แสงแดดตอนเช้าที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ร่างบางของเอื้อมดาวรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่หลับใหลไปยาวนาน หญิงสาวขยับตัวไปมาอย่างปวดเมื่อย หล่อนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะที่ข้อเท้าทั้งสองข้างของหล่อนนั้น มันทำให้หล่อนเจ็บปวดมากกว่าส่วนอื่น
หญิงสาวพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา หล่อนอยากให้มันเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น แค่ฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม มีหล่อน มีพ่อ และก็มีเขา ผู้ชายที่หล่อนรักอยู่เคียงข้าง แต่นี่มันไม่ใช่ฝันร้าย มันเป็นเรื่องจริง เรื่องจริงที่เลวร้ายมากในชีวิตของหล่อน
เอื้อมดาวเหลือบตามองร่างสูงใหญ่แข็งแรงของเหนือตะวันที่ยืนหันหลังอยู่ขอบหน้าต่าง ทำไมนะ โชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งหล่อนอย่างนี้ ทำไมต้องให้หล่อนมาหลงรักผู้ชายที่ไร้หัวใจคนนี้ด้วย
หญิงสาวพยายามจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ดูเหมือนจะยากลำบากซะเหลือเกิน
เหนือตะวันได้ยินเสียงขยับตัว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเอื้อมดาวรู้สึกตัวแล้ว เขาละสายตาจากวิวภายนอก หันหน้ากลับมามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงแทน ซึ่งตอนนี้หล่อนลุกขึ้นนั่งได้เรียบร้อยแล้ว
ผู้หญิงผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ ภายใต้กรอบผมตรงสีดำสนิท ดวงตากลมโตอยู่ภายใต้ขนตางอนยาวรับกับจมูกเชิดนิด ๆ ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อราวกับเคลือบไว้ด้วยสีของกลีบกุหลาบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นหล่อนช่างสวยสดงดงามยิ่งนัก แต่แปลกที่เขากลับไม่เคยมีความรู้สึกพิศวาสหล่อนสักนิด
เอื้อมดาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตัดพ้อ เพราะความใจร้ายของเขา หล่อนถึงต้องมาเป็นอย่างนี้ ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับหล่อนนัก
เหนือตะวันมองเอื้อมดาวด้วยสีหน้าและแววตาที่แสนจะเย็นชา
“ตื่นแล้ว ก็รีบไปล้างหน้าสิ เธอต้องลงไปซื้ออาหารมาให้ฉันกินบนนี้ แต่ก็แล้วแต่เธอแล้วกันว่าคราวนี้จะใช้ลิฟต์หรือว่าจะเดินลงไปเอง แต่ฉันว่าอย่างเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเลือกอะไร” เขามองหล่อนด้วยสายตาดูแคลนอีกแล้ว
เอื้อมดาวมองผู้ชายตรงหน้าอย่างเสียใจ ทำไมเขาจะต้องทรมานหล่อนขนาดนี้ด้วยเขาก็เห็นอยู่ว่าหล่อนเจ็บเท้า แล้วจะให้หล่อนเดินลงไปได้ยังไง และอีกอย่างเขาก็สามารถโทรสั่งให้ห้องอาหารเอาขึ้นมาส่งให้ก็ได้ แต่เขาก็ยังจะแกล้งหล่อน เอื้อมดาวคิดอย่างเจ็บปวด
หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเต็มหน้า ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ แต่พอเท้าทั้งสองข้างแตะพื้นเท่านั้นแหละ เอื้อมดาวก็มีอันต้องร้องครางออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างบางทำท่าจะล้มลงไปกองกับพื้น จนเหนือตะวันแทบจะวิ่งมารับไว้ไม่ทัน
ร่างของเอื้อมดาวถูกเหนือตะวันรวบเข้าไปกอดไว้แนบอก ลำแขนที่แข็งแรงราวกับปลอกเหล็กของเขาประคองกอดหล่อนอย่างแนบแน่น อกอิ่มของหล่อนแนบชิดกับแผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นแนบสนิท ความนุ่มนวลหอมละมุนจากกายเอื้อมดาว ทำให้เหนือตะวันอารมณ์เตลิดไปไกล
เพราะตั้งแต่เขาคบกับหล่อนมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเนื้อต้องตัวหล่อน เอื้อมดาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตระหนก ดวงตากลมโตคู่นั้นของหล่อน ทำให้เหนือตะวันแทบอยากจะลืมปัจจุบันให้หมดสิ้น
แต่เขาก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้จริง ๆ ในเมื่อทุกอย่างมันคือปัจจุบัน และปัจจุบันเขากับหล่อนก็คือศัตรูกัน และมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มคลายลำแขนที่โอบกอดร่างบางทันที เขาประคองหล่อนให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะตีหน้ายักษ์หล่อนอีกครั้ง
“ถ้ารู้ว่าทำไม่ได้ก็บอก อย่าฝืน อย่าอวดเก่ง ฉันไม่ชอบ แล้วก็ไม่ต้องลงไปข้างล่างแล้ว เดี๋ยวฉันจะสั่งขึ้นมาเอง เพราะฉันคิดว่าถ้ารอเธอไป พรุ่งนี้ฉันก็คงยังไม่ได้กินข้าวเช้าหรอก” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องทันที
เอื้อมดาวมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปอย่างน้อยใจ เขาคงรังเกียจหล่อนมากมาย ถึงได้ทำท่าขยะแขยงหล่อนอย่างนั้น
หญิงสาวคิดอย่างเจ็บปวด น้ำตาที่พึ่งจะเหือดแห้งไปเอ่อล้นขึ้นมาอีกแล้ว หล่อนต้องเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อที่จะไล่น้ำตาให้ไหลกลับไปข้างใน นี่หล่อนจะต้องทนความใจร้ายของเขาไปอีกนานแค่ไหนกัน ถึงจะสาสมกับความแค้นที่เขามีต่อครอบครัวของหล่อน
ลำธารมาหาเหนือตะวันที่บริษัทที่เขาทำงานอยู่ ที่นี่หล่อนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะตอนเด็ก ๆ หล่อนติดเขาแจ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนหล่อนจะตามไปทุกที่ และหล่อนก็คิดว่า เขาเป็นผู้ชายที่หล่อนรักซะด้วย
“พี่เหนือ ทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานใสที่เหนือตะวันจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร ดังขึ้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“น้ำ!!! ทำไมไม่มีมารยาทเลย คราวหลังหัดเคาะประตูซะบ้างนะ” เหนือตะวันเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ แต่ลำธารกลับทำท่าทางไม่สนใจในกิริยานั่นของพี่ชาย หล่อนยิ้มหวานเดินตรงเข้ามาหาเหนือตะวันอย่างประจบ
“ไม่เห็นต้องเคาะเลย ก็นี่ห้องพี่เหนือ ใครก็รู้ว่าน้ำเป็นน้องพี่” หญิงสาวทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าพี่ชาย
“แต่พี่ไม่ชอบ คราวหลังถ้าคิดจะทำอย่างนี้อีก พี่ขอเตือนว่าอย่ามา” เหนือตะวันตีหน้ายักษ์ใส่น้องสาว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ลำธารมองพี่ชายอย่างขัดใจ แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร เพราะนี่เป็นนิสัยของเขา นอกมารดาแล้วเขาไม่เคยอ่อนโยนกับใคร