‘อย่าให้กูรู้ ว่ามึงทำของของกูชำรุดอีก!’
หัสดินตะคอกใส่เขา ก่อนจะเดินออกไป กายวุธโกรธมากจนชักปืนเดินตาม แต่พอเขาออกมาจากประตูห้องน้ำ ก็เห็นหัสดินยืนถือปืนพกรออยู่ก่อนแล้ว
‘คิดว่ามึงกับกู ใครเร็วกว่ากัน’
แม่ง! เขาไม่เคยเอาชนะมันได้ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ถึงตอนนี้จะเป็นมาเฟียเสมอกัน ค้าผู้หญิงในคลับเดียวกัน ดำเนินรอยตามพ่อของเขากับหัสดินที่เป็นหุ้นส่วนกันก็เถอะ
แต่ความกลัวที่ฝังลึกในใจของกายวุธ ไม่ได้ลบออกได้ง่ายๆ เหมือนฉีกกระดาษ
แพ้จนกลัว แพ้จนสั่น แพ้จนสะกดคำว่าชนะไอ้ยักษ์มารตรงหน้านี่ไม่เป็นแล้ว
“กู...”
กายวุธกำลังจะเงยหน้าพูดต่อว่า ‘ไม่ให้’ แต่หัสดินชิงถามน้ำเสียงเด็ดขาด
“มีอะไรที่กูอยากได้ แล้วเคยไม่ได้ด้วยเหรอไอ้กาย”
เออ ไม่มี!
กายวุธตอบออกไปในใจ เขาสบถในลำคอด้วยโทสะ ก่อนจะเงยหน้ามองหัสดินตาขวาง เขาเล่นมากกว่านี้ไม่ได้ เดี๋ยวเกิดพลาดโดนตีนอัดปากต่อหน้าลูกน้องขึ้นมา ความรู้สึกของเขาคงเลวร้ายกว่าแค่อาย
“คนนี้กูซื้อมาแพง”
กายวุธกดปลายมวนบุหรี่ร้อนๆ ลงกับเสื้อเชิ้ตราคาแพงของหัสดินจนเสื้อเป็นรู ความร้อนแผดเผาผิวกายของชายหนุ่ม แต่หัสดินยืนเฉยหน้าตาไม่ยี่หระ กระทั่งกายวุธปล่อยมือจากมวนบุหรี่จนมันร่วงลงปลายเท้าของทั้งคู่
“แต่ก็ถือว่ากูชดใช้ให้คราวที่กูทำอีป่านทอเกือบตายเมื่อหลายปีก่อนแล้วกัน”
กายวุธยักไหล่ ต่อหน้าลูกน้องกับพวกเด็กๆ อย่างบัวหวานกับแหวนเพชร เขาต้องคีปคูลเข้าไว้
ชายหนุ่มหันหลังเดินไปทางประตูห้อง เขากวักนิ้วเรียกแมงดาสามคนให้เดินตาม พร้อมกับพูดเสียงดังโดยไม่หันกลับมา เพื่อกลบความขี้ขลาดในใจตัวเอง
“เบื่อเมื่อไหร่ก็เอามาคืน กูจะรอ!”
หัสดินไม่ตอบ เขารอจนกายวุธออกจากห้องไปแล้วก็หันไปหาแหวนเพชร แล้วล้วงกระเป๋ากางเกงส่งจดหมายฉบับหนึ่งที่เปิดซองแล้วมาให้
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
แหวนเพชรรับไปโดยค่อนข้างเดาได้ว่าคงเป็นจดหมายจากพ่อแม่และน้องๆ ของเธอ การทำงานที่นี่ ถึงจะเงินดี แต่ก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว เพราะยังไงซ่องที่ถูกเรียกให้ดูดีว่าคลับเฮ้าส์ก็ไม่ใช่ธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะหรูหราราคาแพงปานกับพวกเธอเป็นนางฟ้านางสวรรค์ปานใด
ดังนั้นไม่ว่าจะจดหมายหรือพัสดุ จะถูกพวกแมงดาเปิดตรวจดูก่อนเสมอ
เป็นคำสั่งของกายวุธ เพราะรายนั้นจับผู้หญิงมาบังคับขืนใจเป็นว่าเล่น ต่อให้อยู่ๆ ไปก็ยอมทำงานรับใช้เขาแล้ว กายวุธก็ยังกลัวว่าจะมีใครติดต่อขอความช่วยเหลืออยู่ดี
แหวนเพชรเป็นคนของหัสดิน...ใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นคนสนิท...ดังนั้นบางครั้งชายหนุ่มเลยถือจดหมายของเธอมาให้ถึงห้อง เป็นเรื่องปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ คือตอนนี้เขาหันไปอุ้มร่างเปียกปอนในอ่างอาบน้ำขึ้นมา แล้วเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย เหมือนเข้ามาช้อปปิ้ง แล้วเจอตุ๊กตาถูกใจจนตัดใจไม่ซื้อไม่ได้ ต้องเอาไปด้วย
บัวหวานหันหน้ามามองแหวนเพชรเหมือนอยากขอความช่วยเหลือ แต่บัวหวานเองก็เห็นอยู่เหมือนกันว่าแหวนเพชรไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะช่วยอะไรใครได้ สุดท้ายหญิงสาวจึงทำได้แค่มองแหวนเพชรตาละห้อยจนลับสายตาไป
‘กูจะเอา’
เสียงดุดันของหัสดินเหมือนยังดังก้องในห้องนี้
แหวนเพชรทิ้งตัวนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง
นี่มันไม่ปกติ! หัสดินไม่เคยอยากได้อีตัวคนไหนจนถึงขั้นแย่งชิงไปจากกายวุธแบบนี้เลย
หญิงสาวยกมือขึ้นเสยผมตัวเองด้วยใบหน้าซีดเซียว แน่ละ เธอก็แค่ ‘คนสนิท’ เพราะเขาเก็บเธอมาจากข้างถนน ตั้งแต่ตอนที่แหวนเพชรเป็นเด็ก และหลังจากป่านทอออกจากที่นี่ไป ก็ยังไม่มีใครทำให้หัสดินสนใจได้จนป่านนี้
แต่ถ้าการปรากฏตัวของเด็กนั่นไม่ปกติล่ะ
ถ้าจู่ๆ ยัยเด็กใหม่นั่นกลายเป็น ‘คนโปรดของหัสดิน’ ล่ะ
แกร๊บ!
เสียงกระดาษถูกกำยับแน่นคามือ พร้อมกับความกลัวว่าจะถูกแย่งที่พึ่งเดียวไปของแหวนเพชร กำลังลุกโพลงขึ้นในใจของหญิงสาว
แหวนเพชรกัดริมฝีปากจนห้อเลือด ดวงตาของเธอแดงจัด คลอหยดน้ำตาแห่งความริษยาและเกลียดชัง!
แม่บ้านพวกนั้นหายไปจากห้องโถงหมดแล้ว พวกกายวุธก็ไม่รู้เดินหายไปไหนด้วย ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มอุ้มร่างเปียกปอนที่มีแค่ซับในตัวน้อยกับเสื้อสูทของเขาคลุมไว้ออกมาจากห้องของแหวนเพชร ที่โถงบันไดคฤหาสน์จึงมีเพียงความเงียบงัน
เงียบ... จนบัวหวานได้ยินเสียงหายใจของเขาและเธอเหมือนดังก้องอยู่ข้างใบหูเล็กน่ารักที่ไม่เคยมีเครื่องประดับอะไรเลยตั้งแต่เกิดมาจนโตเป็นสาว
หญิงสาวเม้มปาก กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวเหมือนจะมอดไหม้เสียให้ได้ มือที่กุมอกเสื้อไว้ก็สั่นเทาจนน่าโกรธตัวเอง
โกรธ... เพราะเธอไม่ได้สั่นกลัว
แต่สั่นเพราะความตื่นเต้นบ้าบออะไรไม่รู้ที่ไม่เคยเกิดขึ้น กำลังสั่นคลอนความรู้สึกไปจนถึงจิตวิญญาณของเธอต่างหาก!
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตูไม้สักหน้าห้องขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ เรียกสติของบัวหวานกลับมาสู่ใจอีกครั้ง หญิงสาวสะดุ้งเบาๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องด้วยท่าทางตื่นๆ
แต่บัวหวานก็ตอบไม่ได้หรอกนะว่าความตื่นกลัว กับความตื่นเต้น...
อย่างไหนมีมากกว่ากัน
ตุ้บ!
หญิงสาวถึงกับร้องไม่ออกเมื่อจู่ๆ ภาพห้องพักหรูหราโทนสีดำขลับสะดุดตาก็กลายเป็นภาพหมุนติ้วๆ เพราะเธอถูกเขาโยนตัวลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ ร่างกายของบัวหวานยวบไหวไปกับฟูกนอนนุ่มนิ่ม
ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้แล้วรีบลุกขึ้นมากระถดกายถอยหนีจนติดหัวเตียง ดวงตากลมโตมองตามการเคลื่อนไหวของร่างสูงไม่ลดละ มือน้อยกำอกเสื้อที่เขาให้ยืมสวมแน่น
แต่หัสดินกลับไม่ได้สนใจไยดีเธออย่างที่บัวหวานกังวล เขาล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะเดินไปคุยตรงหน้าต่าง
“ไอ้ไม้” เสียงห้าวเรียกชื่อที่ฟังแล้วน่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา เพราะหลังจากนั้นชายหนุ่มก็ออกคำสั่ง “ไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงให้กูหน่อย”
‘แนวไหนครับนาย’ ไม้ตอบกลับมาทันที ‘โลลิ? SM? โกธิค? แม่ม่าย?’
“ไอ้xหี้ย” ทั้งที่เป็นคำด่า แต่เสียงของเขาราบเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนแสดงอารมณ์ไม่เป็น