Chapter 09

3092 Words
“แล้วเราล่ะ” ฉันไม่รู้ว่าเจ้ลิลลี่รู้ที่มาที่ไปของฉันแบบไหน เธอหันมาถามด้วยแววตาเหมือนกำลังลุ้น “ไม่รู้สิคะ ประสบการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน” สิ่งที่ชลพูดก็มาจากมุมของเธอที่เจอว่าลุงเล่นพนันแต่ไม่ได้ติด แต่ในมุมฉัน คนที่สนิทแถมยังเป็นญาติเพียงคนเดียว ทั้งติดแถมยังติดมากจนไม่เป็นผู้เป็นคนมันเลยทำให้ฉันยังฝังใจกับเรื่องพวกนั้น “เอาเถอะ ความคิดเห็นของคนเราไม่เหมือนกัน แต่อย่าอคติกับเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์เดียวแล้วตัดสินคนที่ทำอาชีพนี้ว่าเลวทุกคนแล้วกันนะ” คิ้วฉันขมวดมุ่นเข้าหากันทันที เจ้ลิลลี่พูดเหมือนว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ฉันเกลียด “ทานข้าวกันเถอะ” อาหารมาเสิร์ฟพอดี เจ้ลิลลี่เลยส่งเสียงให้ทุกคนลงมือทานข้าวตรง หน้าตัวเอง แต่ฉันนี่สิ... ตกลงแล้ว ฉันเกลียดการพนันเพราะเปลี่ยนคนดีเป็นอีกคนที่เลือดเย็น หรือฉันควรเกลียดคนที่ไม่รู้จักพอ จนปล่อยให้ผีพนันเข้าสิงกันแน่ “คืนนี้เจ้ไม่ได้มานอนเฝ้านะ พอดีพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าโรงพยาบาลมีเคสด่วน” เจ้ลิลลี่มาส่งฉันที่เพนต์เฮาส์ที่แสนเงียบสงบเมื่อลูกน้องที่เคยยืนรายล้อมบ้านหลังนี้หายไปเกือบครึ่ง “ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ เจ้ทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ” “พรุ่งนี้เรียนบ่าย เจ้น่าจะมาทัน” “ที่จริงหนูไปเรียนเองก็ได้นะคะ” ตอนนี้รู้แล้วว่าที่เจ้ลิลลี่แต่งชุดนักศึกษาเพื่อประกบดูแลฉัน ไม่ใช่สังเกตพฤติกรรมนักศึกษาอะไรนั่น “ไม่ได้ รับเงินมาแล้วต้องทำงานให้เต็มที่” รับเงิน? คิ้วฉันเลิกขึ้นเชิงถามแบบเงียบ ๆ “ไอ้เฮียน่ะใจป๋า นอกจากจะจ้างเจ้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้เราแล้ว ยังจ่ายต่ออีกสามเท่าเพื่อดูแลเราตอนเฮียไม่อยู่” สามเท่าที่ว่านี่มันเยอะแค่ไหนกันนะ? แค่นี้ฉันยังไม่รู้จะทดแทนเขายังไงหมดในชาตินี้แล้ว “เอาเป็นว่ามีอะไรโทร.หาเจ้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจ โอเคมั้ย?” ฉันได้แต่ยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ “เข้าบ้านเถอะ มีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่รอบบ้าน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายนะ” ฉันว่าถ้าจะบอกแบบนี้สู้ไม่บอกฉันยังจะสบายใจกว่านะ ยืนมองจนรถคันสวยขับออกนอกรั้วบ้านแล้ว ขาน้อย ๆ ถึงได้ก้าวเข้าบ้านไป บ้านหลังใหญ่แต่มีฉันอยู่แค่คนเดียว ทำไมมันเหงาแบบนี้นะ Special Part สิงคโปร์ , 23.00 น. หลังจากประชุมเสร็จ กันตพลก็รีบกลับห้องพัก แม้เขาจะเหนื่อย น้ำท่าก็ยังไม่อาบ แต่สิ่งแรกที่ทำคือ “โทรศัพท์กูอยู่ไหน” เสียงทุ้มถามหาของของตนเองจากมือขวาคนสนิท “นายน่าจะลืมไว้ที่รถ รีบใช้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” ทัศน์เทพแสร้งใช้น้ำเสียงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าคนบางคนกำลังหัวร้อนได้ที่ที่หาของสิ่งนั้นไม่เจอ “ถ้ากูไม่ใช้จะถามหาทำซากอะไร” เห็นคนหัวร้อนแถวนี้เริ่มคลั่งรู้สึกมันดีต่อใจจริง ๆ “เทชิ มึงไปเอา” ถ้าขืนให้ไอ้คนพูดมากอย่างทัศน์เทพไปเอา วันนี้เขาคงไม่ได้ใช้ ยิ่งห้าทุ่มแล้ว เดี๋ยวมันจะดึกเกินไปสำหรับใครบางคนที่เขาโหยหาตลอดเวลาที่นั่งประชุม นี่ถ้าวันนี้ไม่มาเปิดกาสิโนที่ใหม่ เขาไม่ถ่อมาถึงสิงคโปร์ด้วยตัวเองหรอก แต่ที่นี่แหล่งเงินมันหนา เขาเปิดกาสิโนที่นี่แค่ที่เดียว เดือน ๆ นึง ก็มีเงินเข้าหลักสิบล้านแล้ว ไม่มาก็โง่เต็มทน “ครับนาย” ฮาเทชิรีบโค้งหัวรับคำสั่ง ขายาว ๆ ก้าวออกไปจากห้องนี้ทันที สายตาเย็นชาตวัดมองมือขวาคนสนิทที่ยืนแอบมองเขาเป็นระยะ ๆ “มีอะไรก็พูดมา” มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ปลดกระดุมที่แขนเสื้อออกแล้วถกมันขึ้นมาค้างไว้ตรงศอกทั้งสองข้าง เนกไทนี่ก็เกะกะจริง ๆ สงสัยคงต้องหาคนมาคอยผูกคอยแกะให้จริง ๆ จัง ๆ สักที จะได้ช่วยผ่อนแรง “วันนี้คุณซินเจินแอบมองนายตลอดเวลา” ทัศน์เทพเริ่มเกริ่น แต่เพียงแค่ไม่กี่คำที่สานเป็นหนึ่งประโยคของเขา ทำเอาคนที่นั่งไขว่ห้างหยิบซิการ์ของโปรดขึ้นมาจุดสูบรีบมองดุใส่ทันที “แล้วไง?” ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่หุ่นแซ่บ นมทะลัก แต่เขาตอนนี้ต่อให้เธอมานั่งแก้ผ้าตรงหน้าก็เอาไม่ลง ในเมื่อทั้งหัวใจและในสมองมีเพียงแค่ชื่อ ๆ เดียวที่อยู่เต็มพื้นที่ไปแล้ว ใครจะไปคิด ว่าเพียงแค่แผ่นหลังเล็กน่าทะนุถนอมในวันนั้น จะทำให้เขาคลั่งจะเป็นจะตายได้ขนาดนี้ ไม่อยากห่างแม้วินาทีเดียว และตอนนี้ก็เช่นกัน ทำไมลูกน้องเขาแต่ละคนถึงได้ทำอะไรชักช้าแบบนี้กันนะ “เปล่าครับ ผมนึกว่านายไม่รู้ตัว” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทัศน์เทพต้องการอะไร คิดจะให้เขาเปิดปากเหรอ ไม่มีทางหรอก ต่อหน้าลูกน้องเขาต้องวางมาดหน่อย แต่ถ้าไม่มีคนพวกนี้ เขาก็ค่อยอ่อนโยนกับคนของใจอีกแบบ “มึงไปดูไอ้เทชิสิ ช้าชะมัด!” จากแค่สูบซิการ์ กลายเป็นรินน้ำสีอำพันขวดราคาหลักแสนลงแก้วทรงเตี้ยแล้วกระดกดื่มดับความร้อนของอารมณ์ “นายใจร้อนไปเอง ผมจับเวลายังไม่ถึงห้านาทีเลย” ท่าทางนายจะเป็นเอามาก เทชิเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้เอง โวยวายแล้วว่าเขาช้า ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนหน้าที่เปิดประตูจะเป็นของทัศน์เทพ “คุณซินเจิน?” คิ้วเขากระตุกเล็กน้อยที่เห็นคนมาเยือนยามวิกาลเช่นนี้เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งพูดถึง “คุณเพลิงกัลป์คงยังไม่นอนใช่ไหม” ไฟสว่างจ้าขนาดนี้ แถมพวกเขาเพิ่งแยกจากกันเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน คนที่ถามถึงไม่มีทางหลับไปแล้วแน่นอน “ไม่ทราบมีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ” จะให้นายเจอเธอตอนนี้ไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วคงโดนไล่ตะเพิดออกไปอย่างไม่เห็นหัวแน่นอน “ใครมา” คนกำลังหาทางเลี่ยงให้ แต่อีกคนกลับส่งเสียงมาเสียอย่างนั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เข้าไปเจอกันเสียเถอะ “เจินเองค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นตั้งแต่เดินยังไม่ข้ามธรณีประตู เธอเปลี่ยนชุดแล้ว เป็นชุดสายเดี่ยวตัวยาวแต่มีเสื้อคลุมผืนบางทับอีกชั้น แต่ถึงแม้จะบอกว่ามีเสื้อคลุม แต่ชุดก็ยังคงวับ ๆ แวม ๆ อยู่ดี เพราะชุดนั้นยาวมาก แถมยังแหวกอกเหมือนต้องการให้อีกคนเห็นถึงไส้ใน “มีอะไร” คนไม่อยากเจอดันมาให้เจอ ส่วนคนที่เขาพะว้าพะวังคิดถึงจนแทบบ้ากลับยังไม่ได้คุยสักที “เจินแค่จะชวนคุณเพลิงไปดินเนอร์ต่อที่ห้อง” ซินเจินเอ่ยเสียงหวาน สายตายั่วยวนอีกคนอย่างไม่ปิดบัง เธอเป็นลูกสาวของเจ้าพ่อที่นี่ หรือก็คือคนที่กันตพลเพิ่งจับมือร่วมทุนทำกาสิโนนั่นเอง ถึงเขาจะสนใจธุรกิจนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องการของแถมที่เดินได้แบบเธอ “ฉันไม่ทานมื้อดึก” กันตพลผ่านผู้หญิงมาก็มาก เขารู้มารยาหญิงทุกรูปแบบ ดินเนอร์ที่คนสวยตรงหน้าเชิญชวนหาใช่อาหารที่อิ่มกระเพาะไม่ ทว่าแต่เป็นกิจกรรมเข้าจังหวะมากกว่า ดังนั้นคำว่า ‘ไม่ทานมื้อดึก’ จึงทำเอาสาวสวยตรงหน้าหางคิ้วกระตุกมุมปากตกทันที “ยังไม่ทันลองชิมก็ปฏิเสธแล้วเหรอคะ” แต่ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมออกไปง่าย ๆ แน่ เบื่อฉิบหาย! ทำไมความเสน่ห์แรงของเขาต้องมีมากเช่นนี้กัน “ไม่ชอบกินก็คือไม่ชอบกิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญกลับห้องไปพักผ่อนเพื่อเข้าไปดูงานต่อพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ” นี่ก็พยายามพูดให้สุภาพแล้วนะ แต่ทำไมแววตาถึงได้ขวางขนาดนั้น หากแต่อีกคนกลับชอบใจในท่าทีแบบนี้ ได้ยากสิชอบ เพราะในชีวิตซินเจินคนนี้ มักจะมีแต่ผู้ชายต่อคิวเข้าหาเธอ เจอคนปฏิเสธแถมเล่นตัวบ้างก็ซาบซ่านหัวใจดีไม่น้อย ทว่าจังหวะที่เธอแสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่าย เรียวขาเล็กกลับหมุนสะดุดชายกระโปรงยาว ๆ จนล้ม “ว้าย!” สองมือน้อย ๆ คล้องรอบคอชายหนุ่มพอดิบพอดี บั้นท้ายงอนงามวางลงบนตักแกร่งได้อย่างไม่บิดพริ้ว กันตพลหนังตากระตุกยิบ ๆ พยายามหายใจเข้าให้ลึก ๆ แล้วท่องในใจว่านี่คือลูกสาวของเจียเทา คนที่จะมาเป็นแบล็กหลังให้กับกาสิโนเขา “มาแล้วครับนาย” เสียงคนที่หายหัวไปเอาโทรศัพท์มือถือถึงดาวอังคารดังขึ้น กันตพลส่งสายตาให้ทัศน์เทพรีบมาจัดการปลิงที่เกาะเขาอยู่ออก แต่ดูเหมือนลูกน้องคนนี้จะกวนประสาทเขาเอาเรื่อง เมื่อทัศน์เทพทำหน้าอ่านคำสั่งสายตานั้นไม่ออก “เอ๊ะ! นายหญิงโทร.มา” คำพูดของฮาเทชิทำเอากันตพลลืมตัว ผลักร่างบางที่เกาะเขาแจออกจากหน้าตักทันที “โอ๊ย!” รอบนี้ซินเจินข้อเท้าพลิกของจริงเพราะไม่ระวังตัวด้วยไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เกาะแกะอยู่จะกล้าทำกับตนถึงเพียงนี้ “แค่ข้อความ?” กันตพลสบถเบา ๆ เมื่อได้มือถือคืนมา หากแต่มีเพียงร่องรอยการส่งข้อความจากสาวน้อยของเขาไม่ใช่การโทร.หาแต่อย่างใด “พาคุณซินเจินกลับที่พัก” เขาไม่ได้บอกว่าใครควรจะทำหน้าที่นี้ หากแต่ฮาเทชิที่เป็นมือซ้ายต้องทำอยู่แล้วเมื่อเทียบกับอีกคนที่เป็นมือขวาเขาก็เหมือนลูกน้องอีกทอดหนึ่ง “เชิญครับ” มือหนาผายเชิญหญิงคนงามกลับสู่ที่พัก ซินเจินมองอีกคนที่เธออุตส่าห์ให้ท่าแต่อีกคนไม่ไยดีด้วยหัวใจที่คับแค้น ‘เล่นตัวนักก็ไม่ต้องเจอมันหรอกของดี’ ปรามาสอีกคนเสร็จเธอก็เดินกะเผลก ๆ กลับที่พักของตนทันที ทางด้านขัติมากร หลังจากนั่งคิด นอนคิดอยู่นาน ว่าจะส่งข้อความหาคนอยู่ไกลดีหรือ ไม่ดี สุดท้ายเธอก็ฝืนความคิดถึงที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ของหัวใจดวงน้อย ๆ ไม่ได้ กดส่งข้อความเพียงสั้น ๆ ว่า ‘ฝันดีนะคะ’ ส่งไปให้อีกคน “ป่านนี้คุณเพลิงกัลป์น่าจะนอนแล้วแหละ” ส่งเสร็จก็นั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง นั่งมองโทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่เป็นนาทีก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปหวังจะหรี่ไฟหัวเตียงลง ทว่าเครื่องมือสื่อสารที่คิดว่าหมดประโยชน์แล้วกลับแผดเสียงร้องขึ้นมาจนต้องรีบเหลียวมามอง เพียงแค่เห็นชื่อที่เคยถูกบังคับให้อ่านออกเสียงปรากฏขึ้น หัวใจดวงน้อย ๆ ก็ลิงโลดรีบเอื้อมมือมารับสายทันที “เฮียเพลิงยังไม่นอนเหรอคะ” ครั้งนี้เธอไม่หลุดเรียกด้วยสรรพนามเก่าแล้ว เสียงใสถามออกไปพร้อมการรอคอยคำตอบกลับมา [ยัง ฉันเพิ่งประชุมเสร็จ] ดวงตาคู่สวยเหลือบมองดูเวลาที่หัวเตียง เกือบจะห้าทุ่มแล้วเพิ่งจะประชุมเสร็จเนี่ยนะ! “แล้วทานอะไรหรือยังคะ” รู้สึกว่าเธอจะถามเจื้อยแจ้วขึ้นแล้วนะ หรือว่านี่คืออาการเป็นห่วงอีกคนจนควบคุมตัวเองไม่ได้กัน [แล้วเธอล่ะ วันนี้แม่บ้านทำอะไรให้กิน] อีกคนไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับถามคำถามนั้นกลับด้วยความอยากรู้ปนเป็นห่วง “ก็หลายอย่างค่ะ แต่หนูไม่ค่อยหิว” เป็นเรื่องจริงที่แม่บ้านทำกับข้าวให้เธอหลายอย่าง แต่เพราะต้องนั่งทานคนเดียวบนโต๊ะตัวใหญ่และไม่คุ้นชินทำให้เธอทานได้แค่สองสามคำก็อิ่มแล้ว [ไม่หิวเพราะฉันไม่อยู่หรือเปล่า] อีกคนก็ช่างพูดตรงเสียเหลือเกิน ทำเอาพวงแก้มทั้งสองข้างร้อนผะผ่าวจนต้องใช้มืออีกข้างบิดผ้าห่มแก้เขิน “เฮียเพลิงบอกว่าเพิ่งประชุมเสร็จคงเหนื่อยมาก งั้นหนูไม่กวนดีกว่าค่ะ” ที่นี่ก็ตั้งเกือบห้าทุ่มแล้ว ป่านนี้ที่นู่นก็คงเที่ยงคืนเช่นกัน คนทำงานเพลีย ๆ ควรพักผ่อน ไว้เธอค่อยโทร.หายามเช้าดีกว่า [ฉันเหนื่อยมาก] พอได้ฟังอีกคนพูด ขัติมากรรู้สึกเป็นห่วงหนักกว่าเก่า ทว่าในจังหวะต่อมาที่เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ย ทำเอาหัวใจที่เต้นอยู่สูบฉีดแรงกว่าเดิมหลาย เท่าตัว [แต่พอเห็นข้อความใครบางคนส่งมา ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง] แค่ข้อความบอกฝันดีแค่นั้นเอง ทำไมถึงได้พูดเหมือนเป็นยาดีขนาดนั้น [รอฉันนะ อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว] ไม่ให้เธอรอเขาจะให้เธอรอใครกันเล่า “เฮียเพลิงก็อย่าโหมงานหนักนะคะ” ที่จริงเธออยากต่อประโยคว่า รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้ แต่มันดูไม่สมควรพูดเลยแค่คิดก็พอ [ฉันทำงานหนักเพราะอยากให้คนที่มาเป็นคู่ชีวิตฉันสุขสบาย] ใครกันนะจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น [เธออยากสบายไหม] “คะ?” [ถ้าเธออยากสบาย มาลองซ้อมเป็นคู่ชีวิตฉันหน่อยไหมล่ะ] ฉ่า~ ไม่ไหวแล้ว พวงแก้มจากแค่ร้อนผะผ่าว บัดนี้ทำไมเหมือนมีลาวากำลังไหลเวียนอยู่ทั่วใบหน้าไปแล้ว [ฉันว่าฉันชัดเจนพอแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของเธอ อีกสองวันฉันจะกลับไปเอาคำตอบ] ปลายสายตัดสายไปแล้ว แต่อีกคนที่นั่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างนี่สิ ตกลงกำลังฝันอยู่หรือเป็นความจริง ตุ้บ! มือไม้อ่อนแรงจนโทรศัพท์ค่อย ๆ หล่นออกจากมือขัติมากรถึงได้สติ ฝ่ามือแน่งน้อยกอบกุมพวงแก้มสะบัดหน้าไปมาอย่างขวยเขิน ใจเย็น ๆ ไว้ ขัติมากร เพื่อคุณเพลิงกัลป์จะแค่แซวเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร บางทีเขาอาจจะกำลังให้เธอทดแทนบุญคุณเขาในแบบที่เขาอยากให้เป็นก็ได้นะ ติ๊ง! หัวใจที่เริ่มห่อเหี่ยวเพราะความคิดที่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองกลับเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อเปิดดูข้อความที่เพิ่งถูกส่งเข้ามา Kantapol : ฝันดีครับ ผู้หญิงของเพลิงกัลป์ ไม่ไหวแล้ว... หัวใจดวงนี้เนี่ย เต้นแรงจนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “หนูเป็นได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ” “...” “ผู้หญิงของคุณเพลิงกัลป์” ได้แต่ถามผ่านหน้าจอที่ค้างอยู่ที่ข้อความเดิม ตามมาด้วยร่างบางที่ค่อย ๆ ไถลตัวลงมานอนราบกับฟูกที่นอนนุ่มนิ่ม กอดโทรศัพท์เครื่องนั้นแนบอกจนผล็อยหลับไป “นายเอาจริงใช่ไหมครับ” ทัศน์เทพเอ่ยถาม หลังจากที่กันตพลขี้เกียจจะปิดบังเขาแล้ว “มึงคิดว่ากูเล่น?” คนถูกถามส่ายหัวพลางตอบ “นายรู้ผลที่ตามมาใช่ไหมครับ” สิ่งที่ลูกน้องเป็นห่วงคืออนาคตของทั้งสองคน ขัติมากรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เพิ่งขอเธอคบโดยไม่มีคำว่า ‘คบกันเถอะ’ ทำอาชีพอะไรอยู่ กันตพลยังเก็บเป็นความลับเพราะรู้ว่าอาชีพหนึ่งของเขาเป็นสิ่งที่สาวน้อยเกลียดที่สุด แล้วแบบนี้ ถ้าเกิดสองคนนี้คบกันขึ้นมาจริง ๆ แล้วขัติมากรรู้ความจริงทีหลังเธอจะรับได้ไหม เขาเป็นห่วงนาย ไม่อยากให้นายต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เลือกไปแล้ว “กูเชื่อว่าเธอเป็นคนมีเหตุผล” กันตพลก็กลัว แต่ในเมื่อใจมันเลือกเธอไปแล้วเขาจะทำอย่างไรได้ ทุกวันนี้ที่เขาปิดบังอาชีพกาสิโนก็ไม่คิดจะปิดไปตลอดชีวิต เขาแค่อยากพิสูจน์ให้สาวน้อยของเขาเห็นว่า กาสิโนของเขากับสิ่งที่เธอเจอมามันแตกต่างกัน เขาไม่ใช่ปีศาจในคราบมนุษย์ที่ใช้การพนันมอมเมาคน แต่เขาเลือกระดับคนที่พร้อมจะเดินเข้ามาลงทุนในแหล่งการค้าของเขาเท่านั้น “มึงโทร.หายัยแสบ เพิ่มความเข้มงวดในการติดตามฟางเซียน” วันนี้ที่เกิดเรื่องที่มหาลัยต้องเป็นฝีมือเคโกะแน่นอนเขาคอนเฟิร์มได้ แต่พวกที่ส่งมาเป็นเพียงแค่ตัวล่อ เอามาทดสอบดูว่าเขามีการคุ้มกันคนของเขาระดับไหน และเชื่อเลยว่าถ้ามีเหตุการณ์นี้อีก แค่ลิลณาคนเดียวรับมือไม่ไหวแน่นอน และเขาภาวนาอย่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาอยู่ที่นี่แล้วกัน “ครับนาย” ทัศน์เทพค้อมหัวรับคำสั่ง เช็กความเรียบร้อยของห้องหับต่าง ๆ ก่อนจะเดินออกไปรักษาการอยู่ด้านนอกและจัดการตามคำสั่งล่าสุดของผู้เป็นนาย กันตพลหยิบมือถือขึ้นมากดดูรูปแอบถ่ายรูปหนึ่งที่เขาล็อกรหัสไว้อย่างดิบดี ใบหน้าจิ้มลิ้มที่นอนหลับสนิทช่างสวยบาดหัวใจเขาเหลือเกิน ถ้าหากนี่คือดินแดนเวทมนต์ เขาคงคิดว่าขัติมากรคือแม่มดที่ร่ายเวทย์ใส่เขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากหนาได้รูปค่อย ๆ ก้มลงจุมพิตบนรูปแอบถ่ายรูปนั้น นี่เป็นความลับอีกอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ ทุก ๆ คืน กันตพลจะเปิดรูปนี้แล้วทำแบบนี้ก่อนนอนเสมอ เพราะมันทำให้เขาฝันดีทุกคืน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD