“และแล้ว ราพันเซลกับยูจินก็แต่งงานกัน และมีความสุขไปตราบชั่วกาลนาน...”
เสียงใสราวระฆังเอ่ยเล่าตอนจบของนิทานด้วยสีหน้าสีตาราวกับตนเองเป็นเจ้าหญิงที่ว่าเสียเอง พันธนาการอมยิ้มตาม ก่อนรีบคลายยิ้มอย่างงุนงงตัวเองเหลือจะกล่าว
เขาเป็นบ้าอะไรไปล่ะนี่ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ พิกล...
“จบแล้วค่ะ เรื่องสุดท้ายจริงๆ แล้วนะ ไหน... ใครสัญญากับพี่มนคะว่าฟังเรื่องนี้จบจะยอมนอนซะที?”
เด็กน้อยผู้ขอฟังนิทานเป็นเรื่องที่สามของค่ำคืน ยกแขนขวาชูขึ้นฟ้าสูงสุดแขน
“น้องอิฐเองคับ!” บอกจบก็หัวเราะคิกคักเมื่อพยาบาลสาวแกล้งเกาเอวผอมบางด้วยรอยยิ้มน่ารักน่าหลง อิสรภาพดึงอกเสื้อมนตราไว้ เมื่อเธอทำท่าจะลุกผละไป ก่อนร้องถามเสียงหลง “พี่มนจาไปไหน”
คนถูกดึงหันมองตอบ ก่อนเอ่ยบอกอย่างอ่อนโยน
“พี่มนจะลงไปนอนข้างเตียงไงคะ ที่ปูผ้าไว้ น้องอิฐนอนให้สบายเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่มนจะปิดโคมไฟแล้วนะ”
อิสรภาพเบ้หน้า ก่อนส่ายศีรษะระรัว
ตลอดชีวิตน้อยๆ ที่ผ่านมานับแต่จำความได้ เขาก็นอนห้องเดียวกับพ่อมาตลอด เพิ่งได้แยกห้องตอนพ่อบอกว่าจะมีพยาบาลมาอยู่ดูแลเขาตลอดเวลา... และพ่อก็งานยุ่ง... หลายวันต่อสัปดาห์ที่กว่าพ่อจะกลับถึงบ้านเขาก็หลับไปแล้ว ป้าผกาก็ไม่เคยนอนกอดเขาและเล่านิทานให้ฟังแบบพี่พยาบาลคนนี้ ทุกครั้งที่ป้าผกาอยู่เป็นเพื่อน เธอจะนั่งดูละครหลังข่าวอยู่ปลายเตียง หรือหากอยู่ทั้งคืนก็ปูผ้านอนข้างเตียง ปล่อยให้เขานอนคนเดียวจนพ่อกลับมา...
ไออุ่นจากอ้อมอกมนตรานั้นทำให้เขารู้สึกเสพติดและคิดถึงใครคนหนึ่งจับขั้วหัวใจ
แม่แพร...
“ไม่อาว” ใบหน้านั้นเริ่มเบ้ โทนเสียงเริ่มโยเย “พี่มนนอนกับน้องอิฐนะ นะๆ ๆ”
หญิงสาวมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั้นนิ่ง นาน... ปล่อยให้อิสรภาพกระชากอกเสื้อตนไปมาโดยไม่ว่ากล่าวอะไร ในหัวใจเอ่อนองด้วยความสงสารและเห็นใจเป็นล้นพ้น เด็กชายตัวน้อยคนนี้... นับแต่จำความได้ก็ขาดแม่เสียแล้ว มนตราเติบโตมาในครอบครัวอบอุ่น มีพ่อที่น่ารัก แม่ที่อ่อนหวาน พี่สาวแสนสวยและน้องสาวฝาแฝดจอมซน
ไม่เคยรู้ซึ้งเลยว่าความรู้สึก ‘ขาด’ สิ่งสำคัญนั้นเป็นอย่างไร
“อย่าร้องนะคะ” เอ่ยบอกยิ้มๆ พร้อมกับเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยอย่างปลอบประโลม “พี่มนจะนอนเป็นเพื่อนเองนะ หยุดร้องก่อนนะคะคนดี”
โอบกอดเด็กน้อยที่สงบลงไว้แนบกาย ก่อนยินเสียง แอ๊ด... แว่วดังมาจากทางประตูห้อง มนตราเหลือบมองไป เห็นประตูเปิดแง้มไว้ก็ก้มลงกระซิบบอกอิสรภาพด้วยสุ้มเสียงที่ชวนให้อุ่นใจ
“ประตูปิดไม่สนิทค่ะน้องอิฐ พี่มนขอลุกไปปิดประตูก่อนนะ แป๊บเดียวค่ะ”
“สัญญานะคับ”
อิสรภาพร้องถามเสียงแหบโหย มือน้อยยังจับอกเสื้อหญิงสาวไว้ไม่ยอมปล่อย
“สัญญาค่ะ” มนตราจัดแจงให้เด็กชายนอนสบายใต้นวมผืนหนา บนหมอนใบโตที่รองศีรษะอิสรภาพไว้ถึงสองชั้นเพื่อให้เขาหายใจสะดวก ก่อนเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนิ่มจนแห้งสนิท “หลับตาสิคะ นับหนึ่งถึงสิบในใจ รับรองว่าพี่จะกลับมาทันทีที่นับถึงสิบค่ะ”
เด็กชายปิดเปลือกตาอย่างว่าง่าย ก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งที่เพิ่งนับได้แค่สามและหญิงสาวยังไม่ทันก้าวเดินออกจากเตียงเสียด้วยซ้ำ
มนตรายิ้มในหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนขยับเสื้อคลุมนิดหนึ่งขณะเดินออกมาที่ประตูห้อง หญิงสาวรู้สึกสะดุดกับหยดน้ำบนพื้นที่ไหลเข้ามาจากทางด้านนอก ก่อนรู้สึกกระตุกวูบที่อกซ้ายเมื่อเห็นขาของใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง!
โจร!? เอ๊ะ... หรือจะเป็นเจ้าของบ้าน...
คิดได้ดังนั้นก็ค่อยก้าวไปใกล้และแย้มประตูเปิดออกอย่างกลัวๆ กล้าๆ ก่อนจะชะงักกึก! เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เสียจนราวกับจะข่มร่างบอบบางของตนให้เล็กจ้อยยิ่งกว่าผงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนั้น นัยน์ตาดำขลับจับจ้องมองมายังเธอราวกับจะประเมินบางอย่างที่สาวน้อยไม่เข้าใจและไม่มีเวลาใดจะคาดเดา มนตราเคยทำงานในวงการบันเทิงที่ล้วนแล้วแต่มีคนสวยคนหล่อเดินชนไหล่กันแบบนับไม่หมด หากกลับไม่มีใครที่น่าหลงใหลชวนมองได้เท่าชายตรงหน้าเธอนี้ ใบหน้าคมคายได้รูปดูจะเข้ากันกับดวงตากร้าวแกร่งได้เป็นอย่างดี เขาตัวเปียก... เปียกซ่ก และเสื้อเชิ้ตสีขาวก็บางแนบไปกับเนื้อตัวที่อุดมด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ หญิงสาวหลบตาวูบไปมองอีกทางเมื่อรู้ตัวว่าเลื่อนสายตาจากใบหน้าเขามาถึงอกหนาน่าสัมผัส...
น่าสัมผัสหรือ...
บ้าจริง! เธอคิดอะไรลามกแบบนี้ได้อย่างไรกัน
“สวัสดี ขอโทษที ผมไม่ค่อยเรียบร้อย” บอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบเรือนผมที่เริ่มจะหมาด ก่อนเช็ดมือนั้นกับกางเกงแล้วยื่นมาตรงหน้าพยาบาลพี่เลี้ยงของบุตรชาย “ผมชื่อพันธนาการ เป็นเจ้านายของคุณ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณมนตรา...”
สาวน้อยเม้มปากนิดหนึ่งและพยายามบังคับหัวใจตนให้เต้นช้าลงบ้างสักหนึ่งในสามของตอนนี้ก็ยังดี หากไม่ได้ร่ำเรียนพยาบาลวิชาชีพ มนตราคงคิดว่าโรคหัวใจเป็นโรคติดต่อได้ทางหนึ่งแน่ เพราะตอนนี้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นระส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจนิดหนึ่งอย่างพยายามจะใจเย็นและเก็บอาการตื่นเต้นจนมือไม้แทบสั่นไว้อย่างมิดชิดที่สุด ก่อนยกมือขึ้นไหว้ทักทายเจ้านายอย่างมีมารยาท
โดยไม่ทันคิดว่าจะเป็นการหักหน้าคนที่ยื่นมือมาให้เธอสัมผัสอยู่ตอนนี้
“สวัสดีค่ะ”
บอกได้แค่นั้นก็รู้สึกเหมือนทุกคำพูดบนโลกมันโบยบินหายไปหมด เหลือบเห็นเขาลดมือตัวเองลงอย่างเสียไม่ได้ ก่อนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนิ่ง
“ขอโทษที่รบกวนดึกดื่น คุณไปนอนเถอะ”
“ค่ะ”
ตอบรับทันทีโดยยังไม่ยอมเงยหน้า และรีบจับประตูดันให้ปิด แต่กลับถูกมือใหญ่ดันบานประตูนั้นเอาไว้จนสาวน้อยสะดุ้งเฮือก เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เห็นเขาเหลือบตามองต่ำกว่าหน้าเธอเพียงแวบหนึ่งจนไม่แน่ใจว่าตนเองตาฝาดไปหรือไม่
ก่อนที่พันธนาการจะตำหนิเสียงเข้ม