นายหัวเถื่อน
บทที่ 5.
ทันทีที่สองสามีภรรยาออกจากห้องไปแล้ว ราเมศน์ก็ผละออกจากร่างบางและเดินไปปิดประตูและล็อคมันอย่างแน่นหนาก่อนจะหันกลับมาหาหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างเตียง
"รีบใส่เสื้อผ้า เราต้องรีบไปจากที่นี่"
ราเมศน์สั่งเสียงเข้ม ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้รายละเอียดทุกอย่างแน่ชัด แต่จากประสบการณ์ชายหนุ่มก็รู้ว่าอีกไม่นานที่นี่จะไม่ปลอดภัย สองคนนั่นต้องรีบไปรายงานให้อดีตเจ้าบ่าวของผู้หญิงตรงหน้ารู้เรื่องอย่างแน่นอน
ร่างสูงเดินกลับเข้ามาคว้าเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นใส่ มือหนากระชากผ้าเช็ดตัวออกจากกายอย่างรวดเร็วโดยลืมไปว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง
'คนบ้า!'
หทัยชนกต่อว่าในใจ ก่อนจะหันหลังหนีชีเปลือยตรงหน้า และดูเหมือนว่าราเมศน์จะยังไม่รู้สึกตัวว่าได้ทำให้หญิงสาวอาย ร่างสูงยังคงใส่เสื้อผ้าไปเรื่อยๆจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหันกลับมาหาร่างบางที่ยืนหันหลังให้เขา
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังยืนเฉยไม่นำพาต่อคำพูดของเขา
"ทำไมยังยืนเฉย ไปใส่เสื้อผ้าสิหรือต้องให้ฉันช่วยใส่?"
เสียงทุ้มของราเมศน์ทำให้หทัยชนกรู้สึกตัว มือบางคว้าชุดเจ้าสาวขึ้นมาถือไว้อย่างยากลำบาก เพราะผ้าห่มผืนใหญ่ที่เธอใช้ห่อหุ้มร่างกายอยู่ทำท่าจะหลุดร่วงอยู่ทุกนาที แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำได้ถึงจะทุลักทุเลมากก็ตาม
ร่างบางของหทัยชนกออกมาจากห้องน้ำในชุดเจ้าสาวอีกครั้ง ในขณะที่ราเมศน์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพอใจอยู่เงียบๆ
เธอสวยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว แม้ในยามที่ไร้เครื่องสำอางบนใบหน้า เหมือนนางในวรรณคดีไม่มีผิด
"ไปเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว"
ราเมศน์เอ่ยทำลายความเงียบ ร่างสูงเดินเข้ามาหยิบกุญแจรถที่วางอยู่หัวเตียงขึ้นมาถือไว้ จากนั้นมือหนาก็จับมือบางไว้แน่นก่อนจะพากันออกจากห้อง
"เดี๋ยวค่ะ...พี่หินล่ะคะ?"
หทัยชนกขืนตัวไว้เมื่อราเมศน์พาเธอออกมาจากห้องและพาเดินมาจนถึงบันได แต่เธอกลับไม่เห็นศิลาตามมาด้วย
"หินจะตามเราไปทีหลัง"
ราเมศน์ตอบสั้นๆก่อนจะกระตุกมือบางให้เดินตามเขาไปอีกครั้ง จนกระทั่งถึงลานจอดรถในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเข้าไปในรถ อยู่ๆก็มีรถกระบะสองคันขับเข้ามาจอดขวางหน้ารถของราเมศน์ไว้ จากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ก็พากันลงมาจากรถและล้อมราเมศน์กับหทัยชนกไว้
ร่างบางเบียดตัวเข้าหาราเมศน์ทันทีอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นนายประวิทย์เดินฝ่าวงล้อมเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
........................
ขณะเดียวกันตรงบันไดหนีไฟของโรงแรม ร่างสูงในชุดสีดำสนิทสวมหมวกและแว่นตาสีเดียวกันกับชุด กำลังวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงแรมพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ในมือ
ร่างสูงขึ้นไปถึงดาดฟ้าของโรงแรม และเมื่อหามุมเหมาะๆที่สามารถมองเห็นวิวด้านหน้าของโรงแรมได้แล้ว ร่างสูงก็วางกระเป๋าลงบนพื้นและเปิดกระเป๋าออกก่อนจะหยิบสิ่งของในนั้นขึ้นมาประกอบอย่างชำนาญ
ปืนสไนเปอร์ถูกประกอบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นชายชุดดำก็นำมันขึ้นมาตั้งขนานกับกำแพงของดาดฟ้าและใช้สายตาแนบลงไปกับลำกล้องเพื่อส่องหาเป้าหมายทันที ในขณะที่นิ้วมือเหนี่ยวคาไว้ที่ไกปืนเพื่อเตรียมพร้อมยิง!
......................
ตัดกลับมาที่หน้าโรงแรม
นายประวิทย์กวาดตามองเจ้าสาวที่ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของชายอื่นด้วยความรู้สึกแค้นและเดือดดาลในใจ ทั้งที่เขาเฝ้าคอยเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอมาแรมเดือน แต่สุดท้ายก็ถูกไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนี่คว้าไปหน้าตาเฉย
"หนูหทัยกลับไปกับฉันซะเถอะ ถ้าไม่อยากให้ไอ้หน้าอ่อนนี่เดือดร้อน"
นายประวิทย์ส่งเสียงขู่อย่างเป็นต่อ เขามีลูกน้องมาด้วยนับสิบคน แต่ไอ้หมอนี่มีตัวคนเดียวมันจะมาสู้อะไรกับคนของเขาได้
"ส่วนมึงไอ้หน้าอ่อน คืนเจ้าสาวมาให้กูซะดีๆแล้วกูจะใจดีไว้ชีวิตมึงไป"
"กูไม่คืน มึงกับคนของมึงกลับไปดีกว่า เพราะกูเองก็ไม่อยากให้มีใครตาย"
ราเมศน์ตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ตอนนี้จะมีแค่เขาคนเดียว แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาจะไม่เป็นอะไร พวกมันไม่มีทางเข้าถึงตัวเขากับผู้หญิงของเขาได้อย่างแน่นอน
"ปากดีนักนะมึง ในเมื่อกูพูดดีๆแล้วมึงไม่ฟัง ถ้าอย่างนั้นก็อย่าอยู่เลย พวกมึงไปพาตัวผู้หญิงมาให้กูแล้วจัดการเก็บมันซะ!"
นายประวิทย์สั่งลูกน้องเสียงเหี้ยม และรอคอยดูผลงานอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
"อ๊ากก!"
แต่เพียงแค่ลูกน้องคนแรกของนายประวิทย์ขยับตัวร่างของลูกน้องของนายประวิทย์ก็ถูกยิงเข้าที่ขาขวาและล้มลงไปนอนโอดโอยอยู่ที่พื้นทันที
พวกมันพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ก็ยังมีคนใจกล้าทำท่าจะเข้าไปชิงตัวหทัยชนกอีกครั้งและสุดท้ายมันก็ถูกยิงเข้าที่แขนก่อนจะทันได้ยื่นมือไปแตะต้องร่างบาง
ลูกน้องของนายประวิทย์ต่างพากันยืนนิ่งไม่กล้าที่จะขยับตัว สายตาของพวกมันพยายามมองหาว่าวิถีกระสุนปืนมาทางไหน ในขณะที่นายประวิทย์ยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิมที่ไม่สามารถทำอะไรคนที่เขาเรียกว่าไอ้หน้าอ่อนได้
"เปิดทางด้วย ไม่อย่างนั้นคนต่อไปที่กระสุนจะเจาะเข้าหัวอาจจะเป็นมึง ไอ้แก่"
คำพูดของไอ้เด็กรุ่นลูกทำให้นายประวิทย์โกรธจนควันแทบออกหู แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเพียงแค่เขาขยับตัวกระสุนปืนก็พุ่งลงมาขวางเขาไว้ที่พื้น ความรักตัวกลัวตายทำให้เขาได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเท่านั้น
ราเมศน์ไส่สนใจว่าไอ้แก่ประวิทย์จะยอมเปิดทางให้เขาหรือไม่ ร่างสูงพาร่างบอบบางเข้าไปในนั่งในรถ ส่วนตัวเองก็อ้อมไปที่นั่งคนขับ ก่อนจะบีบแตรรถเสียงดังเพื่อให้พวกมันเลื่อนรถที่จอดขวางทางอยู่ออกให้
และเมื่อพวกมันยังนิ่งเฉยกระสุนปืนก็วิ่งเข้าเจาะที่กระจกรถทันที
"ไอ้พวกโง่ ไปเลื่อนรถสิวะ"
นายประวิทย์ตะคอกลูกน้องเสียงดังลั่น แล้วหันไปมองตามรถของราเมศน์ที่ขับออกไปอย่างโกรธแค้น ความแค้นครั้งนี้เขาต้องเอาคืนอย่างสาสม
'ไม่ว่ามึงจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหน กูจะตามหามึงจนเจอ'
นายประวิทย์ประกาศกร้าวในใจ
...................
เมื่อเห็นว่ารถของราเมศน์ลับสายตาไปแล้ว ศิลาก็ลดปืนสไนเปอร์ในมือลง และถอดมันเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม
ร่างสูงสะพายกระเป๋าขึ้นไว้บนบ่าเหมือนขาขึ้นมาก่อนจะก้าวลงไปจากดาดฟ้าเเละคราวนี้เขาเลือกใช้ลิฟท์แทนบันไดหนีไฟ
เมื่อถึงชั้นล่างของโรงแรมศิลาก็ตรงเข้าไปเช็คเอาค์ออกจากโรงแรมทันที จากนั้นร่างสูงก็ออกมานอกโรงแรมและเดินหายไปพร้อมกับผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นนั่นเอง