แต่อาจเคยมีเมียมาบ้างทว่าเลิกหมดแล้ว ตอนนี้อนิรุจน์โสดสนิทจริงๆ แถมเขายังไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเบียร์บ้างเมื่อเข้าสังคมเท่านั้น และอนิรุจน์ก็ชอบน้ำมนต์จากใจจริง พร้อมที่จะแต่งงานกับน้ำมนต์จริงๆ
...แต่น้ำมนต์จะเลือกอนิรุจน์หรือเปล่านี่สิ เรื่องนี้ไม่มีใครบังคับน้ำมนต์ เพราะน้ำมนต์โตแล้ว ตัดสินใจเองได้ ความสุขของหลานก็คือความสุขของตากับยาย...
‘ก็แล้วแต่วาสนาของมัน’...
“ยายเดินไปส่องดูสิ มันทำอะไรหลานเราหรือเปล่า”
คนหวงหลานสาวอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
“ตาก็ไปดูเองสิ”
ตาเชิศทำหน้ายุ่ง แล้วก็ถอนหายใจ เดินไปหักข้าวโพดอีกฝั่ง ตามหลังมาคือยายแจ่ม ที่เดินมาหักฝักข้าวโพดใกล้ๆ แล้วก็ปล่อยให้สองหนุ่มสาว ทำงานกันไปคุยจี๋จ๋ากันไปสองคนอีกฝั่งหนึ่ง
ฝั่งน้ำมนต์กับแบเรียล
สองหนุ่มสาวพูดคุยกันมาพักหนึ่งแล้ว น้ำมนต์ก็ได้เล่าเรื่องของเธอตั้งแต่เด็กๆให้แบเรียลฟัง แบเรียลเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
แม้ว่าอากาศช่วงกลางวันจะร้อนสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศของธรรมชาติแสนบริสุทธิ์นี้กร่อยลงเลย
ตรงข้าม เขากลับรู้สึกแข็งแรง สดชื่น มีชีวิตชีวา และยามใดที่สายลมพัดผ่านมาปะทะผิวหน้าผิวกาย ชายหนุ่มก็รู้สึกว่า โลกใบนี้ช่างน่าอยู่เสียจริง
น้ำมนต์แม้ภายนอกจะดูบอบบาง แต่หล่อนช่างอดทน ขยัน ไม่บ่นสักคำ หล่อนดูมีชีวิตชีวาน่าเข้าใกล้ คุยด้วยแล้วสบายใจทั้งที่หล่อนอายุห่างจากเขาตั้งเกือบยี่สิบปี
‘หรือเขาเป็นโคแก่ ชอบหญ้าอ่อนกันแน่วะ’
แบเรียลหักฝักข้าวโพดไปยิ้มไปด้วย แต่น้ำมนต์ไม่เห็นรอยยิ้มของเขาหรอก เพราะต่างคนต่างก็ใส่หมวกอิโม่ง เห็นแต่ลูกกะตา แต่ทั้งสองหนุ่มสาวก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
น้ำมนต์แอบยิ้ม มองคนตัวสูงทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาชวนเธอคุย แต่ไม่ได้พูดมาก เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเมืองของเขาให้เธอฟัง และเล่าเรื่องชีวิตรักของเขาให้เธอฟังด้วย
น้ำมนต์สรุปได้สั้นๆว่า ตอนนี้
‘เขาโสด’
เรื่องอื่นๆขี้เกียจสรุป
“เหนื่อยไหมคะคุณ”
“น้ำยังไม่เหนื่อย แล้วแบเรียลจะเหนื่อยได้ยังไงครับ”
น้ำมนต์รู้สึกขนลุกแปลกๆ เมื่อแบเรียลเรียกชื่อเล่นของเธอ และแทนตัวเองด้วยชื่อของเขา แอบใจเต้นแรงเมื่อเขาเดินมาหักข้าวโพดใกล้ๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากกายเขา มันทำให้เธอหวั่นไหวแปลกๆ
จวบจนเวลาใกล้เที่ยง ทั้งสี่คนก็เดินไปที่เถียงนาเพื่อนั่งพัก แล้วเตรียมหากับข้าวมานั่งกินด้วยกัน
กับข้าวตรงหน้า เป็นเมนูง่ายๆที่แบเรียลรู้สึกว่ามันน่าลองชิมเหมือนกัน มีทั้งน้ำพริก ผักต้ม แกงหน่อไม้ใส่ผักชะอม ปลาช่อนปิ้ง ไข่ต้ม แล้วก็ไก่ย่างข้าวเหนียว
“กับข้าวน่ากินมากนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ย
“น้ำพริกปลาร้าเนี่ย ฝีมือยายแจ่ม ที่เหลือไอ้น้ำมันเป็นคนทำ” ตาเชิศอวดหลานสาว
แบเรียลจึงหยิบไก่ย่างมาแทะก่อนเลย
“อร่อยมากน้ำมนต์”
น้ำมนต์ยิ้ม แล้วมองชายหนุ่มชิมเมนูต่อไปอีก แบเรียลดูเจริญอาหารมาก ข้าวเหนียวเกือบหมดกล่องก็เพราะเขา ทำเอาตากับยายถึงกับยิ้มออกมา ที่เขาดูเป็นคนกินง่าย สบายๆ เป็นกันเอง และมีอารมณ์ขัน
“ยายจ๋าตาจ๋า เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ น้ำต้องกลับบ้านไปก่อนนะ เพราะน้ำบอกทุกคนว่าจะให้คำตอบทุกคนว่า บ่ายวันนี้ น้ำจะเลือกใคร”
ตากับยายพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่ได้ถามว่าหลานสาวจะเลือกใคร เพราะเดี๋ยวน้ำมนต์กลับมาก็คงรู้เอง
“งั้น เดี๋ยวผมขอตัวกลับพร้อมน้ำมนต์นะครับ ผมต้องไปเตรียมกระเป๋าเดินทาง”
“ตามสบายเถอะคุณบาเรียว” ยายแจ่มว่า
“แบเรียลครับ ไม่ใช่บาเรียว”
“ฮ่าๆ...” ตาเชิศหัวเราะร่วนชอบใจ น้ำมนต์ก็พลอยหัวเราะขำขันไปด้วย
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา น้ำมนต์ก็เดินกลับบ้านกับแบเรียล โดยที่คนภายนอกไม่รู้ว่าคนที่เดินตามหลังน้ำมนต์มาเป็นใคร เพราะชายหนุ่มยังคงสวมหมวกอิโม่งอยู่
พอเดินเข้าไปทางหลังบ้านของหญิงสาวเพื่อล้างหน้าล้างตา เขาจึงถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาแบบชาวตะวันตก ดูมีเสน่ห์จนน้ำมนต์อดที่จะมองค้างอย่างชื่นชมไม่ได้
น้ำมนต์เผลอไผล จนไม่รู้ตัวว่าชายหนุ่มเดินมาอยู่ตรงหน้าใกล้แค่นี้เอง เขายกมือขึ้นมาเก็บเศษไม้ใบหญ้าออกจากเส้นผมยุ่งๆของเธอ
“คุณเหมือนเด็กสิบสองสิบสามเลยนะ”
น้ำมนต์กะพริบตาปิบๆ แล้วยิ้มอายๆ ก่อนจะขยับออกห่างอีกนิดเมื่อรู้สึกตัวว่าเขามายืนใกล้เกินไป
“คือผม หิว... น้ำ”
“หิวน้ำ!” สาวน้อยทำหน้าตกใจ ก่อนจะรีบทำความเข้าใจกับคำบอกเล่าของเขา
‘เขาหิวน้ำ เพราะเดินมาเหนื่อยๆ เขาไม่ได้บอกว่าหิวเธอเสียหน่อย คิดลามกไปได้ น้ำเอ๊ย’
“ครับ ผมหิวน้ำ”
ชายหนุ่มพูดย้ำ เขาหิวน้ำจริงๆ แต่หมายถึงทั้งสองน้ำนะ ทั้งน้ำเย็น และน้ำที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อ้อค่ะ เดี๋ยวน้ำไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
หญิงสาวลืมตัวแทนตัวเองว่าน้ำกับชายหนุ่มเป็นครั้งแรก แบเรียลยิ้มตามแผ่นหลังบางไป
‘เด็กหนอเด็ก ช่างไม่รู้อะไรเลย’
“น้ำค่ะ”
น้ำมนต์รีบถือขันน้ำเย็นมาให้ ชายหนุ่มรับไปดื่มแบบไม่รังเกียจ ว่ามันเป็นเพียงน้ำที่อยู่ในกระติกใบเก่าที่ข้างในมีน้ำแข็งแช่อยู่ และแก้วใบนี้อาจผ่านปากเจ้าของบ้านมาแล้ว