EP.8

1013 Words
“น้ำๆ”          “เอ้าพริ้ม มาแต่เช้าเลย”          “ว่าจะมาขอขุดหน่อไม้ไปแกงสักหน่อย แต่เห็นน้ำกำลังคุยกับใครไม่รู้อยู่”          “อ้อ เขาเป็นนักท่องเที่ยว พี่ตาคงเป็นคนพามา” พี่ตาที่น้ำมนต์พูดถึงคือแก้วตา ที่เป็นไกด์พาฝรั่งเที่ยวนั่นเอง แต่เธอไม่ได้สนิทสนมกับแก้วตาหรอก เพราะแก้วตาไม่ค่อยกลับบ้าน          วาสนาเดินลงตลิ่งไปหาเพื่อนรัก แล้วก็ชวนเม้าท์เรื่องหนุ่มฝรั่งที่เพิ่งเดินจากไปด้วยความอยากรู้ แต่ไม่อยากรู้เรื่องของแก้วตาหรอก          “เขาชวนเราไปเที่ยว”          “จริงเหรอ”          สองสาวคุยกันไป หาขุดหน่อไม้กันไปด้วย          “อื้อ และเราบอกว่าถ้าเราตกลงไปเที่ยวกับเขา เราอยากพาพริ้มไปเที่ยวด้วย เขาก็ยอมนะ”          “เหรอๆ แล้วน้ำอยากไปไหมล่ะ” คนถามตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น อยากจะไปเที่ยวใจจะขาด          “ก็น้ำจะถามพริ้มอยู่นี่ไง ว่าพริ้มอยากไปเที่ยวไหม”          “อยากไปสิ ว่าแต่เที่ยวที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นต่างประเทศ พริ้มไม่เอานะ ไกลไป”          “ไม่ๆ อยุธยานี่เอง”          “อ้อ อยุธยาที่มีวัดเยอะๆใช่ไหม”          “ใช่ๆ” น้ำมนต์พยักหน้า          “งั้นน้ำตอบตกลงเลยนะ พริ้มอยากไปเที่ยวัดที่อยุธยานานแล้ว ความฝันของพริ้มจะได้เป็นจริงสักที”          น้ำมนต์มองหน้าเพื่อนรักที่กำลังทำตาเคลิ้ม ฝันหวานก็ต้องทอดถอนใจ ‘เธอควรตอบตกลงใช่ไหม ได้ทั้งไปเที่ยว ได้ทั้งเงิน แต่ยังไม่บอกเรื่องที่แบเรียลจ้างเธอไปเที่ยวหรอก จนกว่าเขาจะให้เงินเธอมาจริงๆ’          “แต่เราจะไว้ใจเขาได้เหรอพริ้ม”          “ก็เขามากับพี่ตา ถ้าไปเที่ยว พี่ตาก็ต้องไปด้วย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”          “แล้วพริ้มคิดว่าตากับยายจะอนุญาตให้น้ำไปเที่ยวเหรอ เขาชวนไปเที่ยวตั้งสี่วันเชียวนะ”          “สี่วัน! อืม... ก็หลายวันอยู่นะ แต่ไปเที่ยวในเมืองไทยเรา มันก็น่าไปอยู่นะ เอางี้ เดี๋ยวพริ้มช่วยพูดให้เอง น้ำไม่ต้องเป็นห่วง ได้ไปเที่ยวแน่นอน แต่เราอย่าเพิ่งบอกใครนะว่าเราสองคนไปเที่ยว”          น้ำมนต์ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี แต่เมื่อเพื่อนรักอยากไปเที่ยวจริงจังขนาดนั้น ก็ลองไปดูสักตั้งก็ได้          “อืม ว่าไงว่าตามกัน หวังว่าเขาคงไม่พาเราไปขายหรอกนะ”          วาสนาหัวเราะ          “คงไม่หรอก ดูหน้าตาพริ้มสิ น้ำคิดว่าพริ้มพอขายออกไหม”          น้ำมนต์ยิ้มใสใส่ตาเพื่อนรัก          “หน้าแบบพริ้มคงขายได้ราคาอยู่หรอก แต่น้ำนี่สิ จะขายได้สักกี่บาทกัน”          “แหม ค่าตัวน้ำถูกเสียที่ไหน หลักล้านเชียวนะ” วาสนารู้เรื่องของเพื่อนรักเกือบทุกเรื่อง เพราะน้ำมนต์เล่าให้ฟังหมด เธอสองคนไม่เคยมีเรื่องอะไรต้องปิดบังกันอยู่แล้ว          “ไม่ต้องเลย”          “ต้องสิ ว่าแต่น้ำตัดสินใจได้หรือยังล่ะว่าจะเลือกใคร”          “อื้อ”          “ใครเหรอ” วาสนายื่นหน้าเข้ามาถาม          “เลือกแบเรียล” น้ำมนต์กระซิบกระซาบทีเล่นทีจริง เธอก็เลือกไปเที่ยวกับแบเรียลจริงๆไง จึงไม่ได้เลือกใครเป็นเจ้าบ่าว          “กรี๊ดๆ” วาสนนาทำท่ากรี๊ดเบาๆ แล้วมองตาเพื่อนอย่างหยอกเย้า          “เอาจริงป๊ะคนนี้”          “บ้าเหรอ น้ำแค่พูดเล่น”          “แต่ไม่เลือกใครนี่พูดจริงใช่ไหม”          “ฮื่อ” น้ำมนต์พยักหน้า วาสนาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยน้ำมนต์ก็อยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนเธอต่อไป ที่สวนข้าวโพด          ตาเชิศกับยายแจ่มมองดูฝรั่งตาน้ำข้าวยืนหักข้าวโพดใกล้ๆกับหลานสาวแล้วก็ตั้งคำถาม ถามกันไปถามกันมาต่างๆนานา ด้วยความสงสัยคลางแคลงใจในตัวฝรั่งหนุ่ม ที่อาสามาช่วยงานในไร่ข้าวโพดฟรีๆโดยไม่คิดค่าจ้าง          ...มันน่าแปลกใจ น่าสงสัยจริงๆ ว่าฝรั่งหน้าตาดีๆคนนี้ คาดหวังอะไรในตัวหลานสาวของพวกเขาหรือเปล่า มาดีหรือมาร้าย...          “หรือว่าเราจะได้หลานเขยเป็นฝรั่งฮึตา”          ตาเชิศไม่ตอบ แต่มองไปที่ไร่ข้าวโพด ที่บังร่างสองหนุ่มสาวจนหมดนั้นด้วยแววตาครุ่นคิด          เมื่อเช้าแก้วตาเดินมาบอกว่า อิตานั่นชื่อแบเรียล เป็นลูกทัวร์ของแกเอง แบเรียลอยากเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวชนบท ของชาวไร่ชาวนาของคนไทยว่าเป็นยังไง เลยขออาสาไปหักข้าวโพดให้ฟรี และพรุ่งนี้แบเรียลก็จะไปเดินทางท่องเที่ยวที่อื่นต่อแล้ว          ‘เขามาช่วยหักข้าวโพดแค่วันเดียว คงไม่มีอะไรเสียหายมั้ง หลานสาวของเขาคงไม่ใจง่ายเอาฝรั่งที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวมาทำผัวหรอก’          “ข้าว่าไม่หรอก ไอ้น้ำมันคงไม่ใจง่ายขนาดนั้นหรอก”          “ข้าก็ว่างั้นแหละตา แถมตอนนี้มันยังมีผู้ชายรวยๆในหมู่บ้านเราให้เลือกอีก มันคงไม่ตาต่ำไปคว้าฝรั่งที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาเป็นผัวหรอก”          ความจริงตากับยายก็ช่วยกันเลือกแล้วว่า อนิรุจน์ น่าจะดีกว่าใครๆ เพราะได้คุยกับพ่อแม่ของฝ่ายชายแล้วเมื่อเย็นวาน ว่าสิบกว่าปีที่อนิรุจน์หายไป เขาหายไปไหน ไปทำงานอะไร และตอนนี้ทำงานอะไรอยู่ มีเมียแอบซุกซ่อนไว้หรือเปล่า ก็ได้คำตอบว่า อนิรุจน์ไปเป็นลูกจ้างของสถานบันเทิงมาหลายแห่งในเมืองกรุงฯ จนคิดอยากเปิดผับบาร์เหมือนคนอื่นบ้าง จึงได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ จนได้ดิบได้ดี แต่ที่หายหน้าไปนาน เพราะตั้งเป้าไว้ว่า ถ้ายังไม่รวยจะไม่กลับบ้าน จนวันนี้เขารวยแล้ว มีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่าสิบล้าน แถมยังมีผับบาร์เป็นของตนเองที่ร่วมลงทุนกับเพื่อนสนิทอีกหลายแห่ง 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD