นายหัวเถื่อน
บทที่ 6.
ราเมศน์ขับรถมาถึงท่าเรือแห่งหนึ่งที่เขากับศิลาจอดเรือเร็วทิ้งไว้ ร่างสูงก้าวลงจากรถด้วยท่าทางสบายๆแต่สายตากลับกวาดมองไปทั่วบริเวณท่าเรืออย่างระมัดระวัง
"ลงมาได้แล้ว"
ราเมศน์สั่งหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเมื่อไม่พบอะไรที่ผิดสังเกตุ
หทัยชนกก้าวลงมาจากรถตามคำสั่งของคนที่เธอฝากชีวิตไว้ ใบหน้าหวานหันมองไปรอบตัวก่อนจะหันกลับมามองที่ราเมศน์อีกครั้งพร้อมกับเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนเองสงสัย
"คุณจะพาฉันไปไหน?"
"ถึงแล้วก็จะรู้เอง ไปกันเถอะ''
ราเมศน์กล่าวเสียงเรียบ พูดจบร่างสูงก็ก้าวเดินเร็วๆไปยังทางที่เรือเร็วจอดอยู่ทำให้หทัยชนกต้องรีบก้าวตามไปอย่างไม่มีทางเลือก แม้จะยังไม่ได้รับคำตอบที่เธอต้องการ
"แล้วพี่หินล่ะ คุณบอกว่าเขาจะตามมาทีหลังไง?"
หทัยชนกถามร่างสูงที่กระโดดลงไปยืนอยู่บนเรืออีกครั้ง และที่เธอต้องถาม นั่นก็เพราะว่าตอนนี้เขาแก้เชือกที่ล่ามเรือไว้กับเสาออกไปแล้วน่ะสิ ถ้าอย่างนั้นแล้วพี่หินของเธอล่ะ จะไปยังไง
"หินไม่ใช่เด็ก ที่จะหาทางกลับบ้านของตัวเองไม่ถูก ถ้าจะไปกับฉันก็ลงเรือมา แต่ถ้าจะอยู่รอพี่หินของเธอที่นี่ก็หลบให้ดีอีกวันสองวันนั่นแหล่ะเขาถึงจะกลับมา"
ราเมศน์เลือกที่จะไม่พูดถึงหน้าที่ที่ศิลาได้รับมอบหมายจากเขา งานต้องสำเร็จเท่านั้นศิลาถึงจะเดินทางกลับไปที่เกาะมืดได้
"ตกลงเธอจะอยู่รอเขาใช่ไหม?"
ราเมศน์ถามร่างบางอีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ดังก้องไปทั่วบริเวณท่าเรือ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของหญิงสาวที่มีต่อศิลาทำให้ราเมศน์นึกขุ่นใจ และพาลหงุดหงิดไปถึงศิลาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย
หทัยชนกหันรีหันขวางอย่างลังเล ใจหนึ่งก็อยากจะอยู่รอศิลา แต่อีกใจก็กลัวว่าจะคลาดกันเพราะไม่ได้พูดคุยกันไว้ก่อนล่วงหน้า สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะไปกับราเมศน์ อย่างน้อยไปกับเขาก็ยังปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่คนเดียว
ร่างบางค่อยๆเดินลงเรือช้าๆด้วยความยากลำบาก เพราะชุดเจ้าสาวที่ใส่อยู่คือปัญหาของเธอในตอนนี้ ชายผ้านุ่งที่สวมอยู่แคบจนทำให้การก้าวเดินแต่ล่ะครั้งนั้นแสนลำบาก แต่เธอก็ไม่คิดจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา
'หึ อวดเก่ง'
ราเมศน์คิดในใจ ท่าทางงึกๆงักๆเก้ๆกังๆของหญิงสาวอยู่ในสายตาของชายหนุ่มตลอด ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทีของเธอ
ส่วนหัยชนกก็ไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ แค่ลงเรือเท่านั้น เธอทำได้อยู่แล้ว
"ว้าย!"
และดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างหทัยชนกเท่าไหร่นัก เพราะเพียงแค่เท้าข้างหนึ่งก้าวลงไปเหยียบบนเรือเท่านั้นร่างบางก็เสียหลักเซลงไปอยู่ในอ้อมแขนของราเมศน์ที่โผเข้ามารับไว้ได้พอดิบพอดี
วินาทีที่ทั้งคู่สบตากัน เหมือนเวลาของหทัยชนกหยุดเดินไปชั่วขณะ หญิงสาวจ้องมองใบหน้าคมเข้มเห็นไรเคราเขียวครึ้มจางๆ กับดวงตาสีเข้มอย่างตกตะลึง
ในขณะที่ราเมศน์ก็จ้องมองใบหน้าสวยหวานอย่างพึงพอใจ วงแขนแข็งแรงโอบกระชับร่างบางไว้แน่น รับรู้ได้ถึงความนุ่มหยุ่นของทรวงอกอิ่มที่ชายหนุ่มเคยได้สัมผัสมาแล้วว่าหวานเพียงใด
"ปล่อยสิคุณ!"
เป็นหทัยชนกที่รู้สึกตัวก่อน มือบางผลักไสอกแกร่งออกห่างพัลวัน จนราเมศน์นึกอยากแกล้งคนในอ้อมแขนขึ้นมา มือหนาคลายออกจากร่างบางอย่างเร็วเป็นผลให้หทัยชนกที่ไม่ทันระวังตัวล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้นเรือทันที
"โอ๊ย! คนบ้าปล่อยมาได้"
หทัยชนกโอดครวญเงยหน้าขึ้นมองราเมศที่ยืนอมยิ้มกวนๆอย่างเอาเรื่อง
"เธอจะมาโทษฉันได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเธอเป็นคนบอกเองว่าให้ปล่อย หาที่ยึดเกาะด้วยเรือจะออกแล้วคุณผู้หญิง"
ราเมศพูดยั่วคนตรงหน้า แล้วหันกลับไปขับเรือออกจากท่าทันที ไม่สนใจร่างบางที่นั่งหน้างอเป็นม้าหมารุกอยู่ที่พื้นอีก
หทัยชนเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ หัวใจดวงน้อยยังเต้นระรัวอยู่ภายในอกจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ แม้ว่าเธอจะพยายามสั่งหรือบังคับมันให้เต้นเป็นจังหวะปรกติแล้ว แต่มันก็ยังไม่ยอมเชื่อฟังเจ้าของอยู่ดี
และพอเธอขยับตัวเพื่อหาที่ยึดเกาะตามที่เขาบอกหัยชนกก็รับรู้ถึงความผิดปรกติของตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นตอนที่เธอก้าวลงจากเรือ หรือตอนที่ราเมศน์ปล่อยเธอลงกับพื้นเมื่อครู่นี้กันแน่
แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ข้อเท้าข้างซ้ายของเธอมีอาการเจ็บแปล๊บๆทุกครั้งที่เธอขยับมัน แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่คิดที่จะพูดออกไป เจ็บแค่นี้เธอทนได้ไกลหัวใจตั้งเยอะ
ใช้เวลาเดินทางไปเกาะมืดห้าชั่วโมง ไม่นานเรือเร็วก็จอดเทียบที่ชายหาดฟากหนึ่งของเกาะที่มองไปทางไหนก็มีแต่ป่ารกครึ้ม
ราเมศน์ดับเครื่องยนต์และกระโดดลงจากเรือไปก่อน ส่วนหทัยชนกค่อยๆเกาะสีข้างของเรือขึ้นมามองร่างสูงที่หันกลับมามองเธออย่างยากลำบาก เพราะตอนนี้อาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้าเริ่มมีมากขึ้นทุกที จนเธอเผลอนิ่วหน้าอยู่บ่อยครั้ง
และทุกอย่างก็ไม่ได้รอดไปจากสายตาของราเมศน์เลยแม้แต่น้อย เขาสังเกตุหญิงสาวมาตลอดทางเพียงแค่เขาไม่เอ่ยปากถามเท่านั้น
"ลงมาสิ..."
รสเมศน์บอกพร้อมกับยื่นมือไปรอรับหญิงสาว หทัยชนกมองมือหนาอย่างชั่งใจ หากเป็นในยามปรกติเธอก็คงจะดึงดันลงไปเองเหมือนตอนลงเรือมา แต่ตอนนี้อาการเจ็บที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้หญิงสาวจำต้องยื่นมือให้ราเมศน์อย่างไม่มีทางเลือก
ราเมศน์กระชับมือบางไว้แน่นก่อนจะค่อยๆช้อนอุ้มร่างบางเข้ามาไว้ในวงแขนและพาเดินลุยน้ำทะเลขึ้นไปบนฝั่ง
หทัยชนกหน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของอีกฝ่าย มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหัวใจของตัวเองไว้แน่นเพราะกลัวว่ามันจะเต้นเสียงดังให้คนที่อุ้มเธออยู่ตอนนี้ได้ยิน
จนกระทั่งเท้าของราเมศน์แตะเหยียบพื้นทรายร่างบางในอ้อมแขนก็เริ่มออกฤิทธิ์ออกเดชอีกครั้ง
"ถึงฝั่งแล้วปล่อยฉันสิคุณ"
หทัยชนกบอกคนที่อุ้มเธออยู่อย่างเอาเรื่อง
ราเมศน์ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย ตัวเองเจ็บอยู่แท้ๆยังจะอวดดีอีก มันน่านัก! แล้วราเมศน์ก็ทำท่าจะปล่อยร่างบางลงพื้นทั้งอย่างนั้น
"ว้าย! จะทำอะไรน่ะ!?"
หัยชนกร้องเสียงหลง มือบางยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งไว้แน่นอย่างลืมตัว เมื่อเขาทำท่าจะปล่อยเธอลงพื้นดื้อๆ
ตอนนี้ข้อเท้าของเธอก็พลิกไปแล้ว ถ้าเขาปล่อยเธอลงพื้นไปทั้งอย่างนี้อีกล่ะก็ หลังของเธอคงจะหักตามไปด้วยแน่ๆ
"บอกเองไม่ใช่รึไงว่าให้ปล่อยเธอลง ก็นี่ยังไงล่ะ ฉันกำลังจะปล่อยอยู่นี่ไง"
ราเมศน์บอกอย่างกวนๆ แล้วทำท่าจะปล่อยร่างบางทิ้งอีกครั้ง แต่หทัยชนกก็กอดคอเขาไว้แน่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนกวนประสาทอย่างเอาเรื่อง
"คุณปล่อยฉันลงดีๆไม่ได้รึไง ปล่อยแบบนี้ถ้าฉันพิการไปใครจะรับผิดชอบ"
"จะไปรู้เรอะ ก็เห็นว่าไม่อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของฉันนานๆ ก็เลยจะปล่อยให้มันเร็วขึ้น"
หทัยชนกแทบอยากจะกรี๊ดให้ลั่นเกาะ คนบ้าอะไรกวนประสาทขนาดนี้ บนเรือก็ทำให้เธอเจ็บตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ยังคิดจะทำให้เธอพิการอีก
ฮึ่ม !ขอเอาคืนหน่อยเถอะ!
แล้วหทัยชนกก็ทำเรื่องที่ไม่คาดคิด มือบางโน้มลำคอแกร่งให้ก้มต่ำลงมาหา ก่อนจะอ้าปากงับใบหูของราเมศน์จนจมเขี้ยว!
"โอ๊ยย!"
ราเมศน์ร้องลั่นชายหาด อ้อมแขนแข็งแรงปล่อยร่างบางลงพื้นทันที แต่หทัยชนกก็ยังตามติด ไม่ยอมปล่อยปากของตัวเองออกจากใบหูของเขา!
พลั่ก!
"กรี๊ดด!"
ราเมศน์ผลักร่างบางออกห่างอย่างแรง ทำให้หทัยชนกลงไปกองกับพื้นทรายทันที และที่เจ็บปวดยิ่งไปกว่านั้นข้อเท้าข้างซ้ายของเธอดันไปกระแทกกับพื้นทรายซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เธอเจ็บร้าวจนน้ำตาแทบร่วงเงยหน้าขึ้นมองราเมศน์อย่างแค้นเคือง
ในขณะที่ราเมศน์เองก็ยืนมองร่างบางอย่างเอาเรื่องไม่แพ้กัน
"นี่มันคนหรือหมาบ้ากันแน่ ดุชิบ!"
.....................................