพื่อน หอบข้าวของ โบกมือลาข้าวฟ่าง แล้วเดินนำหน้าออกจากห้องไป จุติยืนกอดอกยิ้ม ๆ พูดไล่หลังเธอมาว่า “ก็แค่เนี้ย ลีลาอยู่ได้ ไปนะฟ่าง” “ค่า...” ข้าวฟ่างลากเสียง ยืนยิ้มส่งจนคู่ผัวตัวเมียเลี้ยวลับกลับห้องจึงปิดประตูห้องลง รู้สึกดีชะมัดที่เพื่อนสนิทเข้ามาเป็นหนึ่งในตระกูลของตน เข้าห้องได้ อรนลินก็ยังไม่ยอมนอน ย้ายไปที่มุมห้อง ที่เธอยึดไว้ทำงานของตัวเอง จุติอาบน้ำเสร็จแล้วก็ยืนเช็ดผม แล้วเอ่ยว่า “รีบนอนสิ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล” “แล้วคุณมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ” “เกี่ยวสิ เพราะผมต้องขับรถให้นี่” ได้ยินว่าเขาจะขับรถให้ ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ตอนกินข้าว ได้ยินว่าเขาไม่ไปนี่นา เลยถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ “ไหนคุณว่าไม่ไปนี่คะ” “จะปล่อยให้เมียไปอยู่ไกลตาได้ไง เมียผมไป ผมก็ต้องไปด้วยสิ” ไม่รู้ทำไมว่าใบหน้าของเธอถึงได้ออกร้อนนิด ๆ มุมปากก็เหมือนกับจะยิ้มได้อย่างไรก็ไม่รู้ ตอนที่ได้ยินว่าเขาไม่ไป ตอนนั้นเธอเฉย ๆ แต่พอได้ยินว่าเขาจะขับรถให้ กลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ยิ้มทำไม ดีใจ?” “หน้าของฉันก็ยิ้มตลอดแบบนี้แหละค่ะ จะดีใจ เสียใจก็ยิ้มแบบนี้แหละ” “ไม่ใช่หรอก คุณยิ้มเพราะดีใจที่ผมไปมากกว่า” “คุณไม่ไปจะดีใจกว่าอีกค่ะ” “ไม่ไปได้ยังไง ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะได้ลูกชายกลับมา” ได้ยินเขาพูดเรื่องผลิตลูกก็เริ่มยิ้มไม่ออก หน้าบึ้งแล้วบอกกลับไปว่า “เงียบ แล้วไปนอนนะคะ คนบ้า” คำหลังเธองึมงำเบา ๆ ไม่กล้าให้เขาได้ยิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD