“คิดอย่างที่ถี่ถ้วนแล้วใช่ไหม พี่ขอถามหน่อยสิว่า เจียวเหมยรู้จักพ่อค้าคนกลางได้อย่างไร และขายอะไรถึงได้กำไรมากมายขนาดนั้น”
ฟางลู่เฉินตัดสินใจถามน้องสาวออกไป ที่ถามไม่ใช่เพราะอิจฉาหรือว่าต้องการอะไรของน้อง แต่เพราะเป็นห่วงกลัวว่าน้องสาวจะถูกหลอกนั่นเอง จึงได้ถามออกมาพร้อมกับสีหน้าที่มีความกังวลไม่น้อย
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ต่อให้ฉันจะเคยร้ายกาจแต่ตอนนี้ก็เริ่มมีความคิดแล้ว ฉันสงสารพี่อี้ข่ายที่ต้องทำงานคนเดียว อยู่ห่างลูกเมียและครอบครัว เป็นเวลาหลายเดือนถึงจะได้กลับมาบ้านสักครั้ง อีกอย่างนะพี่ ตอนนี้ฉันมีลูกแล้ว ความคิดความอ่านก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างล่ะ ฉันขอยังไม่บอกนะคะว่ารู้จักคนกลางได้ยัง ส่วนของที่ขายแล้วได้กำไรเยอะก็เป็นพวกเนื้อ พวกอาหารที่หายาก จึงทำกำไรได้มากแบบนี้” หญิงสาวตอบกลับพี่ชายพร้อมกับยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์ โดยไม่ยอมความลับของเธอออกไป
“งั้นแม่ขอถามได้ไหมว่าเจียวเหมยมีความคิดจะทำอย่างไร เรื่องที่จะให้บ้านใหญ่ยอมแยกบ้านกับเรา” คราวนี้หนิงหงชุนเอ่ยขึ้นมาบ้าง เนื่องจากเธอมองไม่เห็นทางเลยว่าจะสามารถแยกบ้านได้ เพราะที่ผ่านมานั้นเธอและลูกชายเคยพูดกับพ่อและแม่สามีมาหลายครั้งแล้ว
“เดี๋ยวแม่รอดูดีกว่าค่ะ เพราะถ้าฉันบอกแม่ไป ฉันกลัวว่าหากบ้านใหญ่รู้ว่าฉันมีแผนการจะแยกบ้าน พวกเขาจะมาคาดคั้นเอากับแม่น่ะสิ แม่มีหน้าที่เลี้ยงหลานและรอดูการเปลี่ยนแปลงของบ้านเราก็พอแล้ว” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าแม่สามีนั้นขี้กลัวและใจอ่อนแค่ไหน นี่เธอเพิ่งสัมผัสได้ไม่นานนะ
“มีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยนะพี่สะใภ้ ฉันเต็มใจช่วยทุกอย่าง” หลี่เหว่ยเหลียนที่นั่งฟังอยู่ด้วยก็เอ่ยขึ้นมา เธอเองก็อยากช่วยพี่สะใภ้เหมือนกัน
“อืม แล้วฉันจะบอกอีกครั้งก็แล้วกัน แต่ต่อจากนี้ไปทั้งสองคนไม่ต้องไปช่วยงานบ้านใด ๆ ทั้งสิ้นให้กับบ้านใหญ่อีกแล้วนะ หากฉันไม่อยู่บ้านก็ล็อกประตูให้แน่นหนาและไม่ต้องเปิดรับใครก็พอ” หญิงสาวสั่งกำชับน้องสามีเรื่องที่ไม่ต้องไปช่วยงานบ้านใหญ่อีก ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา
“หลังจากนี้ ทั้งแม่ เสี่ยวเหลียนและพี่ใหญ่ให้ใส่ชุดใหม่ที่ฉันซื้อมาให้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมืองไปซื้อมาให้อีก เพราะนี่คือหนึ่งในแผนการที่ทำให้บ้านใหญ่ยอมให้เราแยกบ้านแต่โดยดี แต่ปัญหาอาจจะตกมาอยู่ที่พี่ใหญ่ เพราะเมียใหม่พ่อคงหาเรื่องพี่ไม่เว้นวันถ้าเห็นพี่มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ ยังไงพี่ก็บอกไปว่าฉันเอาสินเดิมที่แม่ทิ้งไว้ออกมาใช้ก็แล้วกัน พี่ช่วยเล่นละครในเรื่องนี้ได้ไหม เพราะเรื่องที่ฉันแอบทำการค้า ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้แม้กระทั่งพ่อ”
ฟางเจียวเหมยบอกแผนการเบื้องต้นของเธอให้ทั้งสามคนได้รู้ เพราะเธอมั่นใจว่าหากบ้านใหญ่เห็นเธอรวมถึงทุกคนในบ้านสามใส่เสื้อผ้าใหม่และกินดีอยู่ดี อีกทั้งยังลามไปถึงพี่ชายของเธอ คนโลภมากแบบบ้านใหญ่มีหรือไม่หาโอกาสมาค้นเอาของมีค่าไป และเมื่อถึงเวลานั้น ฟางเจียวเหมยคนนี้จะจัดการเพื่อแยกบ้านเอง
“อืม เรื่องนี้พี่จะช่วยเล่นละครให้เอง ขอแค่น้องสาวของพี่พาทุกคนหลุดพ้นจากบ้านใหญ่หลี่ให้ได้ก็พอแล้ว” ฟางหลู่เฉินยินดีที่จะช่วยน้องสาวในเรื่องนี้ ก่อนจะถามถึงอีกเรื่องที่เขายังกังวลใจไม่น้อย “ส่วนเรื่องค้าขายในตลาดมืด เจียวเหมยให้พี่ไปช่วยหรือเปล่า ในนั้นมันอันตรายสำหรับผู้หญิงคนเดียวนะ”
“ไม่ต้องหรอกพี่ ทำงานกินกำไรส่วนต่างแบบนี้ ฉันทำคนเดียวคล่อง ตัวกว่า รอฉันเปิดร้านก่อนแล้วพี่ได้มาช่วยฉันแน่ แต่ก่อนอื่นพี่หาเรื่องแยกตัวออกมาจากบ้านฟางก่อนเถอะ เท่าที่ฉันเห็นพ่อของเราไม่เหมือนเดิมมานานแล้ว สำหรับพ่อ หายใจเข้าออกมีแต่ลู่เจียเม่ยกับลูกสาวของหล่อนเท่านั้น ส่วนเราสองคนพี่น้องไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสำหรับพ่อแล้ว พี่ออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่พร้อมฉันและพวกเราบ้านสามได้หรือเปล่าล่ะ”
“แต่...” ฟางหลู่เฉินเข้าใจสิ่งที่น้องสาวพูด เขาเองก็ไม่มีความผูกพันอะไรกับพ่ออีกแล้ว แต่ยังเกรงใจคนบ้านสาม ซึ่งถ้าเขาแยกตัวออกมาคงจะขออยู่เพียงลำพัง เพราะไม่ต้องการสร้างความลำบากให้น้องสาวกับบ้านสามีนั่นเอง แต่ตอนนี้เขายังไม่มีเงินเพียงพอที่จะแยกออกไปเช่าบ้าน
หนิงหงชุนคล้ายกับจะเข้าใจในความรู้สึกของคนรุ่นลูก จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าคิดมากเลยนะอาเฉิน เมื่อถึงวันนั้นพวกเรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ อย่างไรเธอก็เป็นพี่ชายของลูกสะใภ้น้าอยู่แล้ว เราเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฟางหลู่เฉินจึงมีใบหน้าอบอุ่นและดูอ่อนโยนอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจนั้นเชื่อว่าน้องสาวแต่งเข้าบ้านสามคงไม่ลำบากมากนัก ในเมื่อแม่สามีมีจิตใจดีเช่นนี้ “ขอบคุณครับน้าหงชุน”
“วันนี้มีเนื้อมาหลายชิ้น ฉันคิดว่าเราทำสามชั้นตุ๋น เนื้อราดพริก ซุปกระดูกหมูกับหัวไชเท้า และหุงข้าวขาวกินกันดีกว่า แต่ฉันไม่อยากเข้าไปทำในครัวของบ้าน เราก่อไฟทำกันหน้าห้องนี่แหละ อีกทั้งหม้อกระทะบ้านเราก็มีทุกอย่าง ต่อไปนี้ไม่ต้องไปทำที่ครัวใหญ่แล้ว ขาดแต่ฟืน...”
ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยของทุกคน ส่วนอาหารของลูกนั้นเธอตั้งใจจะทำพรุ่งนี้และคงเป็นอาหารอ่อนก่อน เนื่องจากที่ผ่านมา ร่างนี้ป้อนเพียงแต่นมให้ลูกเท่านั้นเท่านั้น มีบางครั้งที่เสริมด้วยให้กินน้ำข้าว ซึ่งเธอมองว่าเด็กวัยนี้นั้นควรจะกินอาหารชนิดอื่นได้แล้ว อย่างเช่นข้าวต้มและตับบด ไข่ต้ม รวมถึงผักบดละเอียด
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะไปหาฟืนมาให้เอง น้องเตรียมอาหารเถอะ เดี๋ยวพี่มา” ฟางหลู่เฉินได้ยินว่าขาดฟืนก็อาสาจะไปหามาให้ พอพูดจบเขาจึงรีบเดินออกมาจากห้องและมุ่งหน้าไปหาฟื้นมาไว้ให้น้องสาวทันที
“เดี๋ยวแม่ไปช่วยนะ” แม่สามีอย่างหนิงหงชุนก็ไม่นิ่งดูดาย ตั้งใจจะฝากหลานให้ลูกสาวคนเล็กดูแล แล้วจะไปช่วยลูกสะใภ้ทำอาหาร
“ไม่ต้องหรอกแม่ แม่กับเสี่ยวเหลียนดูหลานเถอะ กับข้าวแค่สามอย่างฉันทำเองได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็พาหนิงหนิงและอาหมิงออกไปรับลมที่หน้าห้องบ้างดีกว่า อยู่แต่ในนี้น่าจะอุดอู้เกินไป”
หญิงสาวรีบปฏิเสธ เรื่องการทำอาหารสำหรับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพราะชาติก่อนเธอเปิดร้านอาหารจะต้องมีฝีมือด้านนี้อยู่แล้ว แต่จะถูกปากของทุกคนไหมนั้นมันอีกเรื่อง เพราะลิ้นรับรสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เธอบอกว่าอร่อย แต่คนอื่นอาจจะไม่อร่อยก็ได้
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวแม่และเสี่ยวเหลียนจะพาหลานออกไปเดินเล่นแถวบ้านก็แล้วกัน” หนิงหงชุนไม่อยากเถียงกับลูกสะใภ้ แม้จะสงสัยอยู่ไม่น้อยก็ตาม เพราะที่ผ่านมาฟางเจียวเหมยไม่เคยลงมือทำอาหารเองเลยสักครั้ง
“พี่สะใภ้ทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ เก่งจัง ฉันไม่เคยเห็นพี่ทำอาหารเลย หรืออาจจะเพราะพี่ใหญ่ทำอาหารอร่อยมากพี่เลยไม่ต้องทำ” ส่วน
หลี่เหว่ยเหลียนเลือกที่จะถามออกมาตรง ๆ เพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นพี่สะใภ้ทำอาหารมาก่อน
“ไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่ว่าฉันทำไม่เป็นสักหน่อย เดี๋ยวต่อไปจะเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น” พูดจบเธอก็เดินออกมาจากห้องอีกก่อน ก่อนจะเดินไปที่ห้องเล็กข้าง ๆ ที่เก็บอุปกรณ์ทำครัวของบ้านสามไว้ แล้วทยอยขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาเพื่อทำอาหารที่หน้าห้อง
หญิงสาวจัดเตรียมวัตถุดิบแต่ละอย่างด้วยความคล่องแคล่วระหว่างรอพี่ชายหาฟื้นมาให้ บ้านนี้ยังขาดอีกอย่างคือที่อาบน้ำ และที่
ล้างจาน แต่ไม่เป็นไร ความลำบากในส่วนนี้อีกไม่นานก็จะหมดปัญหาแล้ว เวลาช่วงนี้ก็ทนไปก่อน เพราะถึงอย่างไรเรื่องอาบน้ำนั้นต้องรอให้บ้านใหญ่และบ้านรองอาบเสร็จก่อนอยู่แล้ว บ้านสามถึงจะได้อาบน้ำชำระร่างกาย
ซึ่งที่สำหรับล้างจานและอุปกรณ์ในการทำครัวเหมือนกัน บ้านสามจะต้องล้างให้บ้านใหญ่ก่อนจะล้างของบ้านตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมานั้น แม่สามีของเธอรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนนี้และต้องทำงานบ้านรวมถึงทำอาหารให้บ้านใหญ่อยู่แล้ว
ฟางเจียวเหมยยังคงสาละวนกับการเตรียมวัตถุดิบ ไม่นานพี่ชายก็หอบฟืนกองโตเข้ามา
“เอาไว้ใช้สำหรับวันสองวันก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เสร็จจากงานในทุ่งจะรีบไปหาฟืนมาเก็บไว้ให้ ส่วนน้ำสำหรับไว้ใช้ล้างถ้วยชามและอุปกรณ์ครัว วันนี้พี่จะพาไปล้างที่บ่อน้ำของหมู่บ้านก่อน จะมีปัญหาก็คือห้องอาบน้ำ” ชายหนุ่มวางฟืนลงก่อนจะมองพื้นที่โดยรอบและบอกน้องสาวอย่างที่ใจคิด