ตอนที่ 2 ความซับซ้อนของรัก (2)

1929 Words
ตอนที่ 2 ความซับซ้อนของรัก (2)  พิมพ์ณาราทำทีเป็นอ่านหนังสือไม่สนใจกับสิ่งรอบกาย เมื่อเห็นว่าน้องสาวกำลังเดินเข้ามาในบ้าน ทั้งที่ใจนั้นไม่ได้สงบตามสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมา เพราะเธอนำของไปเก็บที่ห้องแล้วลงมาข้างล่าง ก็พบว่ารถของปฐพียังคงจอดอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากจะคิดให้ว้าวุ่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นในรถบ้าง แต่ขนาดไม่คิดใจก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจหักห้าม ยิ่งเห็นพิมพ์มาดามีท่าทีแปลกๆ คล้ายเด็กทำความผิด เมื่อยามเดินเข้าบ้านมาแล้วปะหน้ากับเธอนั้น ก็ทำให้เธอคิดจินตนาการไปไกล และอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันตอนที่เธอลงมาจากรถแล้ว “อะ เอ่อ พี่…พี่เพื่อนรอเค้าเหรอ” “คุยอะไรกันอยู่เหรอแพง นานจัง” คนถามพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอยิ้มหวานทำทีเป็นเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ ทั้งที่ความจริงนั้นพอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว และเธอเป็นแค่ส่วนเกินที่ปฐพีไม่ต้องการให้เธออยู่เป็นก้างขวางคอ ความจริงข้อนี้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงมัน “เอ่อ…” พิมพ์มาดายิ้มเฝื่อนพลางทำหน้าปั้นหน้ายากเพราะอึดอัดใจที่จะตอบ เพราะจะให้เธอบอกออกไปได้อย่างไรว่าคุยอะไรกันบ้าง เนื่องจากรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร หญิงสาวทำหน้าเจื่อนอยู่สักพักเพราะไม่อยากบอกความจริง จึงนำเรื่องที่ปฐพีชวนไปชุมพรมาอ้างทันที “อะ อ๋อ พี่ปราบต์เขาชวนไปเที่ยวชุมพร แล้วยังให้มาชวนตัวเองด้วยน่ะ” “เหรอ พี่ปราบต์เขาบอกมาเหรอแพง” “ชะ ใช่ ที่นานก็มัวคุยกันเรื่องนี้แหละ” พิมพ์ณาราจับจ้องมองหน้าคนพูดอย่างจับผิดพิรุธในแววตา ด้านคนถูกมองรีบหลบสายตาวูบด้วยอึดอัดที่จะพูดคุยต่อ เธอจึงรีบเดินเลี่ยง เพื่อหนีหน้า เพราะกลัวว่าจะมีคำถามอื่นๆ ตามมา “เค้าขอตัวนะ เหนียวตัวมากๆ เลย อยากอาบน้ำแล้วล่ะ” “อืม…” พิมพ์ณารามองตามแผ่นหลังอีกฝ่ายไปท่ามกลางความเคลือบแคลง เธอไม่อาจรู้ภายในใจของพิมพ์มาดาได้ ความเป็นฝาแฝดไม่ได้ช่วยให้ล่วงรู้ในความคิดของกันและกันในทุกเรื่อง และความรู้สึกเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญนั้น อีกคนจะสัมผัสได้หรือไม่เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับความจริงคือ ปฐพีเลือกที่จะรักอีกคนที่ไม่ใช่เธอ ทั้งที่ความแตกต่างภายนอกนั้นแทบแยกไม่ออก แต่เพราะพิมพ์มาดามีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายในที่เธอไม่มี ซึ่งต้องเป็นจุดที่ทำให้ปฐพีมองเห็น และเลือกที่จะรัก เป็นรักที่ต้องมีคนเป็นที่หนึ่ง ไม่มีใครแทนที่ใครได้ วันนี้ วันหน้า หรือวันไหนๆ เธอก็ไม่มีวันแทนที่พิมพ์มาดาได้ เพียงแค่คิดถึงรักที่ไม่อาจเป็นจริง น้ำตาก็รื้นออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามไว้ได้อีกต่อไป จนต้องรีบวิ่งกลับขึ้นห้องเพื่อหลบไปอยู่เพียงลำพัง ด้วยไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นเธอในสภาพแบบนี้ โดยเฉพาะบิดามารดาที่กำลังจะกลับมาจากที่ทำงาน ซึ่งท่านทั้งสองทำงานอยู่ที่ธนาคารเอกชนชื่อดัง บิดาเป็นรองผู้จัดการธนาคารและมารดาเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีอยู่ที่เดียวกัน +++++ ปฐพีจอดรถยังลานจอดวีไอพี ที่ทางโรงแรมได้กันพื้นที่เอาไว้สำหรับกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจในเครือพีทีกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และที่ชายหนุ่มได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงสำคัญในวันนี้นั้น เพราะเขาเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของพีทีกรุ๊ปนั่นเอง ชายหนุ่มเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงที่ระบุไว้ในบัตรเชิญ งานเลี้ยงที่ฉากหน้าคือการพบปะสังสรรค์ของบรรดานักธุรกิจ ที่ต่างได้รับเชิญให้มาร่วมงานนี้ การกระชับสัมพันธ์นั้นล้วนแล้วแต่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งสิ้น แต่ฉากหลังเขารู้ดีว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่ ผู้หญิงหาได้ไม่อยากหากคิดจะหิ้วใครสักคนไปขึ้นเตียง เพียงผลักบานประตูเข้าไปด้านในเขาก็จะพาตัวเข้าไปอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีทั้งสุราและนารี ที่พวกเธอถูกจ้างมาเพื่อคอยเอาใจลูกค้าเงินหนาในงานนี้โดยเฉพาะ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีแรงดึงดูดพอที่จะให้เขามา ผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้นที่ลากให้เขามาร่วมงานนี้ได้ และคนที่เขาต้องการพบมากที่สุดในงานนี้มีเพียงคนเดียว นั่นคือ ตฤณ อัครเดชพิพัฒน์ ชายหนุ่มซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แห่งพีทีกรุ๊ป มือใหญ่สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อดี พลางสอดส่ายสายตาหาใครบางคน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับผิวหน้าจนเย็นยะเยือก การปรากฏตัวของปฐพีกลายเป็นจุดสนใจของสายตาหลายสิบคู่ และหนึ่งในนั้นรีบเดินตรงมาที่เขาอย่างรู้งาน เพราะพวกเธอถูกจ้างให้มาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ และสิ่งที่จะตามมาก็คือหากมีใครสักคนในงานพึง พอใจในตัวพวกเธอ แน่นอนว่ามันจะต้องไม่จบแค่ตรงนี้อย่างแน่นอน ไม่ทันที่ปฐพีจะตั้งตัว ท่อนแขนเรียวยื่นมาคล้องแขนเขาเอาไว้ พลางเบียดกายแนบชิดอย่างเชิญชวน ถ้าหากในวันนี้เขาไม่คิดจะสร้างครอบครัวกับคนที่รัก ก็คงชอบกับบรรยากาศแบบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะเขาอยากหยุดเรื่องผู้หญิงเอาไว้ด้วยรู้สึกเบื่อ จึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงและระวังตัวแจ รอให้งานเลี้ยงคืนนี้ผ่านพ้นไปเท่านั้น ++++++ “ทำไมคะ…” รสรินทำหน้างง เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มข้างกายก็วางแก้ววิสกี้ลงกับโต๊ะ ตามมาด้วยการแกะมือของเธอออกจากท่อนแขนของเขา ราวกำลังหงุดหงิดอยู่ในหัวใจ แววตาคู่สวยจากคอนแทคเลนส์มองเสี้ยวหน้าคมสันของคนข้างกายพร้อมคำถามมากมาย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนทำผิดอะไร จึงทำให้เขาไม่พอใจได้ถึงขนาดนี้ “ผมอยากอยู่คนเดียวน่ะโรส…คุณไม่น่ามาที่นี่” “ตฤณ…คุณเป็นอะไรของคุณกันแน่คะ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้” “ผมแค่…รู้สึกเบื่อๆ น่ะ” “เบื่อ! คุณพูดว่าเบื่อ หมายความว่าคุณเบื่อโรสเหรอคะ” “ผมไม่ได้พูดสักคำว่าเบื่อคุณ คุณพูดเองเออเองนะโรส” “โรสทำอะไรให้คุณไม่พอใจคะ พอโรสมารอยยิ้มคุณก็หายไป ช่วยบอกให้รู้ตัวทีเถอะค่ะ” น้ำเสียงคนถามแสดงถึงความตัดพ้อเจืออยู่ ขณะคนถูกถามไม่ตอบ ได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น พลางลอบถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด รสรินกำลังทำให้เขารู้สึกว่ากำลังถูกผูกมัด และเธอไม่น่าจะมาปรากฏตัวในวันนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเธอกำลังทำตัวเป็นเจ้าของกันเกินไป ถือวิสาสะตามเขามาถึงงานเลี้ยงที่ถือได้ว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัว และสิ่งนี้นี่เอง ที่ทำให้เขาเกิดความไม่พอใจในตัวเธอจนต้องแสดงออกมาจากสีหน้าและแววตา เพื่อให้เธอได้รู้สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น เขาไม่ปลื้มสักเท่าไหร่นัก “โรสขอโทษ ถ้าหากทำให้คุณรำคาญ ตฤณคะ โรสทำอะไรให้คุณไม่พอใจก็น่าจะบอกกันดีๆ” หญิงสาวสอดท่อนแขนกลับไปกอดท่อนแขนแข็งแรงเอาไว้ตามเดิมขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ใบหน้าสวยซุกซบกับบ่ากว้าง เธอกำลังคิดว่าการใช้อารมณ์เข้าตอบโต้ไม่ช่วยให้เขาหันมางอนง้อ เพราะรู้ในนิสัยกันดีว่าเขาจะไม่มีวันง้อเธอ ผู้ชายเย่อหยิ่งอย่างตฤณนั้นมีเพียงความอ่อนหวานเท่านั้นที่จะปราบเขาได้ และมันได้ผลมาแล้วทุกครั้ง รสรินคิดอย่างเชื่อมั่นในมุมมองของเธอ เพราะคิดว่าตัวเองรู้จักผู้ชายข้างกายดีพอ ตฤณยังคงนิ่งเงียบราวใช้ความคิด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าวิสกี้แก้วเดิมมาถือไว้ ละเลียดมันลงคออย่างใจเย็น เขากำลังคิดว่าการใช้อารมณ์ไม่ช่วยให้รสรินยอมล่าถอยกลับไปอย่างง่ายดาย วิธีการนุ่มนวลเท่านั้นที่จะปราบเธอให้กลายเป็นแมวเชื่อง และยอมที่จะเชื่อฟังในสิ่งที่เขาขอร้อง ตฤณคิดอย่างเชื่อมั่นว่าเขาเองก็รู้จักรสรินดีพอ “ผมแค่ไม่อยากให้คุณอยู่ที่นี่ คุณก็เห็นว่าที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ มันเป็นเรื่องของธุรกิจ และในงานก็มีแต่ผู้ชาย ผมไม่อยากให้คุณมาคลุกคลีกับอะไรแบบนี้ ก็เท่านั้น” “ทำไมคะตฤณ คุณกำลังจะบอกอะไร” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากบ่ากว้าง ก่อนเอียงหน้ามองคนพูดอย่างสนใจ แค่คำพูดดีๆ ไม่กี่คำก็ทำให้เธอหัวใจพองโตขึ้นมาได้ รอฟังว่าเขาจะเอ่ยอะไรออกมา “นั่นก็แสดงว่า ผมไม่อยากให้ใครมองคุณไงที่รัก ผมหวงของผมนี่ครับ อยากเก็บเอาไว้ดูคนเดียวเท่านั้น” “แหม ตฤณก็ พูดแบบนี้โรสก็อายเป็นนะคะ” แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงไฟสลัว แต่ก็รับรู้ได้ถึงแววตาอ่อนเชื่อมที่กำลังมองมา รสรินกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอกำลังเบาหวิวและล่องลอยไปกับถ้อยคำและการแสดงออกของเขา จนพานคิดไปว่า ที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้านั้นเป็นเพราะไม่พอใจที่เธอพาตัวเองมาคลุกคลีในงานนี้นั่นเอง “หากอยากให้ผมสบายใจ คุณกลับไปก่อนดีกว่ามั้ย นะครับที่รัก” “เดี๋ยวคุณก็หิ้วพวกเธอไปขึ้นเตียง โรสจะไปรู้ได้ยังไง” หญิงสาวบุ้ยหน้าไปทางกลุ่มหญิงสาวที่ถูกจ้างมา กลัวว่าตฤณจะสนใจพวกเธอเหล่านั้น ความหึงหวงทำให้เธอตามมาคุมเขาถึงที่ เพื่อที่เขาจะได้ไม่นอกลู่นอกทาง พาใครไปต่อที่ไหนโดยที่เธอไม่รู้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อคุยธุรกิจเท่านั้น พวกเธอเร้าใจสู้คุณไม่ได้สักนิดนะโรส อย่าห่วงเรื่องที่ผมจะลากพวกเธอไปต่อเลย” “ถ้างั้น ให้โรสไปรอที่คอนโดของคุณนะคะ หากคุณไม่ตามไป ก็แสดงว่าคุณไปต่อที่อื่น และโรสคงยอมไม่ได้” ‘รสริน จะมากไปแล้วนะ’ ตฤณยิ้มเฝื่อน เพราะเริ่มรู้สึกว่ารสรินกำลังทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็น และไม่รู้ว่าจะอดทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ที่ต้องทำตอนนี้คือ ทำยังไงก็ได้เพื่อให้เธอยอมกลับ เขาจึงยอมตามใจเธอไปก่อน “หากคุณต้องการแบบนั้นก็ได้ งานเลี้ยงเลิกแล้วผมจะรีบตามไป” “โรสรักคุณที่สุด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD