Prologue
สถานที่แห่งนั้นคือหาดทรายยามค่ำที่เงาจันทร์กำลังอาบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าสองร่าง มือเล็กขาวผ่องขยุ้มเข้าไปในเรือนผมของชายหนุ่มซึ่งทอดกายลงทาบทับ ละเลียดชิมความหวานจากผิวพรรณอ่อนละมุนอย่างเจนจัด เสียงคลื่นลมที่สาดซัด ผสานเสียงครวญครางราวกับจะสิ้นใจเมื่อ เกมรักดำเนินไปถึงตอนจบ
...ทุกสรรพนั้นเสียงดังออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุดตรงหน้าของ มนตรา นางเอกสาวแนวหน้าของเมืองไทยที่กำลังโด่งดังสุดขีด สาวสวยเจ้าของใบหน้ารูปไข่ขาวสะอ้านดูเหมาะเจาะกับริมฝีปากอวบอิ่มสีสดดุจแต้มชาดที่ยิ่งขับให้ดวงตาดำหวานซึ้งดูโดดเด่น เรียกได้ว่าเธอมีเครื่องหน้างามลออและดึงดูดสายตาอย่างร้ายกาจ
ทั้งยังวางตัวดี เรียบร้อย เสียจนถูกขนานนามว่า ‘นางเอกนอกจอ’ และไม่เคยมีข่าวเสียหาย จนคนทั้งประเทศไม่อยากปักใจเชื่อว่า ‘คลิปลับ’ ที่ว่ากันว่าเป็นฉากหนึ่งของ ‘หนังอย่างว่า’ ซึ่งถูกปล่อยออกมานั้น
ฝ่ายหญิงในวิดีโอคลิปจะเป็นคนคนเดียวกันกับสาวน้อยที่ดูไร้เดียงสาน่าปกป้องคนนี้จริงๆ
“เหมือนมากใช่ไหมคะหนูมน เจ๊เองยังตกใจเลยตอนทางต้นสังกัด ส่งมาให้เจ๊ดูครั้งแรกน่ะ ว่าใช่หนูหรือเปล่า” สาวใหญ่ผู้เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กวางมือบนไหล่บอบบางของสาวน้อยที่ยังนั่งตัวแข็ง นัยน์ตาจับจ้องจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้านิ่งราวกับไร้ชีวิต “แต่เพราะเจ๊ทำงานกับหนูมานาน นานจนเจ๊เชื่อค่ะ ว่าก็แค่คนหน้าเหมือน หนูมนของเจ๊ไม่มีทางทำอะไรแบบนี้หรอก”
พูดพร้อมจัดการปิดโปรแกรมและดึงแฟลชไดรฟ์อันเล็กออกมาปิดฝาเก็บใส่กระเป๋าสะพายบ่า
“เอาละค่ะ เจ๊หาคลิปมาให้หนูดูตามที่ขอแล้ว” หล่อนบอกยิ้มๆ ก่อนเอ่ยปากชวนสาวน้อยด้วยสุ้มเสียงอ่อนหวานเอาใจ “ออกเดินทางกันได้แล้วมั้งคะ ใกล้เวลาที่บอสนัดเราไปคุยแล้ว”
มนตราเม้มปากสนิท ก่อนพยักหน้าเบาๆ ด้วยใบหน้านิ่งสงบไร้รอยอารมณ์ใด เสียจนผู้จัดการวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ชัก... ไม่มั่นใจ
หรือว่าจะใช่!
แต่... ต่อให้ใช่มนตราจริงๆ หล่อนก็คงไม่ยอมรับอยู่แล้วละ ก็คนค่อนประเทศพร้อมจะเชื่ออยู่แล้วนี่ ใครก็รู้ว่าเพียงมนตราปฏิเสธออกมาคำเดียว ทุกอย่างจะจบทันที
ขืนยอมรับโพล่งๆ ออกไปก็ดับอนาคตตัวเองในวงการบันเทิงกันพอดีน่ะสิ!!
นทีที่รถเก๋งป้ายแดงติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบเลื่อนเข้าไปจอดหน้าตึกสูงเสียดฟ้าติดโลโก้ช่องทีวีชื่อดังบนยอดตึกชัดเจนแล้ว บรรดานักข่าวที่รออยู่ด้านหน้าตึกใกล้ลานจอดรถกลางแจ้งก็พากันวิ่งกรูเข้าไปรุมล้อมร่างแน่งน้อยในชุดทะมัดทะแมงซึ่งเพิ่งก้าวลงมาจากรถ เสียจนสาววัยกลางคน ที่รั้งตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาวคนดังลงจากฝั่งคนขับมากันไว้ไม่ทัน
“ผู้หญิงในคลิปนั่นคือน้องมนหรือเปล่าคะ”
คือคำถามแรกจากนักข่าวตัวเล็กที่พยายามยื่นไมโครโฟนกับเครื่องอัดเสียงเข้าไปชิดริมฝีปากบางที่เม้มแน่น หลังจากนั้นหลากหลายคำถามในทำนองเดียวกันก็ประเดประดังเซ็งแซ่จนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
แต่มนตราทราบดี เนื้อหาคำถามของทุกคนที่กำลังล้อมตัวเธอ ราวกับนักโทษประหารนี้ ก็ไม่ต่างจากคำถามแรกเท่าไหร่นักหรอก
ก็แค่ใช่... หรือไม่ใช่
มือเล็กยกขึ้นถอดแว่นกันแดดเรย์แบนเวย์ฟาเรอร์ออกจากใบหน้า เผยให้เห็นนัยน์ตาคู่หวานที่ฉายประกายเย็นชาเสียจนใครหลายคนชะงัก เพราะน้อยมากจริงๆ ที่จะได้เห็นดาราสาวซึ่งอารมณ์ดีเป็นนิจรายนี้ทำหน้าเฉยชา ไร้รอยยิ้มอย่างเคยเป็น
เธอกวาดสายตามองนักข่าวที่รุมล้อมรอบตัว และรอ...กระทั่งทุกคนหยุดแย่งกันถามเสียที
“อันที่จริงมนคิดว่าจะมีการจัดแถลงข่าวหลังจากนี้ แต่การจัดงานอย่างเป็นทางการอาจสร้างความยุ่งยากและเสียเงินทองโดยใช่เหตุ สัญญาของมนกับที่นี่จะหมดในปีนี้แล้วและมนคงไม่มีสิทธิ์ต่อสัญญาเพราะคลิปนั้นจะทำให้ทางต้นสังกัดของมนเสียหายไปด้วย เพราะผู้หญิงในคลิปนั่น...”
เรียวปากบางเม้มสนิท ชั่วจังหวะที่มนตราเงียบเสียง ทุกสรรพเสียงรอบกายเธอก็ดูเหมือนจะเงียบแสนเงียบตามจนแทบไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ หญิงสาวกวาดสายตามองทุกคนที่รุมล้อมอีกครั้งราวกับจะพยายามจดจำวินาทีที่ ‘เคย’ ถูกสื่อให้ความสำคัญเช่นนี้เอาไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยต่อไปด้วยถ้อยความที่ทำให้ผู้จัดการส่วนตัวซึ่งพยายามแทรกตัวเข้ามาดึงเธอออกไปนั้น...
แทบจะล้มทั้งยืน!
“มนยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้น คือมนเองค่ะ”
เด็กชายอิสรภาพนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรมผืนนุ่มหน้าจอทีวีขนาดยักษ์ นัยน์ตาใสแจ๋วจับจ้องตัวการ์ตูนสัญชาติอเมริกันที่กำลังพ่นภาษาบ้านเกิดกันอย่างออกรส สลับกับหันมอง ‘พวกผู้ใหญ่’ ที่นั่งคุยกันอยู่บนโซฟาด้านหลัง
...คุณพ่อกับคุณยาย ทำไมหน้าเครียดกันจัง
“พยาบาลที่แม่เลือกมาไม่ดียังไงหืม หนูมนมีอะไรเสียหาย บอกแม่มาซิพัน!”
คุณหญิงเพ็ญพรกระแทกเสียงใส่ลูกเขยคนเล็กอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะพันธนาการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยว่าจะไม่ยอมให้มนตรา... อดีตดาราจอมฉาวที่เพิ่งลาออกจากวงการบันเทิงไปเมื่อสองปีก่อน มาดูแลลูกชายเขาในฐานะพยาบาลส่วนตัวเด็ดขาด
“คุณแม่ก็ทราบนี่ครับว่าเพราะอะไร”
ชายหนุ่มเผลอขมวดคิ้วขณะเอ่ยบอก เขาไม่อยากพูดถึงข่าวคาวๆ ของแม่ดารานั่นเท่าไหร่หรอก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กัน แต่จะให้ผู้หญิงประวัติเสียแบบนั้นมาดูแลลูกชายคนเดียวของเขาน่ะเหรอ
ไม่มีทางเสียละ!
“แล้วพันจะทำยังไง ลูกเราน่ะ... ตาอิฐก็หลานของแม่เหมือนกันนะ อีกแค่ปีสองปีก็จะได้เวลาผ่าตัดลิ้นหัวใจแล้วไม่ใช่เหรอ เราเองเป็นหมอ เวลาทำงานไม่แน่นอน ถึงคุณผกาจะดูแลตาอิฐให้ได้ช่วงพันไม่อยู่ แต่คุณผกาก็เป็นแม่บ้านไม่มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลนะ ช่วงปีหลังๆ นี่บอกตรงๆ ว่าแม่ห่วงเหลือเกิน หากตาอิฐอาการกำเริบขึ้นมาตอนพันไม่อยู่ล่ะ ถ้าพันไม่ยอมรับหนูมนมาทำงานที่นี่ แม่จะรับตาอิฐไปดูแลเองและจ้างหนูมนไปที่บ้านแม่ พันจะเอาแบบนั้นมั้ย!”
นางกระแทกเสียงใส่ชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยแรงโทสะเสียจนเด็กชายผู้ถูกเอ่ยถึงแอบสะดุ้ง