ตอนที่ 3 คนที่ไม่มีสิทธิ์ (1)

1857 Words
ตอนที่ 3 คนที่ไม่มีสิทธิ์ (1) “เรากลับกันก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวที่บ้านแพงจะว่าเอาได้” “จะรีบกลับไปไหนล่ะแพง เดี๋ยวโบ๊ตไปส่งถึงบ้านเอง” พิมพ์มาดากระสับกระส่ายเมื่อวาทินต้องการให้เธออยู่ต่อ เพราะพี่สาวของเธอกลับไปก่อนนานแล้ว วาทินเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยแต่เรียนอยู่คนละคณะ และยังแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าชอบเธอ แต่การที่เธอเป็นคนค่อนข้างเลือกเยอะ ก็เลยแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เผยใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าคบกันในฐานะอะไร หญิงสาวสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มันเป็นเพลงสากลยุคแปดสิบที่เธอชื่นชอบ วาทินอมยิ้มขณะนั่งมองหญิงสาวตรงหน้าคุยโทรศัพท์กับทางปลายสาย ให้เดาเขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “พี่เพื่อนโทรมาตาม บอกให้แพงกลับบ้านได้แล้ว เพราะคุณพ่อคุณแม่รอทานข้าว” เธอเอ่ยเสียงอ่อยขณะเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าสะพายหนังนกกระจอกเทศสีโอรส ที่จริงเธอไม่ชอบหนังนกกระจอกเทศแต่เพราะเป็นของฝากจากวาทิน เลยจำใจต้องใช้มันเพื่อไม่อยากให้เจ้าของเสียความรู้สึก แม้เขาจะมีประวัติที่ไม่ค่อยดีนัก และมีคนเตือนอยู่บ้าง แต่เธอกลับมองข้ามมันไป เพียงเพราะในสายตาเธอนั้นวาทินก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร “หากแพงกังวล เรากลับกันก็ได้ครับ แต่โบ๊ตขอแวะไปหาเพื่อนก่อนนะ ว่าจะไปเอาของสักหน่อย” วาทินหมายถึงเพื่อนที่ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นทางผ่านที่จะต้องไปส่งพิมพ์มาดาอยู่แล้ว “อืม…ก็ได้” “อ้าว…สวัสดีค่ะคุณปราบต์” เสียงหวานเอ่ยทักผู้มาใหม่ ขณะที่เจ้าตัวกำลังคว้ากระเป๋าใบโปรดสีแดงสดมาถือไว้ เพื่อที่จะเดินเลี่ยงไปจากตรงนี้ หลังจากที่ตกลงกันกับตฤณแล้วว่าจุดหมายปลายทางในค่ำคืนนี้คือที่ไหน เธอนั้นคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มที่กำลังเดินมาหาตฤณดี ด้วยความที่เป็นคนพิเศษ เลยทำให้พลอยรู้จักกับบรรดานักธุรกิจคนอื่นๆ ที่เป็นหุ้นส่วนของตฤณไปโดยปริยาย ปฐพียิ้มตอบตามมารยาท สังเกตเห็นแววตาทอประกายระยิบระยับของหญิงสาวตรงหน้า อดที่จะเกรงใจชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนหน้าไม่ได้ รสรินมักแสดงออกแบบนี้เสมอ เขาคิดว่านั่นคือการบริหารเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เธอชอบทำ แต่ความร้อนแรงที่เป็นเปลือกนอกของเธอไม่อาจล่อหลอกเขาได้ แม้เธอจะสวยและเสน่ห์แรงในสายตาผู้ชายหลายๆ คน การหลบหลีกปล่อยให้เธอเป็นคู่ควง ของตฤณนั้นก็น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว เช่นเดียวกันกับการที่รสรินมองปฐพี จริงอยู่ที่เขาหล่อบาดใจและมีบุคลิกที่โดดเด่น แม้เพียงแรกพบในคราแรกก็ทำให้เธอสนใจขึ้นมาในทันใด แต่พอได้ทำความคุ้นเคยเธอกลับมองว่าปฐพีนั้นดีเกินไป ผู้ชายแสนดีไม่มีอะไรให้ค้นหาในความคิดของเธอ ผู้ชายหล่อร้ายแบบตฤณต่างหาก ที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน “สวัสดีครับ คุณตฤณ คุณโรส” “ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี เชิญครับ” ตฤณเอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อยตามสไตล์ ขณะปฐพีเดินอ้อมไปหาที่หย่อนก้นยังมุมที่ยังว่าง พลางปรายตาไปรอบกาย เพียงสัมผัสกับโซฟาหนานุ่ม หญิงสาวคนเดิมก็มานั่งเบียดเพื่อคอยเอาใจอย่างรู้งานทันที ชายหนุ่มหันไปยิ้มเล็กๆ กับหญิงสาวข้างกายตามมารยาท เขาพยายามเข้าใจว่าเธอทำไปเพราะหน้าที่ ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตน และหากเธอสามารถเอาใจแขกจนเกิดความพึงพอใจ นั่นหมายถึงว่าอาจมีเงินพิเศษตามมาอีก ชนิดที่อาจมากกว่าเงินค่าจ้างในค่ำคืนนี้ด้วยซ้ำ ปฐพีคิดอย่างเห็นใจพวกเธอว่าทุกคนล้วนต้องดิ้นรน หาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อลับร่างรสรินและแน่ใจว่าเธอจะไม่ย้อนกลับมา ตฤณลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนเพิ่งยกอะไรหนักๆ ออกไปจากร่าง เพียงไร้เงาของรสริน และไม่ต้องรอให้กวักมือเรียก ร่างของเขาก็ถูกขนาบข้างด้วยสองสาว ที่ตามมาเอาใจกันชนิดไม่ห่างเช่นกัน “เป็นไงบ้าง เรื่องสวนปาล์มที่ชุมพรของคุณ ดูแล้วจะไปได้ดีมั้ยล่ะครับ” ตฤณเปิดฉาก ก่อนจิบเครื่องดื่มที่แน่นอนไม่พ้นมีแอลกอฮอล์เจือปน ชายหนุ่มเอนกายพิงโซฟาเอาไว้พลางพาดแขนอย่างสบายอารมณ์ เขากำลังเริ่มถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในใจ ว่าทำไมไร้เงารสรินแล้วจึงรู้สึกมีความสุขมากกว่าการมีเธอคอยเคียงข้าง เขากำลังรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ “ตอนนี้ก็รอให้กล้าโต ผมจ้างคนงานพม่ามาคอยดูแลสวนให้ งานก็ไม่มีอะไรมาก แค่ถางหญ้า รดน้ำ ผมเองก็ว่าเร็วๆ นี้จะลงไปดูอยู่เหมือนกัน” “อย่าบอกนะว่าคุณจะเปลี่ยนอาชีพไปทำสวน แบบนี้ผมก็แย่น่ะสิ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะเล็กๆ นั้นฟังดูคล้ายหยอกเย้า จนคนฟังนึกแปลกใจ เพราะน้อยครั้งที่เขาจะเห็นรอยยิ้มของคู่สนทนา ที่เห็นชนชินตาคือสีหน้าที่ราบเรียบและเงียบเสียจนไม่รู้ว่าคิดอะไร ปฐพีคิดขณะรับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือบาง เมื่อพร่องลงไปหญิงสาวข้างกายรีบเติมให้มันเต็ม คำหยอกของตฤณทำให้ปฐพียิ้มจริงจัง เพราะเริ่มจะชอบความสงบเงียบของชีวิตการทำสวนขึ้นมาบ้างแล้ว จากการที่ได้ไปสัมผัสกับมันมาเมื่อตอนลงต้นกล้าใหม่ๆ เขาเทียวกรุงเทพฯกับชุมพรเป็นว่าเล่น จนรู้สึกผูกพันกับมันไปโดยไม่รู้ตัว “ไม่แน่นะครับ บางทีอีกสักสี่ห้าปีผมเบื่อจับธุรกิจ ก็อาจจะไปหมกตัวทำสวนก็ได้ ถึงตอนนั้นปาล์มก็ตัดขายได้พอดี” “ผมกำลังมองว่า ทำไมเราไม่คุยกันเรื่องตลาดที่จะรองรับ แผนของคุณที่วางไว้คือขายผูกขาดให้กับบริษัทน้ำมันใช่มั้ย หากลองตั้งบริษัทน้ำมันขึ้นมาเอง น่าจะเวิร์คกว่านะผมว่า” นั่นคือตฤณ ที่ทุกอย่างในหัวของเขาจะเป็นเรื่องของธุรกิจที่มีโอกาสเป็นไปได้แทบทั้งสิ้น โลกอันโหดร้ายในแวดวงธุรกิจ คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ใจของชายหนุ่มค่อนข้างจะด้านชา “ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น ผมไม่อยากมองถึงขั้นนั้น” “อืม แต่ผมว่าน่าสนใจดีเลยแนะนำดู และยังมีข่าวแว่วๆ มาเข้าหูผม ได้ข่าวว่าคุณจะแต่งงานเหรอ” ตฤณเปลี่ยนเรื่องเมื่อเขานึกขึ้นมาได้ เพราะความแปลกใจจึงได้เอ่ยถาม เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนร่วมหุ้นของเขานั้นซุกใครไว้บ้าง โดยไม่เคยพามาเปิดตัวเลยสักครั้ง มันจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ ที่จู่ๆ จะมีเจ้าสาวโผล่ขึ้นมาแบบเซอร์ไพรส์เช่นนี้ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เป็นแค่แพลนชีวิตของผม และว่าที่เจ้าสาวเธอก็ยังเรียนอยู่เลย ไม่รู้ว่าเรียนจบแล้วจะโอเคมั้ย เพราะเธอยังไม่เซเยสกับผมเลย” “โอ้โห ร้ายนะครับคุณปราบต์ ผมชักอยากรู้จักเสียแล้วสิ” “เอาไว้เห็นทีเดียวตอนแต่งดีกว่าครับ จะได้เซอร์ไพรส์” ปฐพีหัวเราะเบาๆ ที่จริงเขากำลังทำตัวเป็นเด็กหวงของ เพราะรู้ถึงความร้ายกาจของชายหนุ่มตรงหน้าดี ความเป็นเสือผู้หญิงชนิดหาตัวจับยากอย่างตฤณนั้น ไม่เหมาะที่จะให้โคจรมาเจอกับพิมพ์มาดาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่มีวันพาเธอมารู้จักกับตฤณโดยเด็ดขาด “การแต่งงานถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดให้รอบคอบ แน่ใจนะครับว่าจะสละโสด ทำไมไม่ใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่าก่อน ใช้ให้มันสุดเหวี่ยงไปเลย หากแต่งงานแล้วทุกอย่างก็จบ เรื่องแต่งงานสำหรับผมนั้นยังยาวไกลมาก” “แล้ว…คุณโรสล่ะครับ” “โรสน่ะเหรอ…” “ดูเหมือนเธอจริงจังนะครับ” “สำหรับผม เราต่างพึงพอใจในกันและกัน ไม่มีอะไรผูกมัดทั้งสิ้น นั่นคือสิ่งที่เราสองคนยอมรับได้ ผมไม่ชอบการผูกมัด หากโรสเขามาพูดเรื่องแต่งงานกับผม ก็คงจะเป็นไปได้ยากในตอนนี้” ปฐพียิ้มแทนคำพูด มุมมองเรื่องความรักของตฤณนั้นต่างกันคน ละขั้วกับเขา เขาอยากสร้างครอบครัวกับคนที่รัก มีโซ่ทองคล้องใจสักสองคน และเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำหน้าที่หาเงินเข้าบ้าน ส่วนพิมพ์มาดาเขาวางแผนเอาไว้ว่าให้เธอมานั่งๆ นอนๆ คอยดูแลและเอาใจเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงคิดไปถึงอนาคตที่วาดวิมานในอากาศเอาไว้เสียสวยงาม รอยยิ้มก็เปื้อนอยู่บนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว ความสุขเริ่มฉายออกมาทางแววตา จนเสียงกระแอมเบาๆ คล้ายจะแซวอยู่ในที ก็ดึงให้ปฐพีตื่นจากภวังค์ทันที มือหนายกแก้วเครื่องดื่มมาจิบแก้เขิน ก่อนเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจจะถูกยกนำมาเป็นหัวข้อสนทนา และในวันนี้ยังเพิ่มเรื่องธุรกิจตัวใหม่เข้ามาอีกด้วย นั่นคือโรงกลั่นน้ำมันที่ทั้งสองยกนำมาเป็นประเด็นว่าจะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ ด้วยตลาดน้ำมันนั้นไม่ง่ายเลยหากจะเจาะเข้าไป เพราะมีบริษัทที่ครองตลาดผู้บริโภคอยู่อย่างเหนียวแน่นแล้วนั่นเอง “ขอตัวสักครู่นะครับ” ปฐพีเอ่ยเมื่อเสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังติดต่อกันหลายครั้ง มันถี่จนเขาคิดว่าน่าจะมีอะไรผิดปรกติ ชายหนุ่มเดินหนีออกมาด้านนอกเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ นึกแปลกใจเล็กน้อยว่าเธอจะโทร.หาเขาทำไมในเวลาค่ำเช่นนี้ “พี่ปราบต์…เอ่อ” เพียงได้ยินเสียงตอบรับจู่ๆ พิมพ์ณาราก็ลังเลว่าจะบอกกับปฐพีดีหรือไม่ เธอจึงกระอึกกระอักเพราะอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเรื่องราวจะบานปลาย จนปฐพีต้องเป็นฝ่ายซักไซ้เสียเอง เพราะใจเขานึกไปถึงพิมพ์มาดาขึ้นมาในทันใด “มีอะไรหรือเปล่าน้องเพื่อน โทรมาแล้วก็ไม่พูด” “เอ่อ…แพง…แพงค่ะพี่ปราบต์ เธอยังไม่ถึงบ้านเลย คุยกันล่าสุดเห็นบอกจะกลับนานแล้ว ตอนนี้โทรไปก็ไม่รับสาย” “อ้าว! แล้วไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกเหรอ แล้วน้องแพงไปไหน” “ไปกับโบ๊ตค่ะ” “ว่าไงนะ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD