เห็นแวบแรกก็จำเด็กสาวได้ทันที เพราะเค้าโครงของน้ำมนต์ไม่ค่อยเปลี่ยนเลย เพียงแต่ดูใสขึ้น สวยขึ้นเท่านั้น
“พะ...พี่รุจ!”
“ครับ พี่รุจเอง”
อนิรุจน์ ลูกชายคนโตของป้าหอมนวล เมื่อก่อนเขาไม่ได้ดูหล่อมากมาย ทว่าตอนนี้เขาดูหล่อคมขึ้น อาจเพราะเขาเสริมจมูกมาก็ได้ และดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนั่นคงเพราะอายุของเขามากขึ้นด้วย แลดูมีเสน่ห์สำหรับสาวๆไม่เบา และแววตาร้อนแรงของเขา เขย่าหัวใจของสาวน้อยในอ้อมแขนได้มากเหมือนกัน
ชายหนุ่มหายหน้าไปอยู่เมืองกรุงฯมาหลายปี เขาไม่กล้าบอกว่าเขาเคยทำงานอะไรมาบ้าง บอกได้แค่ว่า ปัจจุบัน เขาเป็นหุ้นส่วนร้านคาราโอเกะมากมายหลายสาขาในกรุงเทพฯ มีเมียมาแล้วหลายคน ทุกวันนี้ก็ยังคบหากับสาวๆหลายคน แต่ยังไม่มีสาวคนไหนเข้าไปนั่งในหัวใจของเขาได้เลย
ตึก...ตึก...ตึก!
หัวใจของเธอเต้นแรงอีกแล้ว
“เอ่อ คือ น้ำ น้ำเอาผักชะอม กับหน่อไม้กับ ผักตำลึงมาให้จ้ะ”
อนิรุจน์มองไปที่ตะกร้าที่หล่นลงพื้นแล้วยิ้ม พยักหน้าเข้าใจ
“แม่โทรมาบอกพี่แล้วจ้ะ โทรมาบอกก่อนที่น้ำมนต์จะมาถึงไม่กี่นาทีนี้เอง”
“อ้อ...”
หญิงสาวทำเสียงเข้าใจ แล้วรีบขืนตัวออกอายๆ เมื่อรู้ว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ไม่พบเจอกันมานานเป็นสิบๆปี ที่ตอนนี้เขาดูแปลกตาไป เพราะเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงแปลกๆ
ชายหนุ่มก้มหยิบตะกร้าขึ้นมา
“แม่พี่บอกว่าจะกลับค่ำ ช่วยแกงหน่อไม้ให้พี่กินได้ไหม ตอนนี้พี่หิวมากๆเลย”
“เอ่อ คือว่าน้ำมีธุระด่วนจ้ะ และตอนนี้มันก็ค่ำแล้ว น้ำขอตัวกลับก่อนนะจ๊ะ”
เพราะรู้สึกแปลกๆกับสายตาของชายหนุ่มที่มองมา มันทำให้เธอรู้สึกเขินอายจนไม่กล้ามองหน้า ทางที่ดี รีบเผ่นก่อนดีกว่า
แต่น้ำมนต์ก็ต้องขวัญผวา เมื่อหันหลังเดินกลับมาเจอกับผู้ชายคนเดิมที่เดินชนเธอตรงระหว่างทางเมื่อครู่ที่ผ่านมา
‘นี่เขาเดินตามเธอมาจนถึงที่นี่เลยเหรอ น่ากลัวจริงๆ’
หญิงสาวจึงหันหลังวิ่งมาหาคนคุ้นเคยอีกครั้ง เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่ใกล้คนแปลกหน้า
“พี่รุจจ๊ะ ผู้ชายคนนั้นเดินตามน้ำมาตั้งแต่กลางทางแล้วค่ะ เขาเป็นใครก็ไม่รู้ น้ำไม่เคยเห็นหน้าเลย”
หญิงสาวบอกเสียงหอบๆ สีหน้าของเธอบอกถึงความหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
อนิรุจน์ยิ้มแล้วว่า
“นี่คุณชนะกิตติ์ เป็นเพื่อนร่วมงานของพี่เองครับ เขาขอมาเที่ยวบ้านพี่”
“เพื่อนพี่รุจเองเหรอจ๊ะ มิน่าล่ะ ว่าทำไมเขาถึงได้เดินตามน้ำมา เขามาพักอยู่บ้านพี่รุจน์นี่เอง”
จากหน้าซีดๆดูหวาดกลัว เปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ มองหน้าผู้มาใหญ่ด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูกเลย
“กิต นี่น้องน้ำมนต์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องน้ำมนต์”
“จ้ะ เอ่อ... พี่รุจน์จ๊ะ น้ำขอตัวกลับก่อนนะจ๊ะ น้ำไปล่ะจ้ะ”
คนขี้อายที่ไม่เคยอยู่ท่ามกลางผู้ชายหล่อๆถึงสองคน รู้สึกขัดเขินจนต้องรีบหนีออกมา
สองหนุ่มมองตามหลังหลังหญิงสาวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปยิ้มๆ
“กูว่า กูเจอว่าที่แม่ของลูกแล้วว่ะรุจน์”
“เฮ้ย ได้ไง คนนี้กูจองตั้งแต่น้องแกสามขวบแล้วนะเว้ย ห้ามยุ่งเด็ดขาด”
อนิรุจน์เกิดหวงก้างขึ้นมาทันที ยังไงสาวน้อยคนนี้เขาก็ไม่ยอมให้ชนะกิตติ์ที่แสนจะเจ้าชู้มาเจาะกินไข่แดงน้ำมนต์เด็ดขาด แม้เขาไม่ได้แอ้ม เขาก็อยากจะปกป้องเด็กสาวคนนี้จากเสือร้ายอย่างชนะกิตติ์ให้ได้
น้ำมนต์เดินตามซอยเล็กๆมาเยี่ยมป้านุชที่ล้มหมอนนอนเสื่อมาหลายวันด้วยความเป็นห่วง
ป้านุชใจดีกับเธอมาก ก่อนนั้นที่ป้านุชยังแข็งแรง แกชอบปลูกผลไม้ และผลไม้ที่สวนหลังบ้านแกก็มีเยอะมาก ป้านุชแกก็ไม่เคยหวงผลไม้ทุกอย่างในบ้านแกเลย
ทุกครั้งที่ไปเที่ยวบ้านป้านุช เธอก็มักจะได้ผลหมากรากไม้ติดไม้ติดมือมาฝากตากับยายเป็นประจำ
อาการของป้านุชน่าเป็นห่วง เห็นคนที่ไปเยี่ยมแกพูดกันว่า แกเป็นโรคเศรษฐีที่ไม่มีเงินรักษา น้ำมนต์ก็ไม่รู้ว่าโรคเศรษฐีมันคือโรคอะไร แต่มันรักษาไม่หาย อาการของป้าแกเลย ทรุดลงๆ จนตอนนี้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ซึ่งปกติแกก็ผอมอยู่แล้ว
คนในหมู่บ้านต่างหมุนเวียนกันมาเยี่ยมแก เพราะแกเป็นคนดีมีน้ำใจกับทุกคนนั่นเอง และกรกิจก็มาเยี่ยมแกด้วยเช่นกัน เพราะภรรยาของกรกิจเป็นหลานสาวของป้านุช ซึ่งแม่ของภรรยากรกิจเป็นน้องสาวของป้านุชนั่นเอง
วันนี้กรกิจแต่งตัวดีมาก ชายหนุ่มตัดผมรองทรง ดูสะอาดสะอ้านและดูแมนสุดๆในสายตาของน้ำมนต์ และไม่ใช่มีเธอคนเดียวที่แอบมองชายหนุ่ม สาวๆหลายคนที่มาเยี่ยมป้านุช ต่างก็ลอบมองแกเป็นแถวๆ แม้แต่ผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็ยังมองแกด้วยความชื่นชมเลย
แต่กรกิจเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครถ้าไม่สนิท แต่แกรู้จักน้ำมนต์ เพราะตาเชิดกับยายแจ่มเป็นลูกหนี้ของพ่อแกนั่นเอง
“อยากได้เมียอีกสักคนไหมล่ะกิจ เผื่อแกจะได้มีลูกสมใจไง” กรกิจนึกถึงคำของบิดาที่พูดกับเขาเมื่อไม่นานมานี้