EP 8 จะเอายังไง

1213 Words
“อือ...” บัวหวานหลับตาพริ้ม เงยหน้ารับจูบของเขาอย่างไร้สติ มือน้อยกำแขนเสื้อชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ คลาย ใบหน้าหวานละมุนเอียงรับจูบของเขาอย่างเข้าขา ผิวแก้มของเธอเห่อแดงซาบซ่าน ราวกับได้เติมแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือด ลิฟต์ไม่ได้ขยับไปไหน เพราะเขาไม่ได้กดปุ่มตัวเลข และประตูก็ไม่เปิดออก เพราะชายหนุ่มไม่ได้สแกนลายนิ้วมือจากด้านในเพื่อออกคำสั่ง มันนานแค่ไหนไม่รู้ที่บัวหวานแหงนเงยใบหน้ายินยอมให้เขาบงการอย่างวาบหวาม กระทั่งที่ชายหนุ่มเริ่มคลายความอ่อนโยน อ่อนหวาน... เขาหอบหายใจแรง กดริมฝีปากจาบจ้วงหยาบคาย ก่อนจะรั้งร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้ ให้เธอตวัดเรียวขารอบสะโพกของเขา และดันตัวเธอจนแผ่นหลังบอบบางติดกับกระจกในลิฟต์ หัสดินหายใจหอบสั่น เขาลูบเลื่อนชายเสื้อขึ้นไปเหนือสะโพกกลมกลึง ลูบไล้ความหนั่นแน่นที่มีเพียงซับในบางๆ คั่นตามแรงอารมณ์ ความรู้สึกเต็มตึงขึงขังที่แนบมากับกึ่งกลางกายสาวเปียกปอน ทำให้บัวหวานได้สติลืมตา ก่อนที่หญิงสาวจะเบือนหน้าหนีแล้วซบหน้าลงกับบ่าของเขาทันที! “...” ไม่ใช่แค่บัวหวานที่ได้สติ... แต่อาการขัดขืนของเธอก็เรียกสติหัสดินได้ด้วย ชายหนุ่มอุ้มร่างบางไว้แนบกาย เขาก้มลงกดจมูกตรงกลางกระหม่อมของเธอ และกัดฟันกึก พยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ขาดสติจนเผลอกินเธอในลิฟต์เอาซะตอนนี้ เสียงกัดฟันด้วยความทรมานของเขาดังเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ของบัวหวาน ดวงตากลมปิดแน่นด้วยความทรมานไม่ต่างกัน... ความปรารถนาแปลกประหลาดแห่งวัยสาวพรั่งพรูเข้ามาในหัวใจอย่างน่าอับอาย “ปะ ปล่อยสิ” หญิงสาวดิ้นให้เขาปล่อย แต่การกระทำของเธอกลับให้ผลตรงกันข้าม ความอวบอิ่มกลางกายที่เบียดชิดกับความขึงขังของเขายิ่งเสียดสีจนชายหนุ่มครางซี้ดในลำคอ เขาเกร็งมือที่โอบอุ้มสะโพกของเธอไว้มากขึ้นจนปลายนิ้วก้อยเรียวยาวสะกิดโดนอะไรบางอย่างตรงกลางกายสาว “อ๊ะ! อา...” บัวหวานสะดุ้ง ครางกระเส่า เธอหรี่ตาลงด้วยความเสียวซ่าน ผิวแก้มเห่อแดงระเรื่อน่ารัก ไม่ไหว! หัสดินคิดว่าเขาไม่ไหวแล้ว! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงฉีกกระชากเสื้อที่เธอสวมนั่นจนขาดวิ่น แล้วกินเธอในลิฟต์อย่างที่ใจโคตรอยากเข้าจริงๆ ! ชายหนุ่มรีบปล่อยร่างบางลงกับพื้น หวังให้ตัวเองคลายความหื่นกระหายลง แต่ร่างกายของเธอก็อ่อนระทวยจนแทบจะยืนไม่ไหว บัวหวานยังเกาะแขนเขาไว้เพื่อทรงตัว ก่อนที่เธอจะผละมือออกไป แล้วใช้แขนเรียวกอดตัวเองด้วยความหวงแหน ทั้งที่ขาทั้งสองยังสั่นเทาเหมือนลูกนกเปียกฝน “ถะ ถอยออกไปนะ” อาการขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวแบบนั้นไม่ได้ทำให้หัสดินรู้สึกกลัวเลย แต่เขารู้สึกขบขันปนเอ็นดูมากกว่า... อาจต้องขอบคุณที่อารมณ์ขันซึ่งไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าของเขาช่วยบั่นทอนเจ้าสิ่งที่ผงาดขึ้นมาในกางเกง ให้ค่อยๆ คลายกำหนัดลงได้บ้าง ถึงจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ... หัสดินก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว นั่นทำให้บัวหวานรู้สึกสับสน เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะทำตามที่เธอบอก สำหรับที่นี่ เธออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถต่อรองอะไรได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะไม่ปล่อยเธอก็ได้ เขาจะไม่ถอยไปก็ได้ เขาจะบีบบังคับเธอแบบที่กายวุธทำก็ได้ “คะ คุณต้องการอะไรกันแน่” คราวนี้ชายหนุ่มเผลอยกมุมปากด้วยความเอ็นดู เอากับเธอสิ “ก็ทำตามที่คุณบอกไง” “มันก็ใช่ แต่...” บัวหวานเริ่มสับสน เธอกอดตัวเองไว้แน่น มองเขาอย่างหวาดระแวง “คุณเป็นแมงดาหรือเปล่า” ความหวังบางอย่างลุกโชนข้างในใจของหญิงสาว แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม มันก็ใช่ที่เขาลวนลามเธอ แต่ที่มันเกินเลยมาขนาดนี้ก็เพราะเธอเผลอเคลิ้มตามเขา ทั้งที่พอเธอบอกให้หยุด เขาก็หยุดนี่นา เขาอาจจะไม่ใช่คนเลวอย่างที่เธอเข้าใจ จะว่าไปเขาไม่ได้ดูด้อยไปกว่ากายวุธเลย ถ้ากายวุธเป็นเจ้าของที่นี่ เขาก็อาจจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย หรือใครสักคนที่รู้จักกายวุธ เขาอาจจะไม่ได้สนับสนุนเรื่องการค้าประเวณีก็ได้นี่ เขาถึงได้เลือกจะอุ้มเธอออกมา บัวหวานปัดความสงสัยที่ว่าทำไมเขามีห้องพักอยู่ที่นี่ทิ้งไป เธอพยายามจะหวัง ทั้งที่ก็รู้ว่าความหวังของเธอช่างเล็กบางเหมือนแผ่นกระดาษสา “ไม่ใช่...” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวคลี่รอยยิ้มออกมา ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะพลันเจื่อนจางไปเมื่อเขาพูดต่อประโยคจนจบ “สำหรับที่นี่ ผมเป็นพ่อค้ามนุษย์” บัวหวานยืนอึ้งอยู่นาน ก่อนจะได้สติเพราะน้ำตาหยดหนึ่งที่เผาะลงบนพวงแก้มด้วยความรู้สึกหมดหวัง โคตรแย่... นี่มันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก! หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง มองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง โชคดีมีหนึ่งอย่างคือตอนนี้เธอหายสั่นแล้ว แม้ว่าหัวใจจะยังเต้นระรัวเหมือนกลองวันกีฬาสีอยู่เลยก็ตาม “แล้วคุณจะเอายังไง” หญิงสาวยืนเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา ไหนๆ ก็หนีไม่ได้แล้ว ลองเจรจาดูดีกว่า เผื่อว่าจะมีหนทางให้ได้ออกไปจากที่นี่ “ก็ไม่เอายังไง” เสียงทุ้มตอบอย่างเย็นชา “ที่นี่เป็นซ่อง และคุณถูกไอ้กายมันซื้อมาเท่าไหร่ ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือต่อให้ผมแย่งคุณมา ไม่ช้าก็เร็ว ผมก็ต้องหากำไรจากตัวคุณ” บัวหวานรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าลามลงคอ หญิงสาวเซถอยหลังไปพิงกระจกใสของกำแพงลิฟต์ด้วยความรู้สึกหนึบชาไปหมดทั้งร่างกายและความรู้สึก มันเหมือนมืดแปดด้าน เหมือนต่อให้ตายก็ไม่มีทางออกจากที่นี่หรือสู้รบตบมือกับเขาได้ เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เรี่ยวแรงก็ไม่มี เงินก็ไม่มี คนที่จะคอยปกป้องก็ไม่มี หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอร้องไห้มามากพอแล้วกับการกระทำของคนเลวแบบพวกเขา และเธอไม่อยากร้องอีก! “แล้วฉันจะได้ออกไปจากที่นี่มั้ย” “ไม่” คำตอบของเขายิ่งทำให้เธอใจหายวูบ ใบหน้าก้มลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนความอ่อนแอ ถ้าเธอถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต หรือโดนฆ่าถ่วงน้ำเพราะไม่ยอมขายตัวแบบที่แหวนเพชรเล่าให้ฟัง... แล้วแม่ของเธอจะอยู่คนเดียวได้ยังไง “ถ้าเป็นไอ้กาย มันจะขังคุณไว้จนกว่าคุณจะหมดประโยชน์ ได้เวลาเขี่ยทิ้ง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD