“พี่เทนไม่ดำ?”
“ของพี่นี่มันธรรมชาติ แบบคนดูสุขภาพดีไงติ ใช่ไหมจ๊ะเมียจ๋า…” หัสนัยบอกเสียงภูมิใจแล้วหันไปหาจิลลา แต่แล้วทางนั้นก็เอาแต่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่ตอบอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ตายังไม่แลเลยสักนิด
หัสนัยหน้าหงอ แล้วหันไปเอาใจอรนลิน “นี่ของโปรดเรานี่นา มาพี่ตักให้”
“ไหนคะ อุ้ย ขอบคุณค่ะพี่เทน”
“กินเยอะ ๆ จะได้โตไวไว”
หัสนัยคุยกับอรนลินแล้วลอบมองท่าทีของภรรยา ไม่เห็นจะมีท่าทีหึงหวงอะไรเลย หรือจิลลาจะตัดเขาไปแล้ว อย่างนี้ต้องไม่ดีแน่ ๆ
อรนลินที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ก็เคี้ยวไปอมยิ้มไป
แผนตื้นขนาดนี้ ใครเขาใช้กัน แต่ที่เธอตอบรับทำตามที่หัสนัยบอก เพราะอยากแกล้งพี่น้องคู่นั้นต่างหาก รู้ทั้งรู้ว่าจิลลาไม่มีทางแสดงท่าทีหึงหวงออกมาหรอก แต่เธอกลับถูกใจชนิดบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นสีหน้าของจุติ
อาหารมื้อนี้นี่มันอร่อยจริง ๆ เลย
นานทีเดียวกว่าที่ทุกคนจะกินข้าวกันจนอิ่ม จุติสบจังหวะที่หัสนัยลุกตามพี่สาวไป ก็ลุกมาข้อมือของเธอ ดึงให้พ้นจากห้องกินข้าว เมื่อเห็นว่าเธออิ่มแล้ว
“มานี่เลย ออกมานี่”
อรนลินไม่ขืนให้เปลืองแรงหรอก เพราะยังไงเธอก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว เดินตามไป พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ “อะไรอีกละคะ”
“อย่าคิดนะว่าผมดูไม่ออก ว่าคุณกำลังจะเข้าไปยุ่งเรื่องพี่เทนกับพี่จิลลา”
“แล้วทำไมละคะ ถ้าพี่จิลลาคืนดีกับพี่เทนแล้วยังไง คุณต้องยินดีสิ ไม่ควรมาเดือดร้อนอะไรแบบนี้”
จุติได้ยินก็ออกอาการขุ่นเคืองไม่น้อย เสียงดุบอกมาว่า “ไม่เคยได้ยินหรือยังไง แม่สื่อแม่ชัก ระวังจะได้เอง”
“อุ้ย! จริงหรือคะ แต่ถ้าได้...ก็ดีนะคะ พี่เทนน่ะหล่อ แมน แฮนซั่มซะขนาดนั้น” แกล้งทำเสียงเพ้อ ๆ ยั่วเขา
“รักษาหน้าผมบ้าง อย่างน้อยก็ต้องท้องลูกชายให้ผมก่อน ค่อยไปหาผัวใหม่”
“ถ้าฉันท้องลูกชายให้คุณแล้ว ก็เลิกกับคุณได้เลยใช่ไหม”
จุติถึงกับปรี้ดทันทีที่เธอถามจบ ผู้หญิงหน้าไม่อาย กล้าดียังไง ถึงได้จะทิ้งลูกทิ้งผัวไปเอาคนอื่น
“ยังโว้ย ท้องแล้วก็ช่วยคลอดออกมาก่อน”
“บอกแล้วไงว่าห้ามพูดจา วะ โว้ย กับฉัน” อรนลินเสียงดุกลับบ้าง “ตกลงว่าถ้าฉันท้องลูกชายให้คุณแล้ว คลอดลูกให้คุณแล้ว ฉันก็หย่ากับคุณได้เลยใช่ไหมคะ”
จุติอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง ใบหน้านิ่งขรึมไม่สบอารมณ์ขึ้นทุกขณะ ก่อนจะสบถออกมา “ผู้หญิงอะไรอย่างนี้วะ ไม่น่ายกระดับให้เป็นเมียแต่งเลย เป็นแค่เมียบำเรอนั่นน่ะก็พอแล้ว”
ได้ยินเขาพูดใส่หน้าแบบนั้น ก็ออกอาการฉุนขาด ย้อนเขาใส่บ้าง
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นเมียแต่งของคุณตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน มายกระดับฉันทำไมล่ะคะ”
ยืนจ้องกันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเป็นเธอเองที่โกรธมากจนทนมองหน้าเขาไม่ไหว สะบัดหน้าหันหลังจากไปก่อน
จุติกระฟัดกระเฟียดลงจากรถ เดินไปหยิบมีดพร้าไปไล่ฟันกิ่งไม้ที่ยื่นออกมารกหูรกตาหน้าโรงเลี้ยงสัตว์ บ่นอย่างมีโมโหไปพลาง “ดีด้วยหน่อยแล้วได้ใจหรือไงวะ”
เกษมเดินเข้ามาข้างหลัง อยู่ให้ห่างจากระยะแขนของนาย ถามไปว่า “ใครหรือครับนาย”
“มึงจะไม่รู้เรื่องกูสักเรื่องได้ไหมวะ”
“หน้าบึ้งแบบนี้ นายผู้หญิงไม่ยอมให้โซเดมาคอมแหง ๆ เลยใช่ไหมครับนาย”
“หน้าอย่างกูเนี่ยนะ”
ก็หน้าอย่างนายเนี่ยแหละครับ เกษมอยากตอบกลับไปอยู่ในใจ จุติหยุดฟันกิ่งไม้ แล้วหันมาถามเรื่องงานว่า “น้ำเสียที่ชาวบ้านมาคุยคราวก่อน เรียบร้อยไหม”
“ครับนาย...เอ่อ เมื่อครู่คุณเอมมารอนายด้วยนะครับ”
“มีอะไร”
“ไม่ทราบสิครับ แต่มีไอ้นี่มาให้ ดูท่าทางจะอยากให้กับมือนายเอง” เกษมยื่นของสิ่งให้เจ้านายตัวเอง จุติรับมาดูแล้วก็ว่า “รู้มากนักนะไอ้คุณเษม”
“ไม่งั้นจะเป็น มือขวานายหรือครับ”
“ก่อนเป็นมือขวา เป็นมือขาดก่อนดีไหม” จุติแกล้งเงื้อมีดจะฟันลูกน้องคนสนิท
“อย่าครับนาย เมียผมท้องแก่ อย่าทำผมเลยครับ” เกษมหลบนายพร้อมกับบอกเสียงเอาใจขึ้นว่า “เออใช่ ผมลืมเล่าให้ฟังเลย เมียผมมันว่า นายผู้หญิงน่ะส้วย สวย น่ารัก อ่อนหวาน พูดจาไพเราะน่าเชียวนะครับ”
จุติได้ยินแบบนั้นก็นึกรำคาญ ร้องไล่ลูกน้อง “ใครให้มานั่งวิพากษ์วิจารณ์เมียกู ไปทำงาน!”
“ครับ”
ตกดึกกว่าจุติจะจัดการงานในฟาร์มเลี้ยงจนเรียบร้อย เขากลับบ้านแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังห้องของตัวเอง ยืนมองร่างเล็กบนเตียงนอนที่หลับใหลไปแล้ว ก็ค่อยเข้าไปอาบน้ำแล้วออกมานอนซ้อนที่ด้านหลัง วางมือลงบนหน้าท้องแบนราบเบา ๆ
อรนลินเกร็งตัวขึ้นในทันที ทำท่าจะผละหนี แต่เขาไม่ยอม
“นอนเฉย ๆ สิ จะขยับไปไหน”
นึกถึงเรื่องที่ทะเลาะกันล่าสุด ก็เสียงแข็งบอกเขาว่า
“เอามือคุณออกไปค่ะ แล้วลดระดับฉันเหลือแค่เมียบำเรอก็พอ”
“อย่าพูดมากน่า ขุดเอามาทะเลาะทำไม จบไปแล้วน่ะเรื่องนั้น เมียบำรุงบำเรออะไร แต่งจนเงินหมดบัญชีแล้วเนี่ย และนี่นะผมก็แค่นอนกอดคุณเฉย ๆ เอง เอ...หรือที่ทำเป็นดีดดิ้นอยู่นี่ เพราะอยากให้ทำมากกว่ากอด”
“บ้า!”
“แน่ะ ยังไม่จบอีก”
อรนลินหน้าคว่ำ ก่อนจะหลับตาลง สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าท้องของเธอ ผสานลมหายใจอุ่น ๆ ของเขากล่อมให้เธอหลับได้ในเวลาต่อมา
ส่วนคนที่หาเรื่องใส่ตัวอย่างจุติกลับนอนลืมตาโพลง
อรนลินหลับตัวนิ่มให้อ้อมกอดของเขา
แต่ของเขานี่สิ มันแข็งสุด ๆ ไปเลยตอนนี้
ถ้าใครรู้ว่าเขาแค่นอนกอดเมียจนหลับไป โดยไม่มีกิจกรรมอื่นนอกจากนี้ คงขำกันจนฟันหลุดแน่งานนี้
รุ่งเช้ามีคนงานมาตามตัวจุติให้เข้าไปที่ฟาร์มเลี้ยง เขาแต่งตัวพร้อมมองแผ่นหลังบอบบางด้วยสายตาล้ำลึก แล้วออกไปก่อนที่เจ้าตัวจะตื่น ความรู้สึกอย่างหนึ่งไหลท่วมท้นอยู่ภายในใจของจุติ โดยที่เขาเองก็บอกตัวเองไม่ได้ว่ามีจุดเริ่มต้นที่ตรงไหนกัน
อรนลินยืนมองรถเก๋งคันโตสีขาวที่ขับเข้ามาภายในบ้าน ก่อนจะยิ้ม จนตาสวยกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เมื่อเห็นว่าใครที่เปิดประตูรถลงมา ร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงหลง “ข้าวฟ่าง มาได้ยังไงอะ”