ตอนที่ 2 ทาสในเรือน

1489 Words
หลังจากเดินทางรอนแรมหลายเดือน ในที่สุด กลุ่มพ่อค้าทาสก็เดินทางถึงเมืองหน้าด่านของแคว้นซีเป่ย แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับแตกต่างจากบ้านเกิดที่ทุกคนจากมามากนัก หลินซินอี๋ถูกล่ามโซ่แล้วขังไว้ในกรงไม้ใหญ่ รวมกับคนอื่น ๆ ผู้คนต่างผ่านไปมาพลางหยุดมองดูคนที่อยู่ด้านใน ในสายตาของพวกพ่อค้านั้นมองว่านางเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งทั่วไปเพราะความมอมแมม เปื้อนดินทรายปิดบังผิวพรรณที่แท้จริงของนางไว้ ทว่า สายตาแหลมคมของชายผู้หนึ่งวัยสามสิบจ้องมองนางไม่วางตา ราวกับเห็นในสิ่งที่คนผู้อื่นมองไม่เห็น เขาเดินแหวกฝูงชนเข้ามาถึงขอบลูกกรง นั่งลงอยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นมือมาจับคางของนางหันมาทางเขา จากนั้นยิ้มร้ายอย่างมีแผน “ข้าซื้อนาง” เขากล่าวกับพ่อค้าทาสอารมณ์ดี ให้อัฐไปสองถุงใหญ่ สร้างความตกตะลึงให้กับคนที่อยู่แถวนั้นอย่างมาก ใครต่อใครที่ได้เห็นคงจะคิดว่าเขาเป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ คอยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก แต่นั่นก็เป็นเพียงฉากหน้าที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น ฐานะที่แท้จริงของเขาคือตระกูลเซี่ย ขุนนางระดับกลางผู้ปกครองตำบลเหลียนจู มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตัดสินทุกสิ่งอย่างแต่เพียงผู้เดียว “ขอบคุณใต้เท้า ขอบคุณ” พ่อค้าทาสเปิดดูในถุงยิ้มแป้น เย็นนี้คิดจะเที่ยวหอเริงรมย์ให้หนำใจ คลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหลายเดือน หลินซินอี๋เดินตามชายผู้นั้นมา ครานี้ได้นายใหม่ที่ต้องดูแลรับใช้แล้ว งานบ้านงานเรือน นางสามารถทำได้ไม่บกพร่อง เพราะได้แม่บ้านตระกูลก่อนช่วยสอนงานให้ แต่การเป็นทาสในครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทันทีที่มาถึงจวนสกุลเซี่ย ชายผู้นั้นสั่งให้แม่บ้านพาตัวนางไป จัดหาที่นอน เสื้อผ้าและอาหารให้นางอย่างที่ควรจะเป็น หลินซินอี๋ไม่ทันได้สังเกตสายตาของแม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังมองนางด้วยความสงสารเวทนา ทั้งยังฮูหยินเอกที่เดินมาหาชายผู้นั้น ยังคงปราดตามองนางแวบเดียว ก็รู้ได้ว่าสามีของนางกำลังคิดอะไรอยู่ “ท่านพี่...” ฮูหยินเซี่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกสายตาของเขาตวาดกลับมาจนไม่กล้า นางมองค้อนหลินซินอี๋ก่อนเดินไปอีกทาง หลังจากได้อาบน้ำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ ผิวพรรณของนางที่เคยเปรอะเปื้อนก็กลับมาผุดผ่องดังเดิมสมกับเป็นคุณหนูจากตระกูลขุนนาง วันรุ่งขึ้น เซี่ยเวยผู้นั้นก็เรียกให้นางเข้าพบ หลินซินอี๋ถือถาดอาหารเช้าเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่คิดอะไร ทันทีที่ได้เห็นนาง เขาจ้องมองไม่วางตา สายตาไล่เรียงพินิจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า “ดูไม่ผิดจริง ๆ” เขาเอ่ยเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปจับข้อมือของนาง หลินซินอี๋ตกใจ ดึงมือตนเองกลับอย่างรวดเร็ว ปัดชนถ้วยน้ำแกงที่วางอยู่บนโต๊ะจนกระเด็นใส่เสื้อผ้าของเซี่ยเวย แต่เขากลับยิ้มมุมปากแล้วพูดกับนางเสียงราบเรียบ “เจ้าทำเสื้อผ้าข้าเลอะหมดแล้ว สมควรโดนโบยหรือไม่” เซี่ยเวยถามนาง พยายามให้ข้อเสนอ “นายท่านโบยข้าได้ตามสมควรเลยเจ้าค่ะ” หลินซินอี๋ตอบเขาไม่สะทกสะท้าน โดนโบยจะเจ็บสักเท่าใดกัน นางเคยโดนพวกพ่อค้าทาสทุบตียังผ่านมาได้ ทว่า คนแซ่เซี่ยผู้นี้ได้ยินคำตอบของนางนั้นเกิดไม่พอใจ เขากระตุกคิ้ว แล้วคว้าเอวร่างบางของนางเข้ามาใกล้ สตรีตรงหน้าคงไม่ใช่คนที่จะยอมโอนอ่อนต่อความต้องการของเขาอย่างง่ายดายเสียแล้ว และสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือการบีบบังคับผู้อื่น โดยเฉพาะเหล่าทาสในเรือน “นายท่าน ปล่อยข้า!” นางพยายามใช้มือสองข้างผลักหน้าอกของเขา แต่แรงของนางกลับสู้ไม่ได้ “เฮอะ... เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ข้า” เขายิ้มเยาะนาง แล้วปล่อยให้เป็นอิสระ หลินซินอี๋ รีบถอยให้ห่างจากเขาแล้วหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้ ก่อนจะถอยหลังไปที่ประตู เตรียมจะเผ่นหนีจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจ “ขยับอีกก้าวเดียว คืนนี้ ข้าจะ...” นางไม่กล้าก้าวเท้า ร่างกายนิ่งงันไปชั่วครู่ คิดทบทวนสิ่งที่เขาพูดอีกครั้ง “เจ้าทำเสื้อผ้าข้าเลอะ เช่นนั้น เจ้าควรจะรับผิดชอบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าก่อนไม่ใช่หรือ” เซี่ยเวยลุกขึ้นยืน กางแขนสองข้างออก รอนางหันกลับไปหา หลินซินอี๋ยังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาเหลือบมองซ้ายทีขวาที ในใจนึกว่าจะทำอย่างไรเพื่อหนี บ้านเดิมที่นางเคยอยู่ แม้จะฐานะทาส ก็ไม่ เคยมีเรื่องเช่นนี้ เซี่ยเวยไม่รอให้นางได้คิดอะไรมากมาย เขาค่อย ๆ เดินมาใกล้แล้วก้มลงพูดข้างหูของนาง “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า เดี๋ยวนี้!” นางได้แต่ยอมหันกลับมาทำตามคำสั่งของเขาแต่โดยดี ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้า สายตาของเขายังคงโลมเลียนางไม่หยุด หากเป็นแต่ก่อนที่พี่ชายของนางยังอยู่ คนตรงหน้าต้องมีเลือดตกยางออกไปบ้างแล้ว นึกเช่นนั้น นางได้แต่เศร้าสร้อยในใจ แววตาวูบไหว ราวกับว่าวันนี้ เซี่ยเวยเล่นกับใจของนางจนอิ่มหนำแล้ว เขาจึงปล่อยให้นางได้อยู่อย่างสงบสุขอีกคืน แต่มีหรือ จะยอมให้เวลาร่วงโรยนานไปมากกว่านั้น ในเมื่อใจนางไม่ยอมเขาก็พร้อมจะข่มเหง คืนวันต่อมา เซี่ยเวยเรียกนางไปหาที่ห้อง บอกแต่เพียงว่าให้ช่วยระวังไฟในเตามอด คอยเติมถ่านในค่ำคืนแสนเหน็บหนาว ระหว่างทางไปเรือนของเขา ทุกอย่างดูปกติเสียจนไม่ทันได้เอะใจ ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไปในห้องของเขา ทาสและคนรับใช้อื่น ๆ ต่างพากันกุลีกุจอกลับที่พักของตนเองอย่างรู้งาน หลินซินอี๋ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเซี่ยเวยผู้นี้ ตกหลุมพรางในทันที นางพยายามจะวิ่งหนีมาข้างนอก แต่ถูกเขาเอื้อมมือมาดึงปลายผมเอาไว้ พลันกระชากให้นางถอยกลับมาด้านใน “นายท่าน ปล่อยข้าไปเถิด” นางอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ คิดขอร้องเขาเผื่อคนผู้นี้จะมีเมตตาธรรมในใจอยู่บ้าง “ปล่อยอย่างนั้นหรือ ข้าช่วยเจ้าจากพวกค้าทาส ให้เจ้าได้มีที่ซุกหัวนอน ไม่คิดจะตอบแทนข้าบ้างหรือ” เขาพูดกับนางราวกับว่าเป็นผู้มีพระคุณ เมื่อดึงตัวนางมาใกล้แล้ว เขาเอื้อมมือโอบเอวของนางเอาไว้ มืออีกข้างยังคงขยุ้มที่หัวของนาง บังคับให้อยู่นิ่ง ๆ “นายท่าน ข้าขอร้อง” เสียงของนางไม่ได้ทำให้ม่านศีลธรรมของเขาสะทกสะท้านใด ๆ เซี่ยเวยก้มลงจูบนาง แต่หลินซินอี๋พยายามปกป้องตัวเอง นางกัดริมฝีปากของเขาจนเลือดไหล เขาจึงบีบคอของนาง แล้ววาดฝ่ามือตบใบหน้าน้อย ๆ หลินซินอี๋ทรุดตัวล้มลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว คนตรงหน้ากลับแสยะยิ้มให้นาง เหมือนได้เจอสิ่งที่ทำให้หัวใจนั้นชุ่มฉ่ำ ไม่ว่านางจะต่อต้านเขามากเท่าใด เซี่ยเวยผู้นี้ก็ยิ่งชอบใจมากขึ้น แล้วคืนนั้น หลินซินอี๋ก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือราคะของเขา รุ่งเช้าวันต่อมา หลินซินอี๋ยังคงนอนอยู่บนฟูกหนาที่เรือนของเซี่ยเวย ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจะลุกเดิน เนื้อตัวมีแต่รอยช้ำและรอยแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้าของนางมีคราบน้ำตาไหลเปรอะเปื้อน สายตาเหม่อลอยไม่มีที่สิ้นสุด “เจ้าตอบแทนบุญคุณได้ดีทีเดียว ซินอี๋” เซี่ยเวยกระซิบข้างหูของนาง เสียงหัวเราะในลำคอเด่นชัดว่าเขากำลังสนุกสนาน ในหัวมีแต่เรื่องอย่างว่าวนเวียน ทุกคนในเรือนต่างรู้กันดีว่า หัวหน้าสกุลเซี่ยนั้นป่าเถื่อน โหดร้าย ไม่มีผู้ใดกล้ามีปากเสียงกับเขา เลี่ยงได้จำต้องเลี่ยง อะไรที่ไม่เกี่ยวกับตนก็อย่าได้เข้าไปยุ่ง มิเช่นนั้นแล้ว ชีวิตก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ ทว่า สิ่งเหล่านี้มิอาจเล็ดลอดไปสู่สายตาชาวบ้านนอกรั้วกำแพงได้ ผู้คนภายนอกต่างเห็นภาพเซี่ยเวยที่อารมณ์ดี สุขุม และมีไมตรีต่อทุกคน ฉากหน้าและเบื้องหลังต่างกันราวฟ้ากับเหวสุดพรรณนา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD