ตอนที่ 3 แม่ผู้มีบุญคุณ

1699 Words
ค่ำคืนเดือนหนาววนมาอีกครา เสียงร้องของเด็กแรกเกิดดังก้องเรือนทาส หลินซินอี๋คลอดบุตรชายอย่างยากลำบาก ใจของนางไม่อยู่กับร่องกับรอยตั้งแต่เมื่อครั้งที่ถูกเซี่ยเวยย่ำยีนานแรมปี หลินซินอี๋ไม่แม้แต่จะอยากมองหน้าของบุตรชายสักแวบหนึ่ง เพราะใบหน้าสักสามส่วนของบุตรชายคล้ายคนที่นางเกลียดมากนัก นางทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆ เสียงของเด็กน้อยที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดร้องเรียกหาความอบอุ่นอยู่เป็นเวลานาน แต่แล้วบานประตูห้องนอนของนางก็ถูกใครบางคนเลื่อนเปิดออก หญิงสาวที่ดูอายุมากกว่านางสักสองสามปีก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สายตาที่มองเด็กทารกนั้นดูเป็นประกาย ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว “ชู่ ๆ อย่าร้อง อย่าร้อง” นางก้มลงข้าง ๆ เด็กทารกแล้วใช้สองมือโอบอุ้มเขาขึ้นมา ร้องเพลงกล่อมเด็กอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบให้เขาหยุดร้อง สีหน้าของนางปลื้มใจราวกับเห็นเป็นบุตรของตนเอง “อาฟาน เจ้าอย่าร้องเลย แม่อยู่นี่” นางเผลอเรียกชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมา ชะรอยจะคิดว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือบุตรของนางไปเสียแล้ว นางมีนามว่า จางเจีย ถูกขายเข้ามาอยู่ในเรือนทาสก่อนหน้าหลินซินอี๋ไม่กี่ปีในวัยสิบแปดปี ชะตาของนางมืดมนดั่งหลินซินอี๋ไม่ผิดเพี้ยน เซี่ยเวยคนโฉดกระทำชั่วช้าเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามีผู้ใดบ้างต้องทุกข์ทรมานจากสิ่งที่เขามอบให้ จางเจีย ตั้งท้องบุตรคนหนึ่งกับเขา นางตั้งหน้าตั้งตารอ นับวันเวลาเก้าเดือนเพื่อที่จะเจอลูกน้อย เสมือนเขาเป็นความหวังเล็ก ๆ ที่ทำให้นางยังคงรักษาลมหายใจของตนเอาไว้ แต่แล้วความหวังนั้นกลับพังทลาย ลูกที่นางรอจะได้เห็นหน้า หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย “ลูกของข้า ลูกข้าอยู่ที่ใด” จางเจียเดินทุลักทุเลออกมาถามทาสในเรือนทีละคน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะผ่านวันคลอดไม่ถึงสองวัน นางสังหรณ์ใจไม่ดีที่ไม่ได้ยินเสียงของเด็กน้อยตามปกติ “ท่านป้า เห็นลูกของข้าหรือไม่ ลูกข้าอยู่ที่ใด” นางเฝ้าถามและตามหาเขาอยู่นานแต่ไร้วี่แวว “ข้าไม่รู้” “ข้าไม่เห็น” คนใช้และทาสในเรือนต่างตอบวนไปอยู่เท่านี้ “เป็นไปได้อย่างไร ลูกข้าทั้งคน ไม่มีใครรู้เห็นเลยหรือ” น้ำตาของนางเอ่อล้น น่าสงสาร “ลูกข้า ป่านนี้แล้วจะเป็นเช่นไรหนอ เขาคงจะหิวนมแล้ว ท่านป้า ท่านเห็นลูกข้าหรือไม่” นางยังคงเฝ้าถามทุกคนอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปอีกอาทิตย์หนึ่ง ไม่มีใครได้ทันสังเกตเลยว่า จางเจียที่สูญเสียบุตรไปนั้น สติไม่อยู่กับตัวแล้ว วัน ๆ นางเอาแต่ร้องถามหาลูกของนางกับคนที่ผ่านไปมา เวลานั้นเซี่ยเวยไม่รู้สึกว่าเด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จึงไม่สืบสวนหาความกับผู้ใด คงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว ทาสในเรือน คนใช้ หรืออะไรก็แล้วแต่ มีค่าแค่เป็นที่ระบายอารมณ์ ความใคร่ของเขาก็เพียงเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว เสียงร้องของเด็กน้อยจากห้องหลินซินอี๋ จึงทำให้จางเจียเหมือนย้อนกลับมาในวันวานอีกครั้ง วันที่ลูกของนางลืมตาดูโลก เผลอเรียกชื่อที่เคยจะเอาไว้ตั้งให้ลูกของตนออกไป “อาฟาน แม่อยู่นี่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวนะ” พูดจบนางก็อุ้มเขาออกจากห้องไป นับแต่นั้นมา จางเจียก็คอยดูแลอาฟานเหมือนเป็นลูกของตนเอง นางจัดหาทุกอย่างมาให้เขา เท่าที่ทาสคนหนึ่งจะทำได้ นางรู้ว่านางไม่มีน้ำนมให้เขาดื่ม ก็เอาแต่วิ่งแจ้นไปขอคนโน้นทีคนนี้ทีจนกว่าจะได้ “อาฟาน แม่เย็บเสื้อผ้าชุดนี้ให้เจ้าแล้ว ชอบหรือไม่” นางลองสวมชุดให้เขา แล้วมองดูหน้าตาน่ารักน่าชังของเด็กน้อย พลางยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น “อาฟาน รอแม่ก่อน เจ้าอย่าเพิ่งรีบวิ่ง” เสียงของนางตะโกนเรียก หน้าตาตื่นตระหนก กลัวเขาจะหกล้มได้แผลเหมือนวันก่อน ช่วงเวลาสามปีที่นางเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกนั้น เริ่มทำให้นางมีสติมากขึ้น เขาเป็นดั่งยารักษา คอยเยียวยาจิตใจของนางให้หายดี สีหน้าและสภาพร่างกายของนางจึงดีขึ้นตามลำดับ กลับกัน ชีวิตของหลินซินอี๋ราวกับอยู่ในนรก แต่ละวันผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบาก เซี่ยเวยไม่ปล่อยนางให้หลุดรอดสายตา ทุกค่ำคืนฉุดรั้งนางเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย ไม่มีผู้ใดยื่นมือช่วยนางได้สักคน นางแทบจะไม่รับรู้สิ่งอื่นอีกแล้ว บางครั้งสายตาเหลือบมองเห็นอาฟานกำลังวิ่งเล่นอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ทำให้ใจของนางอยากจะโอบกอดเขาสักครั้ง ทุกครั้งที่เห็นหน้าของเขา ใบหน้าของเซี่ยเวยจะปรากฏทับซ้อนตลอด แม้ว่าเขาจะมีแววตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนนางก็ตาม คืนนั้น จางเจียพาอาฟานออกมานั่งดูดาวนอกเรือน ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงทอประกาย นางกอดอาฟานเอาไว้แน่น “อาฟาน แม่รักเจ้ามากนะ” เสียงอ่อนโยนของนาง ทำให้อาฟานผงกหัว “อือ” เขาส่งเสียงอู้อี้ อาฟานยังคงพูดไม่ได้แม้ว่าจะอายุเข้าสู่ปีที่สามแล้ว แต่กระนั้น เขาก็เข้าใจสิ่งที่มารดาพร่ำบอกเขา อาจเป็นเพราะสามารถรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นจากนางได้ ขณะที่ทั้งสองนั่งเล่นอยู่นอกชานอย่างมีความสุข เสียงฝีเท้าคนร่างใหญ่เดินกระแทกส้นเท้าดังขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ มาทางที่พวกเขานั่งอยู่ แล้วจางเจียก็โดนกระชากแขนให้ลุกขึ้น “โอ๊ย!” นางร้องเสียงหลง ร่างบางถูกยกขึ้นตามแรงของใครบางคน “จางเจีย...” เซี่ยเวยเรียกนางเสียงยานคาง กลิ่นเหล้าหึ่งจากตัวและเสื้อผ้าของเขา จมูกโด่งนั้นพยายามซุกไซ้เข้ามาใกล้ลำคอและใบหน้าของนาง จางเจียใจเสีย สีหน้าที่เมื่อครู่ยิ้มแย้มพลันแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว นางไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้มานานหลายปีแล้ว นานจนแทบจะลืมไปว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ตุบ ตุบ ตุบ เสียงมือน้อย ๆ สองข้างของอาฟานกำลังทุบที่ต้นขาของเซี่ยเวยอย่างไร้เดียงสา ไม่ได้รู้เลยว่าคนตรงหน้าโหดเหี้ยมปานใด “อาฟาน อาฟาน” นางร้องเรียกเขา พลางสะบัดตัวให้พ้นจากเซี่ยเวยแล้วกอดลูกของนางเอาไว้ จิตใจหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทา แต่มือสองข้างยังคงโอบกอดอาฟานเอาไว้ เซี่ยเวยกำลังเมาได้ที่เห็นแล้วขัดตา ทั้งยังรู้สึกว่าไม่ได้เล่นสนุกกับจางเจียมานานมากแล้ว นางเคยเป็นคนที่เขาโปรดปรานมากที่สุด นับตั้งแต่ที่สติหลุดเป็นบ้าเพราะลูกหายก็ไม่ได้ยุ่งกับนางอีกเลย ไม่ใช่ว่าเห็นใจหรืออะไรเทือกนั้น แต่เพราะนางในตอนนั้น เล่นด้วยไม่สนุกเสียเลย ดั้งนั้น เวลานี้เขาจึงมองนางไม่วางตา เพราะสังเกตมาได้พักหนึ่งแล้วว่า จางเจียคนเดิมกลับมาแล้ว “อาเจีย เจ้าหายแล้วนี่” เซี่ยเวยนั่งลง เอามือจับคางของนางให้เงยขึ้น เขายิ้มร้ายอย่างเคย “ไม่ ไม่ อย่าทำข้า” ภาพในอดีตกำลังถาโถมเข้ามาในหัวของจางเจีย น้ำตาของนางคลอเบ้า อาฟานเห็นเช่นนั้น จึงใช้แขนเสื้อของเขาค่อย ๆ ซับน้ำตาให้นาง เหมือนที่จางเจียเคยเช็ดน้ำตาให้เขา ทั้งสองกอดกันกลมต่อหน้าของเซี่ยเวย เขาดึงอาฟานจากอ้อมกอดของจางเจีย เหวี่ยงไปที่พื้นด้านนอก ทำให้ข้อมือของอาฟานกระแทกพื้น เขากำลังเบะปากร้องไห้เพราะความเจ็บและตกใจ จางเจียเห็นดังนั้นจึงผลักเซี่ยเวยออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเขาหงายหลัง หัวไปชนกับเสาเรือน สร่างเมาไปชั่วแวบหนึ่ง จังหวะที่จางเจียวิ่งมาดูอาฟานข้างล่าง เซี่ยเวยกระโดดลงมาจากนอกชานอย่างรวดเร็ว ตัดหน้าจางเจียไม่ถึงหนึ่งจั้ง เขากำข้อมือของอาฟานข้างที่บาดเจ็บขึ้นมาดู ยิ้มเหี้ยมเกรียมแล้วบีบกดลงไปบนพื้น เซี่ยเวยผู้นี้ของขึ้นได้ง่าย หากมีคนทำอะไรขัดหูขัดตาเขา ยามเป็นผู้ใจบุญนอกจวน มักจะเก็บงำความรู้สึกเอาไว้ แล้วมาลงกับคนในปกครองเป็นประจำ จางเจียเห็นเขาทำร้ายอาฟานก็คิดหาวิธีจะช่วยลูกของนาง พอรู้ว่าตัวเองไม่อาจสู้แรงของเขาได้ จึงหยิบหินก้อนใหญ่ที่อยู่แถวนั้น ทุบลงไปที่หัวของเขาในทันที “โอ๊ย!” เขาร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บ ไม่เคยมีผู้ใดทำร้ายเขามาก่อน “บังอาจนัก!” เขาตวาดนางเสียงดัง กระนั้น ไม่มีผู้คนในเรือนกล้าโผล่หน้ามาดูเหตุการณ์ข้างนอกแม้แต่คนเดียว “อย่าทำลูกข้า อย่าทำร้ายเขา” นางพร่ำพูดซ้ำ ๆ จากจิตใต้สำนึก พลางโอบกอดอาฟานไว้แน่น ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เซี่ยเวยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า จิกผมของจางเจียไว้แล้วลากเข้าไปในห้องพร้อมอาฟาน เสียงทุบตีเริ่มขึ้นภายในความเงียบงันยามค่ำคืน จางเจียยังคงโอบกอดอาฟานไว้ คอยป้องกันเขาจากเงื้อมมือเซี่ยเวย “อาฟาน...” เสียงเรียกบุตรชายนั้นแผ่วลงไปพร้อมกับลมหายใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD