บัวหวานตัวสั่น...
ริมฝีปากหนาหยักที่แนบมากับลำคอระหง ทำให้หญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้และหวามลึกในอกระคนกัน โดยเฉพาะเมื่อเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น และไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลยแบบนี้
ตกลงว่าเขาเป็นใคร?
เขาทำแบบนี้ทำไม?
หลากหลายคำถามปะทุขึ้นในห้วงความคิด แต่หญิงสาวก็ไม่อาจเฟ้นหาคำตอบได้ เธอหาเสียงของตัวเองไม่เจอแล้วด้วยซ้ำ!
“คะ คุณดิน”
เป็นแหวนเพชรที่ได้สติก่อนใคร หญิงสาวร้องเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสับสน แต่ยังไม่ทันจะได้ถามว่าทำไมเขาทำอะไรแปลกๆ แบบนี้ แหวนเพชรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้ชายหลายคนก้าวเข้ามาในห้องซะก่อน
โสเภณีสาวมองไปเห็นกายวุธเดินอาดๆ เข้ามา ตามด้วยแมงดาคู่ใจอีกสามคน และคราวนี้ก็มีเชนที่กายวุธเรียกหาเดินตามเข้ามาด้วย
“ทำอะไรวะไอ้ดิน”
บัวหวานสะดุ้งกับเสียงที่ได้ยินเพราะจำได้ทันทีว่าเป็นผู้ชายเพิ่งจะเตะท้องเธอ มันเหมือนร่างกายเจ็บเสียดมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของเขา ความโกรธกรุ่นๆ อยู่ในอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่จะกระโดดออกไปเหยียบเงาเขาแก้แค้นเหมือนที่เคยทำกับเพื่อนๆ สมัยยังเป็นเด็กก็ยังเป็นเรื่องยาก
ร่างกายที่สะท้านสั่นกว่าเดิมของหญิงสาวทำให้หัสดินเลื่อนใบหน้าออกจากซอกคออ่อนนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวเวลาสูดดมใกล้ๆ หัสดินมองสีหน้ากรุ่นๆ ด้วยความโกรธปนกลัวของบัวหวาน ก่อนตวัดสายตาคมกริบไปมองทางด้านหลัง
‘เพื่อนสนิท’ ‘คู่แข่ง’ ‘หุ้นส่วนธุรกิจ’ ‘ศัตรู’ หรืออะไรก็ตามที่สามารถกลั่นกรองความสัมพันธ์ของเขากับกายวุธ ช่างไม่เข้ากันสักอย่าง หัสดินยืนขึ้นอย่างช้าๆ จงใจบดบังร่างเปลือยในอ่างอาบน้ำไว้จากสายตาของชายสี่คนนั้น ก่อนจะถอดเสื้อสูทตัวนอกออก
เขาโยนมันลงบนศีรษะของบัวหวาน แน่ละ วินาทีนี้ไม่ว่าหัสดินจะทำไปเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม บัวหวานไม่สนหรอก เธอสนใจแค่ว่าเสื้อตัวนี้จะบดบังร่างกายเปลือยเปล่าของเธอจากผู้ชายทั้งโลกได้ตอนนี้! ดังนั้นหญิงสาวจึงรีบดึงเสื้อตัวนั้นมาสวมไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว เธอกลัดกระดุมทุกเม็ดเท่าที่มีด้วย ส่วนตรงที่ไม่มีกระดุมตรงหน้าอก เธอก็ใช้มือกำอกเสื้อไว้ด้วยกัน
จะเสื้อใคร อะไร ยังไง ช่างมันก่อน
ตอนนี้การมีอะไรสักอย่างบดบังร่างกาย มันดีที่สุดแล้วสำหรับเธอ!
หัสดินเผชิญหน้ากับกายวุธด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เขาไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียวตอนที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ จนกระทั่งกายวุธเอียงตัวมองด้านหลังของหัสดิน เห็นเด็กใหม่วัยกรุบกริบของตัวเองนั่งสวมเสื้อสูทกอดเข่าตัวงอในอ่างอาบน้ำ บัวหวานเหลือบมองเขาตาขวาง
หน็อยอีนี่... ยังไม่สิ้นฤทธิ์สินะ!
ยังไม่ทันที่กายวุธจะออกอาการไม่พอจับท่าทางสู้ยิบตาของโสเภณีใหม่ หัสดินก็ขยับตัวมาบังบัวหวานอีกครั้งจนกายวุธผงะถอยหลัง
“อะไรวะ” กายวุธโวยวาย “เด็กกูแท้ๆ ทำไมกูจะมองไม่ได้”
บัวหวานนั่งตัวสั่นเทิ้มอยู่ในอ่างอาบน้ำ เธอละสายตาจากกายวุธ เหลือบมองแผ่นหลังกว้างของหัสดินด้วยความรู้สึกประหลาดล้ำในอก
เขามาดีหรือมาร้าย
ช่วยเหลือหรือแค่ทำดีตอนนี้เพื่อฉุดให้เธอตกนรกขุมที่ลึกกว่าเดิมกันแน่!
บัวหวานไม่แน่ใจอะไรเลย...
“กูอยากได้”
ประโยคบอกเล่าเรียบขรึมที่ได้ยิน ทำให้บัวหวานมองแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มด้วยดวงตาเบิกโตมากขึ้น ส่วนกายวุธเลิกคิ้วสูงจนหน้าผากย่น ก่อนที่เขาจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น
ควันบุหรี่โชยฉุนไปหมดยิ่งกว่าตอนที่แหวนเพชรสูบ กายวุธมองหน้าหัสดินอยู่นาน ก่อนจะถามด้วยสีหน้าจงใจกวนตีน
“ถ้ากูไม่ให้?” กายวุธยิ้มมุมปาก เห็นชัดในแววตาว่าเขากำลังรู้สึกเป็นต่อ “หรือมึงจะทุ่มเงินซื้อ สักเท่าไหร่ดี? สิบล้าน? ร้อยล้าน?”
นั่นไม่ใช่คำถาม ทั้งเขาและหัสดินต่างก็รู้ราคา ‘สินค้า’ ดี ว่าไม่ว่าของจะเด็ดจะใหม่แค่ไหนก็ไม่เคยดีดราคาขึ้นไปสูงขนาดนั้น ชายหนุ่มกำลังยั่วยุให้หัสดินหงุดหงิดต่างหาก
กายวุธหัวเราะในลำคอ ก่อนจะจรดมวนบุหรี่เข้ากับปากแล้วสูบมันเข้าปอดไปฟืดใหญ่
บัวหวานเหลือบมองท่าทางของกายวุธด้วยความรู้สึกเหมือนเห็นกุ๊ยข้างถนนที่น่ารังเกียจหนักกว่าตรงหน้าคฤหาสน์อีก ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบมองแผ่นหลังของหัสดินอีกครั้ง หญิงสาวเม้มปากแน่น กลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ จากเสื้อของเขาอบอวลอยู่ในอารมณ์รับรู้ และเธอแอบคิดว่าถ้าต้องถูกคนอย่างกายวุธพาไปทำอะไรไม่รู้ สู้ภาวนาขอให้การเจรจาครั้งนี้ เจ้าของเสื้อสูทที่เธอสวมอยู่ช่วยเป็นฝ่ายชนะทีเถอะ!
“มึงก็รู้ไอ้ดิน... ว่ากูไม่ร้อนเงิน”
เสียงหัวเราะของกายวุธเหมือนท้าทาย แต่หัสดินไม่สนใจคำท้า เขาเหลือบมองลูกน้องสามคนของกายวุธแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้าไปใกล้เพื่อนรักเพื่อนแค้นของเขา ดวงตาแกร่งทอประกายดุดัน
“กูจะเอา”
ประโยคเดียวสั้นๆ กับนัยน์ตาสีสนิมเหล็กที่มองมาเหมือนอยากแล่เนื้ออีกฝ่ายแล้วเอาเกลือทาช้าๆ ทำให้กายวุธรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ถือมวนบุหรี่นิ่งไปเลย
ฉิบหาย!
มันเอาจริง!
กายวุธดันบุหรี่เข้าปากตัวเองอีกครั้ง เขาแสร้งทำขรึมก้มหน้าดูดมวนบุหรี่จนไฟปลายมวนไหลเลื่อนส่งเสียงแผดเผาท่ามกลางความเงียบที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย รวมถึงเขาเองก็ต้องซ่อนเม็ดเหงื่อตรงไรผมไม่ให้ลูกน้องหรืออีตัวคนไหนเห็นด้วย
เขาไม่เห็นหัสดินยิ้มมานานแล้ว แต่ปกติหัสดินก็ชอบทำหน้าเฉยๆ ไม่สนโลกอยู่ตลอด ที่เห็นทำหน้าขึงขังขนาดนี้ กายวุธเห็นครั้งสุดท้ายก็โน่น...
ตอนที่เขาเรียกเด็กในสังกัดของมันมาเล่นสนุก แต่เล่นแรงไปหน่อยจนอีเด็กนั่นเกือบตาย น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นเด็กนั่นเป็นวีวีไอพีซะด้วย
วันนั้นกายวุธจำได้ว่าเขาโดนหัสดินจับหัวกดกับชักโครกจนเกือบม่องเท่ง โชคดีที่ตอนนั้นไม่มีลูกน้องเห็น ไม่อย่างนั้นก็อายตายห่า!