“ปวดมากแล้วทำยังไง”
อรนลินเงียบอยู่อีกนาน จนคนถามคิดว่าเธอหลับไปแล้ว เลยชะโงกตัวมามอง ก็เห็นตาสวยใสกระพริบปริบ ๆ สองสามที
“ว่ายังไงหนูดี เวลาที่ปวดท้องมาก ๆ แล้วคุณทำยังไง”
“กินยาค่ะ บางทีก็ต้องประคบร้อนที่ท้องด้วย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกนะคะ ต้องนอนนิ่ง ๆ ทำใจให้สบาย พอผ่านวันที่สองไปก็จะหายปวดแล้วล่ะค่ะ”
“ปวดขนาดนั้นเลยหรือ”
เขาถามจบก็เงียบกันไป จนคิดว่าเขาหลับแล้ว เธอก็ง่วงและเพลียเช่นกัน วันนี้ทั้งวันเธอสู้รบกับเขา ใช้พลังงานไม่น้อยเลย แถมประจำเดือนยังมาช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีก นึกขอบคุณประจำเดือนก็ครั้งนี้เอง
คนที่ถามยังคงลืมตาในความมืด เขารู้สึกอุ่น ๆ แปลก ๆ กับการได้วางมือลงบนหน้าท้องแบนราบของอรนลิน แล้วออกไปถามพี่สาวเรื่องการดูแลผู้หญิงมีประจำเดือน ได้คำอธิบาย ได้คำแนะนำมาแล้ว เขาก็เลยอดห่วงเมียตัวเล็ก ๆ ของเขาไม่ได้ เลยเข้ามาถาม พอได้คุย ได้พูดกันแบบไม่ต้องทะเลาะ ก็ให้รู้สึกดีแบบประหลาด ๆ ก่อนจะหลับและฝันไป ว่าได้วิ่งในทุ่งดอกไม้แสนสวยและหอมหวน และเขากำลังไล่จับเด็กตัวน้อยที่นำหน้าไปไกลโข เสียงหัวเราะเล็ก ๆ นั่น น่ารักจนเขาน้ำตาซึม จุติออกแรงวิ่งตามจนทัน แต่พอคว้าตัวและอุ้มเด็กน้อยได้แล้ว ใบหน้าที่เห็นกลับกลายเป็น
“เฮ้ย!”
นั่นมันหัสนัยชัดๆ
จุติสะดุ้งตื่นขึ้นทันที ข้างกายเขาไม่มีร่างเล็กจ้อยอยู่อีกแล้ว
“ตื่นเช้าจังวะ”
บ่นเสร็จ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองจนทั่วห้องแต่ก็ไม่พบ แล้วจึงลุกออกไปเปิดประตูห้องน้ำ ไม่เจอตัวเหมือนเดิม จึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาดูหน้าใครบางคนที่ด้านนอกของห้อง
ก็ค่อยพบอรนลินช่วยยกอาหารมาวางที่บนโต๊ะ โดยไม่สนใจสายตาของพี่สามี ที่มองมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ที่เธอรั้นจะช่วยทำงานบ้าน
จะให้เธออยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร เธอเบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย
“ปวดท้องหรือเปล่า” จุติถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าเธอ
ได้ยินคำถามของเขาแล้ว แอบกลอกตา แล้วตอบให้มันจบ ๆ ไป อยากให้เธอปวด เธอก็จะปวด เขาจะได้เลิกถามเธอเสียที “ค่ะ เริ่มปวดแล้ว”
“แล้วเดินยกของแบบนี้จะไม่ยิ่งปวดหรือ” จุติท้วง หน้าของเขาขรึมทีเดียว
“ฉันเป็นประจำเดือนนะคะ ไม่ได้ท้อง”
“อ้าว! ประจำเดือนมาแล้ว?” จิลลาถามแทรกขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ๆ จิ้ม ๆ หน้าจอ ถามเธอว่า “ปวดท้องด้วยหรือ”
“ค่ะ ก็เริ่มปวดหน่อย ๆ”
จิลลาเงียบไปอึดใจ ถามอีก “มาเยอะหรือเปล่า เต็มห้าคะแนนให้กี่คะแนน”
“ประมานสี่มั้งคะ”
“โฟลิคอย่าลืมกินล่ะ”
จิลลาหมายถึงวิตามินที่ให้เธอไว้กิน สำหรับบำรุงร่างกายในคนที่มีแพลนจะตั้งครรภ์ โดยนิยมให้กินสามเดือนก่อนการมีบุตร
จุติที่ยืนกอดอกฟังเงียบ ๆ อยู่ บอกเสียงเรียบขึ้นว่า “ปวดท้องก็อย่าเดินไปเดินมามากนักนะ นอนพักอยู่ในห้อง เดี๋ยวเที่ยงจะกลับมาดู” บอกจบเขาเดินจากไปทันที เธอมองตามหลังพร้อมเบ้ปากน้อย ๆ คิดไปว่า นั่นเป็นอะไรของเขาอีก สั่งอย่างกับเธอเป็นคนป่วย นี่เธอแค่มีประจำเดือนเท่านั้นนะ
กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ว่าจะนั่งทำงานเสียหน่อย แต่รู้สึกง่วง ๆ คงเพราะเมื่อคืนหลับไม่สนิท จึงเอนหลังนอน
ตั้งใจจะหลับสักครึ่งชั่วโมง แต่จนแล้วจนรอดก็ยาวจนมารู้ตัวอีกที เมื่อมีเงาทะมึนมาบังแสงอยู่ด้านข้าง อรนลินสะดุ้งตื่น พอเห็นว่าเป็นเขาก็งึมงำว่า
“ตกใจหมดเลย คุณนี่”
“เชื่อฟังผัวแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย หิวหรือยัง ไปกินข้าวกัน”
“คุณออกไปก่อนก็ได้นะคะ ฉันขอล้างหน้าหน่อยค่ะแล้วจะไป”
จุติหันหลังให้ แล้วพูดขึ้นว่า “ผมรอ”
อรนลินให้แปลกใจนัก ว่าทำไมจะต้องมารอเธอด้วย แต่แล้วก็ปัดความแปลกใจทิ้งไปเสีย ลุกจากเตียงนอน เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแล้วถึงได้ออกไปกินข้าวพร้อมเขา ถึงห้องกินข้าว เจอหัสนัยในนั้นพอดี กำลังเดินตามจิลลาอย่างกับลูกน้อยตามแม่ ชายรุ่นพี่หันมายิ้มทักทายเธอ
“อ้าว ยายหนูดีตัวจ้อย”
“พี่เทน มาแต่วันเลยนะคะ”
“นั่นสิ งานการไม่มีทำหรือไง” จุติเหน็บอย่างไม่สบอารมณ์ หัสนัยผู้ไม่เคยชินกับความโกรธเอ่ยตอบยิ้ม ๆ “อย่าพูดแบบนั้นกับสิครับ น้องเมียสุดที่รักของพี่”
จิลลาบอกเสียงเรียบ “กินข้าวกันเลยนะ พี่ให้เด็กตั้งโต๊ะไว้แล้ว”
หัสนัยเลยหันมาถามกับจิลลาอีกที “ให้พี่กินด้วยนะ”
จิลลาไม่ตอบอะไรหัสนัยทั้งสิ้น แล้วเดินเลี่ยงออกไปที่ด้านนอกห้องทันที
“ไปสิติ ไปนั่งโต๊ะก่อน” หัสนัยหันมาบอกน้องเมีย “พี่มีธุระจะคุยกับหนูดี”
จุติกรอกตาก่อนเดินนำหน้าไปอย่างไม่พอใจ สองคนนั่นมีอะไรคุยกันนักหนาวะ และเขาก็มีศักดิ์ศรีพอ พอที่จะไม่แอบฟังทั้งคู่คุยกัน ก่อนจะเดินลงส้นหนัก ๆ นำไปก่อน
“มีอะไรคะพี่เทน”
“ช่วยพี่หน่อยดิ”
“เรื่องพี่จิลลาหรือคะ”
“อือ”
“ให้ช่วยอะไรคะ บอกน้องมาได้เลยค่ะ”
หัสนัยยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แล้วก้มลงกระซิบกระซาบกับเธอ จุติหันมามองพอดี ได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ไม่รู้จะคุยอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวได้ยุให้พี่จิลลาฟ้องหย่าให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลยนี่
เดี๋ยวสิวะ ถ้าพี่จิลลาหย่ากับหัสนัย แล้วเมียตัวน้อยของเขาเล่า จะไม่หันไปหาไอ้พี่เขยตัวแสบนี่หรอกหรือ
ไอ้นั่นก็ไม่ดี
ไอ้นี่ก็ไม่ได้
เอาอย่างไรดีวะ
จุติครุ่นคิดเงียบ ๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่เพียงลำพัง
เสียงคุยหัวร่อต่อกระซิกบนโต๊ะอาหารระหว่างอรนลินและหัสนัย ไม่ได้สร้างความรู้สึกใดให้จิลลาเลย แต่ตรงข้ามกับอีกคน เพราะบัดนี้ใบหน้าของจุติค่อย ๆ คล้ำลงทีละนิด ราวกับคนขาดอากาศหายใจ และกำลังจะตายในวินาทีข้างหน้านี้แล้ว หากว่าเสียงคุย เสียงหัวเราะของสองคนนั่นไม่หยุดลงเสียที
“ไอ้ติ ทำไมหน้าดำนักวะ” หัสนัยหยุดคุยแล้วทักจุติ ก่อนจะหันมาบอกกับเธอ “นี่เราต้องดูแลสามีเราบ้างนะ กันแดดน่ะซื้อให้ใช้บ้างหรือเปล่า มาบ้านป่าไม่กี่วัน โดนแดดเข้าหน่อยก็ดำแล้ว ผิวบางอย่างกับผู้หญิง”
จุติย้อนคืน “พี่เทนไม่ดำ?”