“ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธเธอ แล้วก็โกรธไม่ลงด้วย ไม่รู้ทำไม...”
“ขุนพูดบ้าอะไรเนี่ย เมาแล้วเหรอ เราเพิ่งมาเลยยังดื่มไปไม่เท่าไหร่...”
“ชอบฉันไหม”
“ห้ะ!”
เขาใช้ดวงตาสบกับเธอในระยะใกล้ จนกลิ่นลมหายใจของขุนพลอบอวลทั่วใบหน้าหวาน เธอเผยอปากขึ้นนิด ๆ ราวกับต้นไม้ที่กำลังจะเหี่ยวเฉารอหยาดฝนพรมลงบนร่างกาย
“ชอบฉันไหม”
“จูบเราสิ แล้วเราจะตอบ”
ขุนพลเหลือบมองริมฝีปากหวานก่อนจะเหลือบขึ้นมองหน้าเธอ ความใกล้ชิดทำให้เขาเห็นว่าดวงตาของเธอสั่นระริก ก่อนเสียงพึมพำไม่แน่ใจจะเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
“...แต่อย่าเลยเราเพิ่งจูบคนอื่นมานี่นา น่ารังกะ...อื้ออออ”
มินตราที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบแก้ว กลับถูกกระชากกลับมาเผชิญหน้า
“น่ารังเกียจตรงไหนเหรอ” เขาใช้กลีบปากไล่งับริมฝีปากของมินตราเบา ๆ “มันก็ยังนุ่มเหมือนเดิมนี่”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อสายตา
“เราชอบขุนนะ” คำบอกชอบหลุดออกจากปากหญิงสาวง่ายดายราวกับปอกกล้วย แต่นั่นกลับทำให้หัวใจของขุนพลลิงโลด หนุ่มร่างใหญ่ใช้เพียงมือเดียวก็สามารถเกี่ยวเอวเล็กให้นั่งบนตัก วาดมือไปบนเรียวขานุ่ม ขยำไปตามเนื้ออ่อนและกึ่งกลางร่างผ่านเนื้อผ้า จนได้ยินเสียงแว่วหวานเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก
และไม่กี่วินาทีต่อมาริมฝีปากนุ่มก็ถูกครอบครองอีกครั้ง
“อื้อออขุน”
ยีนขาสั้นธรรมดากลับทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นแทบบ้า เมื่อซิปของมันรูดลงมาตามปลายนิ้ว ปล่อยผิวสากของขุนพลซอกซอนเข้าไปสัมผัสเนื้อนุ่มลื่นของชั้นในที่ไม่นานก็เริ่มเปียกชุ่ม
“อึก”
“ไม่เจอกันไม่กี่วัน แต่ความรู้สึกยังไวเหมือนเดิมเลยนะ”
“ก็มัน...อย่าสิขุนอ๊ะ! อื๊ออออ”
ต่อให้เธอไขว่ห้างหนีนิ้วมือเขา แต่ขุนพลก็ยังคงเล่นซุกซนต่ออยู่ดี ตัวของเธอสั่นระริกโอบกอดรอบคอแกร่ง ก่อนกระซิบบอกเสียงกระเส่า
“กลับห้องกันเถอะขุน”
“อย่าเพิ่งรีบสิ”
“แต่...”
“คืนนี้กลับห้องฉันนะ ตกลงไหม” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา ทำให้คนที่กำลังจะตอบตกลงชะงักไปชั่วขณะ
“เราเชื่อใจขุนได้ใช่ไหม จะไม่แอบซ่อนกล้องหรือหลอกกันหรอกนะ”
ขุนพลหัวเราะหึ ๆ ส่ายหัวเบา ๆ ดวงตาแพรวพราวจับจ้องปลายนิ้วที่กำลังลูบอกเขา แล้วเลื่อนไปมองใบหน้าหวาน ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง
“ฉันซ่อนอะไรที่สนุกมากกว่านั้นอีก”
“อะไรเหรอเราอยากรู้จัง”
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอกน่า เธอมีเวลาสนุกกับมันทั้งคืน”
เรียวลิ้นที่กวัดเกี่ยวพันอย่างดูดดื่ม ลูบไล้ไปตามกลีบปากนุ่ม ไม่วายส่งสายตาเยาะเย้ยไปยังคนที่ซ่อนอยู่ในแสงสลัว ท่าทีพลอดรักดูดดื่มหลังจากเจอกันไม่กี่นาที ทำให้อาทิตย์และกวินหน้าคล้ำลงในทันที
มือถือที่แสดงสายโทรออกยังคงทำหน้าที่ของมัน
มินตราไม่รับสายจากคนที่เธอเรียกว่าแฟน...สักคน
หากแต่ริมฝีปากยังวนจูบอยู่กับผู้ชายที่นอนด้วยกันไม่กี่ครั้ง
“กรอดดด”
“เหี้ยเอ๊ย!!! กูทนดูไม่ได้แล้ว” กวินถึงกับสบถคำหยาบคาย ใบหน้าหล่อที่เคยห่วงทุกท่วงท่าบิดเบี้ยวไม่เหลือเค้าเดิมสักนิด เมื่อเขากัดฟันจนหน้าสั่นสันกรามขึ้นจนเด่นชัด ก่อนฟาดมือลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อน
ฝ่ามือที่สั่นระริกเพราะความเจ็บปวดถูกกำเข้าหากันแน่น
หัวใจเขาเหมือนกลัดหนองจนแทบคลั่ง
“มึงอยากเห็นกับตาเองไม่ใช่รึไง”
“แล้วมึงไม่อยากเห็นเหรอ ว่าเมียมึงกับเมียกู...” พูดถึงตรงนี้กวินก็ถึงกับกดปากแน่น “ซ่อนผู้ชายไว้เยอะแค่ไหน”
“กูไม่อยากรู้หรอกว่าซ่อนไว้เยอะแค่ไหน กูแค่อยากรู้ว่าจะหยุดได้ไหมมากกว่า” คนพูดน้อยเอ่ยอย่างเข่นเขี้ยว นัยน์ตาล้ำลึกมองภาพตรงหน้าไม่วางตา ในขณะที่กระดกเหล้าเข้าปากไม่สนดีกรีสักนิด สมองเขาเริ่มประมวลผลอย่างเชื่องช้า
เขาเยือกเย็นแต่ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึก
“มึงยังจะเอา?”
“หรือมึงไม่เอา!?” อาทิตย์เลิกคิ้วถาม
เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าตอนนี้กำลังโกรธหรือเกลียดมินตรากันแน่
“มึงแน่ใจเหรอว่าพอให้มินเลือก เขาจะเลือกไอ้เนิร์ดอย่างมึง หรือไอ้เหี้ยขุน” กวินถามพลางกลั้วหัวเราะขมขื่น
หัวใจที่ปวดหนึบค่อย ๆ ชินชาช้า ๆ
หลังจากทะเลาะกันจนเกือบบีบคอกันตาย สุดท้ายก็ทำได้แค่เป็นไอ้หน้าโง่ที่นั่งมองคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนอยู่ในอ้อมกอดของชาวบ้าน
“ก็แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนเลือกวะ ในเมื่อเลือกจะคบซ้อนทีละสามแล้วจะเลือกไปทำไม ถ้าเลือกที่จะมักมากก็ควรรับมือให้ไหวด้วยสิ กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสับรางเก่งแบบนี้ จะรับมือเก่งแค่ไหน”
“งั้นกูก็อยากรู้เหมือนกัน”
นัยน์ตาเจ็บปวดเลื่อนมาสบตากันก่อนจะแสยะยิ้มร้ายกาจ ฝ่ามือที่ยกขึ้นถูกทดแทนด้วยแก้วเหล้าใบใหม่ ก่อนสองเพื่อนซี้จะกอดคอกระดกเหล้าเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่พอ ไม่พอขุน มินไม่ไหวแล้ว มันไม่พออื้ออออ แรงอีกได้ไหม” ร่างเล็กถูกบีบเคล้นราวกับกะทิที่ถูกคั้นน้ำ
ปลายเท้าเธอตะเกียกตะกายลงไปบนเตียงระบายความเสียวซ่านอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อสองมือหนาจับทรวงอกใส่ปากดูดเม้ม เขากัดมันเบา ๆ ราวกับต้องการหยอกเย้าให้เธอดิ้นพล่านตายเพียงแค่สัมผัสมือและปากของเขา
แต่มินตรายังคว้ามือเขาขยำลงบนทรวงอกให้หนักกว่าเดิม ความรู้สึกเอ่อล้นทำให้เธอรู้สึกไม่พอเลยสักนิด อารมณ์วาบหวามทำให้มวลในท้องน้อยบิดเกลียว จนหญิงสาวต้องหอบหายใจผ่านทางปาก ส่งเสียงหวานระรื่นหูออกมา
“อื้ออออไม่พอ...”
ก่อนที่ลมหายใจจะสะดุดลง ทันทีที่ร่างสูงเปลือยเปล่าทั้งสองเข้ามาประกบซ้ายและขวา พร้อมเสียงกระซิบคุ้นเคยที่ทำให้คนอยู่ในอาการเร่าร้อนตัวเย็นเฉียบ
“ไอ้ขุนมึงไม่มีน้ำยาทำให้มินพอสินะ” เสียงยียวนของกวินเอ่ยจากด้านซ้าย ไม่นานก็ตามด้วยเสียงของอาทิตย์และขุนพล
“ที่ไม่พอเพราะไอ้ขุนมันมีแค่อันเดียวรึเปล่า”
“เพราะพอของมินตรา อาจจะหมายถึงอยากได้ทีละสามก็ได้”