bc

เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว เล่ม 1 (วายจีนโบราณ)

book_age18+
91
FOLLOW
1.1K
READ
HE
time-travel
drama
mystery
like
intro-logo
Blurb

ชีวิตของเขาถูกพันธนาการไว้กับความเป็นทาส วันใดหนอจะมีแสงสว่างช่วยให้เขาหลุดพ้นจากวังวน จบสิ้นวาสนากับคนผู้นั้นเสียที

คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นแนว วาย จีนโบราณ ดราม่าสูง เตรียมผ้าซับน้ำตาด้วยนะคะ

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 ชีวิตที่หักเห
สายลมเย็นพัดใบไม้สีเหลืองปลิวไปตามทางเดินที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา สองข้างทางมีเพียงกิ่งก้านต้นไม้สีดำไร้ใบขนาบข้าง บรรยากาศรอบข้างไร้เสียงผู้คน แต่กลับมีเสียงโซ่ตรวนกระทบกันเป็นช่วง ๆ คนกลุ่มหนึ่งเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังตอนใต้ของแคว้นซีเป่ย หลินซินอี๋ หญิงสาวอายุสิบแปดปีต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมายังแคว้นห่างไกล สายตาของนางเลื่อนลอยไร้จุดหมาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความคิดนึกย้อนไปถึงวันคืนอันสงบสุขกับครอบครัว บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว นางเป็นคนเดียวที่รอดจากสงครามระหว่างแคว้น ยามนี้ โชคชะตากลับซ้ำเติม ผู้แพ้สงครามย่อมต้องตกเป็นเชลย ชาวบ้านหนีตายกันจ้าละหวั่น และนางก็ไม่พ้นถูกพวกค้าทาสจับมา หลินซินอี๋เดินลากโซ่ตรวนอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายมีรอยฟกช้ำเพราะโดนคนพวกนั้นทุบตี นางพยายามหนีครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่า ไม่ว่าจะไปทางใดกลับไม่มีแสงสว่างส่องทางให้นาง ลึก ๆ แล้ว ในใจยังคงมีความหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้านี้ ยังคงมีที่แห่งหนึ่งรอคอยนางอยู่ ไม่ต้องมากมายเช่นเดิม กินอิ่ม นอนหลับ และอิสระจากโซ่ล่ามข้อเท้าก็เพียงพอ ตระกูลหลิน เดิมทีเป็นขุนนางชั้นกลาง ชีวิตของพวกเขาอยู่อย่างเรียบง่ายและสุขสบายมาโดยตลอด จู่ ๆ สงครามระหว่างแคว้นเริ่มต้นขึ้น พี่ชายทั้งสองของนางจำต้องเข้าร่วมกองทัพเพื่อปกป้องบ้านเมือง ผ่านไปสองสามปี สงครามกลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากจะไม่ได้ข่าวคราวของพี่ชายทั้งสอง น้องชายคนเล็กและผู้เป็นพ่อยังต้องเข้าร่วมกองทัพเป็นกำลังสำรองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลานั้น นางต้องคอยปลอบประโลมผู้เป็นมารดาและน้องสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของนาง สงครามพรากจากผู้คนที่รัก ก่อเกิดความหิวโหยและอดอยาก เสบียงอาหารร่อยหรอ มิหนำซ้ำ แผ่นดินยังแห้งแล้ง ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้มาหลายเดือน สงครามยืดเยื้อต่อมาได้อีกสองปี นางจึงได้ข่าวว่าทุกคนในครอบครัวที่เข้าร่วมสงครามไม่มีวันกลับมาอีกต่อไปแล้ว ตอนนั้น นางใจสลายทรุดเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองข้างปิดหน้าร้องไห้โฮ บิดาสอนให้นางมีความหวังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะน้อยนิดสักเพียงใด ขอแค่มีความหวัง นางทำตามคำบอกนั้นเป็นอย่างดี แต่ผลที่ได้รับกลับตรงกันข้าม คนผู้นั้นไม่อยู่แล้ว กระนั้น วันที่รู้ข่าวร้ายเรื่องที่หนึ่งแล้ว ข่าวร้ายเรื่องที่สองก็ตามมาอย่างกระชั้นชิด กองทัพจากต่างแคว้นบุกเข้าเมือง หลินซินอี๋ไม่รอช้า รีบจัดแจงข้าวของจำเป็นพกติดตัวแล้วพามารดากับน้องสาวหนีไปทางฝั่งตรงข้าม แต่ความชุลมุนวุ่นวายในยามนั้น ทำให้ทุกคนต้องพลัดหลงกัน หลินซินอี๋ตามหามารดาและน้องสาวอยู่นานหลายเดือน ร่างกายซูบผอมไปมากนักเพราะกินอยู่อย่างอดอยาก ผิวหนังที่เคยมีเนื้อมีนวลผ่ายผอม แห้งกร้าน มอมแมม แต่นั่นก็ทำให้นางรอดพ้นจากพวกค้าทาสมาได้ ในที่สุด นางก็ได้ข่าวคราวของทั้งสองคนจากเพื่อนบ้านที่เคยช่วยเหลือกัน ในใจนั้นกระโดดโลดเต้นที่จะได้พบครอบครัวอีกครั้ง สองขาของนางก้าวตรงไปยังที่แห่งนั้น แม้จะไม่ได้กินอะไรมาหลายมื้อ แต่ยังคงออกวิ่งด้วยความมุ่งมั่น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน แต่แล้วความหวังของนางกลับพังทลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อได้เห็นว่าที่แห่งนั้นมีเพียงหลุมศพและป้ายวิญญาณสลักชื่อของมารดา นางโอบกอดหลุมของมารดา มือข้างซ้ายลูบดินที่ฝังร่างไว้ไปมา น้ำตารินไหลไม่อาจกั้น ที่พึ่งพิงสุดท้ายไม่เหลือแล้ว นางทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หลับตาลง ไม่อยากรับรู้อะไร “ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ ปล่อย” เสียงแหลมเล็กที่คุ้นเคยดังแว่วมาแต่ไกล หลินซินอี๋ลืมตาแล้วหันไปทางต้นเสียงนั้น เด็กสาวตัวเล็กพยายามสะบัดตัวหนีจากเงื้อมมือของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง เขาจับข้อมือของนางแล้วดึงตัวนางขึ้นอย่างง่ายดาย เด็กสาวผู้นั้นสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด แรงบีบมือมหาศาลแทบจะบดกระดูกของนางให้แตกละเอียด หลินซินอี๋ยันตัวลุกขึ้น สาวเท้าวิ่งไปเร็วจี๋เพื่อจะดูให้ใกล้ ๆ ว่านางใช่คนที่กำลังตามหาหรือไม่ เมื่อได้เห็นผ้าผูกผมที่นางเคยทักทอให้น้องสาว หลินซินอี๋หัวใจเต้นแรง รีบวิ่งเข้าไปหาคนทั้งคู่ “ท่านพี่!” เสียงอันคุ้นเคยเรียกนาง ชายฉกรรจ์ผู้นี้กลับยิ้มมีเลศนัย พลันต้องหุบยิ้มลงทันที เมื่อนางกระโดดดึงแขนที่จับข้อมือของเด็กสาวลงมา เขาใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่บีบลำคอเรียวแล้วโยนไปข้าง ๆ อย่างเลือดเย็น “ท่านพี่!” น้องสาวของหลินซินอี๋ตะโกนสุดเสียง พยายามดิ้นให้หลุดเพื่อไปหาพี่สาวของนาง เท้าสองข้างที่ลอยเหนือพื้นเตะเข้าที่ชายโครงของชายฉกรรจ์ ทว่า ไร้ผลใด ๆ “ปล่อยน้องสาวข้า” นางตะโกนก้อง พร้อมจ้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัว คิดในใจว่าจะต้องปกป้องคนในครอบครัวที่เหลืออยู่คนสุดท้ายให้ได้ แต่ชายผู้นี้อารมณ์ด้านชา ไม่หวั่นไหวต่อคำร้องขอจากผู้อ่อนแอ เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองดูร่างกายของนางอย่างพินิจพิจารณา แม้จะซูบเซียวไปบ้าง แต่ก็ยังคงขายได้ราคาดีอยู่ เขาไม่รอช้าเดินมาฉุดหลินซินอี๋ให้ลุกขึ้น แล้วดึงกระชากสองพี่น้องมาตลอดทาง เมื่อมาถึงที่พักของพวกค้าทาส ทั้งสองจึงได้นั่งพูดคุยกันอย่างสงบอีกครั้ง “หรงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลินซินอี๋ถามนาง พลางตรวจดูร่างกาย เห็นข้อมือและลำตัวมีร่องรอยถูกทำร้ายก็คับแค้นใจคนพวกนั้นยิ่งนัก “ข้าคิดถึงท่านพี่ ท่านแม่” นางกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล สายตาบ่งบอกทุกอย่างในใจ หลินซินอี๋เล่าเรื่องราวของมารดาให้นางฟังอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจ คอยเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นอย่างแผ่วเบาและกอดปลอบอยู่ทั้งคืน รุ่งเช้าวันใหม่ สองพี่น้องถูกขายให้กับจวนเศรษฐี นับแต่นั้นมาจึงทำงานทุกอย่างภายในจวนด้วยความอุตสาหะ เก็บอัฐทีละเล็กทีละน้อยเอาไว้ไถ่ถอนตัวเองในวันข้างหน้า ชีวิตราวกับจะค่อย ๆ กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ไฉนเลย เคราะห์โศกไม่ยอมรามือ โรคร้ายที่มาในคืนหิมะตกหนักคร่าชีวิตผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นไปไม่น้อย รวมถึงน้องสาวของนางด้วยเช่นกัน หลินซินอี๋ ค่อย ๆ นำร่างของคนสุดท้ายในครอบครัว ขึ้นรถเข็นไม้ ไสไปยังสุสานท้ายเมือง ระยะทางไม่น้อย หยิบจอบมาสับลงดินแข็ง ๆ ทีละน้อย พลางปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อ จากนั้น ค่อย ๆ นำดินฝังกลบร่างให้น้องสาวทีละส่วน เหลือบมองใบหน้าที่เคยสดใสและยิ้มให้นางเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจากลากันตลอดไป หลินซินอี๋ เดินโซซัดโซเซไปตามทาง คิดในใจว่าไม่เหลืออีกแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแล้ว มีแค่ลมหายใจของนางเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แสงสว่างที่บิดาของนางเคยพูดถึง มีอยู่จริงหรือไม่ ทำไมถึงปล่อยให้ชีวิตของนางมืดมนได้เพียงนี้ ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อ นางกลับรู้สึกได้ถึงความเหี้ยมโหดอยู่เบื้องหลัง พวกพ่อค้าทาสเดินดุ่มเข้ามาหานาง ในเมื่อไม่มีนายคอยปกป้องคุ้มครอง นางจึงกลายเป็นพวกเร่ร่อนทั่วไป พวกเขาจึงคิดจะจับนางไปขายอีกครา หาเงินทองไว้ดื่มสุราเคล้านารีปรนเปรอความสุขของตนเองในวันข้างหน้า “อีกนานหรือไม่ จะถึงแคว้นซีเป่ย” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งถามขึ้น “ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยไป” หญิงสาวผู้หนึ่งตอบกลับ การเดินทางไปยังแคว้นซีเป่ยกินเวลาหลายเดือน ต่างคนต่างอยากรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะทำให้ชีวิตของตนเองดีขึ้นได้หรือไม่ ข่าวลือแพร่สะพัดว่าแคว้นซีเป่ยนั้น แม้จะผ่านสงครามครั้งใหญ่แต่บ้านเมืองกลับเจริญรุ่งเรืองและต้อนรับผู้คนจากทุกหนแห่ง แม้จะเป็นทาสก็คงไม่ยากลำบากเช่นเดิม หนึ่งเดียวที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอันใดแล้ว ปล่อยความคิดของตนเองล่องลอยไปกับสายลม ใจไม่โหยหา ทั้งด้านชาเสียเต็มประดา

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

นางร้ายจำยอม

read
1.5K
bc

ชะตารักชายาของจวิ้นอ๋อง

read
4.7K
bc

ฮองเฮา ขย่มบัลลังก์

read
3.6K
bc

Because of the closeness เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

read
1.8K
bc

หนิงลู่ซือ

read
5.7K
bc

บุปผาสยบมังกร

read
2.3K
bc

หลงรักลูกสาวท่านประธาน

read
4.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook