“แล้วเราล่ะ”
ฉันไม่รู้ว่าเจ้ลิลลี่รู้ที่มาที่ไปของฉันแบบไหน เธอหันมาถามด้วยแววตาเหมือนกำลังลุ้น
“ไม่รู้สิคะ ประสบการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
สิ่งที่ชลพูดก็มาจากมุมของเธอที่เจอว่าลุงเล่นพนันแต่ไม่ได้ติด
แต่ในมุมฉัน คนที่สนิทแถมยังเป็นญาติเพียงคนเดียว ทั้งติดแถมยังติดมากจนไม่เป็นผู้เป็นคนมันเลยทำให้ฉันยังฝังใจกับเรื่องพวกนั้น
“เอาเถอะ ความคิดเห็นของคนเราไม่เหมือนกัน แต่อย่าอคติกับเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์เดียวแล้วตัดสินคนที่ทำอาชีพนี้ว่าเลวทุกคนแล้วกันนะ”
คิ้วฉันขมวดมุ่นเข้าหากันทันที
เจ้ลิลลี่พูดเหมือนว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ฉันเกลียด
“ทานข้าวกันเถอะ”
อาหารมาเสิร์ฟพอดี เจ้ลิลลี่เลยส่งเสียงให้ทุกคนลงมือทานข้าวตรง หน้าตัวเอง
แต่ฉันนี่สิ... ตกลงแล้ว ฉันเกลียดการพนันเพราะเปลี่ยนคนดีเป็นอีกคนที่เลือดเย็น หรือฉันควรเกลียดคนที่ไม่รู้จักพอ จนปล่อยให้ผีพนันเข้าสิงกันแน่
“คืนนี้เจ้ไม่ได้มานอนเฝ้านะ พอดีพรุ่งนี้เช้าต้องเข้าโรงพยาบาลมีเคสด่วน” เจ้ลิลลี่มาส่งฉันที่เพนต์เฮาส์ที่แสนเงียบสงบเมื่อลูกน้องที่เคยยืนรายล้อมบ้านหลังนี้หายไปเกือบครึ่ง
“ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ เจ้ทำงานให้เต็มที่เลยค่ะ”
“พรุ่งนี้เรียนบ่าย เจ้น่าจะมาทัน”
“ที่จริงหนูไปเรียนเองก็ได้นะคะ”
ตอนนี้รู้แล้วว่าที่เจ้ลิลลี่แต่งชุดนักศึกษาเพื่อประกบดูแลฉัน ไม่ใช่สังเกตพฤติกรรมนักศึกษาอะไรนั่น
“ไม่ได้ รับเงินมาแล้วต้องทำงานให้เต็มที่”
รับเงิน? คิ้วฉันเลิกขึ้นเชิงถามแบบเงียบ ๆ
“ไอ้เฮียน่ะใจป๋า นอกจากจะจ้างเจ้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้เราแล้ว ยังจ่ายต่ออีกสามเท่าเพื่อดูแลเราตอนเฮียไม่อยู่” สามเท่าที่ว่านี่มันเยอะแค่ไหนกันนะ? แค่นี้ฉันยังไม่รู้จะทดแทนเขายังไงหมดในชาตินี้แล้ว
“เอาเป็นว่ามีอะไรโทร.หาเจ้ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจ โอเคมั้ย?”
ฉันได้แต่ยิ้มพร้อมพยักหน้าเป็นคำตอบ
“เข้าบ้านเถอะ มีบอดี้การ์ดคอยดูแลอยู่รอบบ้าน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายนะ”
ฉันว่าถ้าจะบอกแบบนี้สู้ไม่บอกฉันยังจะสบายใจกว่านะ
ยืนมองจนรถคันสวยขับออกนอกรั้วบ้านแล้ว ขาน้อย ๆ ถึงได้ก้าวเข้าบ้านไป บ้านหลังใหญ่แต่มีฉันอยู่แค่คนเดียว ทำไมมันเหงาแบบนี้นะ
Special Part
สิงคโปร์ , 23.00 น.
หลังจากประชุมเสร็จ กันตพลก็รีบกลับห้องพัก แม้เขาจะเหนื่อย น้ำท่าก็ยังไม่อาบ แต่สิ่งแรกที่ทำคือ
“โทรศัพท์กูอยู่ไหน” เสียงทุ้มถามหาของของตนเองจากมือขวาคนสนิท
“นายน่าจะลืมไว้ที่รถ รีบใช้ไหมครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้” ทัศน์เทพแสร้งใช้น้ำเสียงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าคนบางคนกำลังหัวร้อนได้ที่ที่หาของสิ่งนั้นไม่เจอ
“ถ้ากูไม่ใช้จะถามหาทำซากอะไร” เห็นคนหัวร้อนแถวนี้เริ่มคลั่งรู้สึกมันดีต่อใจจริง ๆ
“เทชิ มึงไปเอา”
ถ้าขืนให้ไอ้คนพูดมากอย่างทัศน์เทพไปเอา วันนี้เขาคงไม่ได้ใช้ ยิ่งห้าทุ่มแล้ว เดี๋ยวมันจะดึกเกินไปสำหรับใครบางคนที่เขาโหยหาตลอดเวลาที่นั่งประชุม นี่ถ้าวันนี้ไม่มาเปิดกาสิโนที่ใหม่ เขาไม่ถ่อมาถึงสิงคโปร์ด้วยตัวเองหรอก แต่ที่นี่แหล่งเงินมันหนา เขาเปิดกาสิโนที่นี่แค่ที่เดียว เดือน ๆ นึง ก็มีเงินเข้าหลักสิบล้านแล้ว ไม่มาก็โง่เต็มทน
“ครับนาย”
ฮาเทชิรีบโค้งหัวรับคำสั่ง ขายาว ๆ ก้าวออกไปจากห้องนี้ทันที สายตาเย็นชาตวัดมองมือขวาคนสนิทที่ยืนแอบมองเขาเป็นระยะ ๆ
“มีอะไรก็พูดมา” มือข้างหนึ่งค่อย ๆ ปลดกระดุมที่แขนเสื้อออกแล้วถกมันขึ้นมาค้างไว้ตรงศอกทั้งสองข้าง เนกไทนี่ก็เกะกะจริง ๆ สงสัยคงต้องหาคนมาคอยผูกคอยแกะให้จริง ๆ จัง ๆ สักที จะได้ช่วยผ่อนแรง
“วันนี้คุณซินเจินแอบมองนายตลอดเวลา”
ทัศน์เทพเริ่มเกริ่น แต่เพียงแค่ไม่กี่คำที่สานเป็นหนึ่งประโยคของเขา ทำเอาคนที่นั่งไขว่ห้างหยิบซิการ์ของโปรดขึ้นมาจุดสูบรีบมองดุใส่ทันที
“แล้วไง?”
ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่หุ่นแซ่บ นมทะลัก แต่เขาตอนนี้ต่อให้เธอมานั่งแก้ผ้าตรงหน้าก็เอาไม่ลง ในเมื่อทั้งหัวใจและในสมองมีเพียงแค่ชื่อ ๆ เดียวที่อยู่เต็มพื้นที่ไปแล้ว
ใครจะไปคิด ว่าเพียงแค่แผ่นหลังเล็กน่าทะนุถนอมในวันนั้น จะทำให้เขาคลั่งจะเป็นจะตายได้ขนาดนี้ ไม่อยากห่างแม้วินาทีเดียว และตอนนี้ก็เช่นกัน ทำไมลูกน้องเขาแต่ละคนถึงได้ทำอะไรชักช้าแบบนี้กันนะ
“เปล่าครับ ผมนึกว่านายไม่รู้ตัว”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทัศน์เทพต้องการอะไร คิดจะให้เขาเปิดปากเหรอ ไม่มีทางหรอก ต่อหน้าลูกน้องเขาต้องวางมาดหน่อย แต่ถ้าไม่มีคนพวกนี้ เขาก็ค่อยอ่อนโยนกับคนของใจอีกแบบ
“มึงไปดูไอ้เทชิสิ ช้าชะมัด!”
จากแค่สูบซิการ์ กลายเป็นรินน้ำสีอำพันขวดราคาหลักแสนลงแก้วทรงเตี้ยแล้วกระดกดื่มดับความร้อนของอารมณ์
“นายใจร้อนไปเอง ผมจับเวลายังไม่ถึงห้านาทีเลย” ท่าทางนายจะเป็นเอามาก เทชิเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้เอง โวยวายแล้วว่าเขาช้า
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนหน้าที่เปิดประตูจะเป็นของทัศน์เทพ
“คุณซินเจิน?” คิ้วเขากระตุกเล็กน้อยที่เห็นคนมาเยือนยามวิกาลเช่นนี้เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งพูดถึง
“คุณเพลิงกัลป์คงยังไม่นอนใช่ไหม”
ไฟสว่างจ้าขนาดนี้ แถมพวกเขาเพิ่งแยกจากกันเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน คนที่ถามถึงไม่มีทางหลับไปแล้วแน่นอน
“ไม่ทราบมีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ”
จะให้นายเจอเธอตอนนี้ไม่ได้ เพราะดูท่าแล้วคงโดนไล่ตะเพิดออกไปอย่างไม่เห็นหัวแน่นอน
“ใครมา”
คนกำลังหาทางเลี่ยงให้ แต่อีกคนกลับส่งเสียงมาเสียอย่างนั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เข้าไปเจอกันเสียเถอะ
“เจินเองค่ะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นตั้งแต่เดินยังไม่ข้ามธรณีประตู เธอเปลี่ยนชุดแล้ว เป็นชุดสายเดี่ยวตัวยาวแต่มีเสื้อคลุมผืนบางทับอีกชั้น แต่ถึงแม้จะบอกว่ามีเสื้อคลุม แต่ชุดก็ยังคงวับ ๆ แวม ๆ อยู่ดี เพราะชุดนั้นยาวมาก แถมยังแหวกอกเหมือนต้องการให้อีกคนเห็นถึงไส้ใน
“มีอะไร”
คนไม่อยากเจอดันมาให้เจอ ส่วนคนที่เขาพะว้าพะวังคิดถึงจนแทบบ้ากลับยังไม่ได้คุยสักที
“เจินแค่จะชวนคุณเพลิงไปดินเนอร์ต่อที่ห้อง”
ซินเจินเอ่ยเสียงหวาน สายตายั่วยวนอีกคนอย่างไม่ปิดบัง เธอเป็นลูกสาวของเจ้าพ่อที่นี่ หรือก็คือคนที่กันตพลเพิ่งจับมือร่วมทุนทำกาสิโนนั่นเอง ถึงเขาจะสนใจธุรกิจนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องการของแถมที่เดินได้แบบเธอ
“ฉันไม่ทานมื้อดึก”
กันตพลผ่านผู้หญิงมาก็มาก เขารู้มารยาหญิงทุกรูปแบบ
ดินเนอร์ที่คนสวยตรงหน้าเชิญชวนหาใช่อาหารที่อิ่มกระเพาะไม่ ทว่าแต่เป็นกิจกรรมเข้าจังหวะมากกว่า ดังนั้นคำว่า ‘ไม่ทานมื้อดึก’ จึงทำเอาสาวสวยตรงหน้าหางคิ้วกระตุกมุมปากตกทันที
“ยังไม่ทันลองชิมก็ปฏิเสธแล้วเหรอคะ”
แต่ดูท่าแล้วผู้หญิงคนนี้คงไม่ยอมออกไปง่าย ๆ แน่
เบื่อฉิบหาย!
ทำไมความเสน่ห์แรงของเขาต้องมีมากเช่นนี้กัน
“ไม่ชอบกินก็คือไม่ชอบกิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญกลับห้องไปพักผ่อนเพื่อเข้าไปดูงานต่อพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ”
นี่ก็พยายามพูดให้สุภาพแล้วนะ แต่ทำไมแววตาถึงได้ขวางขนาดนั้น
หากแต่อีกคนกลับชอบใจในท่าทีแบบนี้ ได้ยากสิชอบ เพราะในชีวิตซินเจินคนนี้ มักจะมีแต่ผู้ชายต่อคิวเข้าหาเธอ เจอคนปฏิเสธแถมเล่นตัวบ้างก็ซาบซ่านหัวใจดีไม่น้อย
ทว่าจังหวะที่เธอแสร้งทำเป็นว่านอนสอนง่าย เรียวขาเล็กกลับหมุนสะดุดชายกระโปรงยาว ๆ จนล้ม
“ว้าย!” สองมือน้อย ๆ คล้องรอบคอชายหนุ่มพอดิบพอดี บั้นท้ายงอนงามวางลงบนตักแกร่งได้อย่างไม่บิดพริ้ว
กันตพลหนังตากระตุกยิบ ๆ พยายามหายใจเข้าให้ลึก ๆ แล้วท่องในใจว่านี่คือลูกสาวของเจียเทา คนที่จะมาเป็นแบล็กหลังให้กับกาสิโนเขา
“มาแล้วครับนาย”
เสียงคนที่หายหัวไปเอาโทรศัพท์มือถือถึงดาวอังคารดังขึ้น
กันตพลส่งสายตาให้ทัศน์เทพรีบมาจัดการปลิงที่เกาะเขาอยู่ออก แต่ดูเหมือนลูกน้องคนนี้จะกวนประสาทเขาเอาเรื่อง เมื่อทัศน์เทพทำหน้าอ่านคำสั่งสายตานั้นไม่ออก
“เอ๊ะ! นายหญิงโทร.มา” คำพูดของฮาเทชิทำเอากันตพลลืมตัว ผลักร่างบางที่เกาะเขาแจออกจากหน้าตักทันที
“โอ๊ย!” รอบนี้ซินเจินข้อเท้าพลิกของจริงเพราะไม่ระวังตัวด้วยไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เกาะแกะอยู่จะกล้าทำกับตนถึงเพียงนี้
“แค่ข้อความ?” กันตพลสบถเบา ๆ เมื่อได้มือถือคืนมา หากแต่มีเพียงร่องรอยการส่งข้อความจากสาวน้อยของเขาไม่ใช่การโทร.หาแต่อย่างใด
“พาคุณซินเจินกลับที่พัก”
เขาไม่ได้บอกว่าใครควรจะทำหน้าที่นี้ หากแต่ฮาเทชิที่เป็นมือซ้ายต้องทำอยู่แล้วเมื่อเทียบกับอีกคนที่เป็นมือขวาเขาก็เหมือนลูกน้องอีกทอดหนึ่ง
“เชิญครับ” มือหนาผายเชิญหญิงคนงามกลับสู่ที่พัก
ซินเจินมองอีกคนที่เธออุตส่าห์ให้ท่าแต่อีกคนไม่ไยดีด้วยหัวใจที่คับแค้น
‘เล่นตัวนักก็ไม่ต้องเจอมันหรอกของดี’
ปรามาสอีกคนเสร็จเธอก็เดินกะเผลก ๆ กลับที่พักของตนทันที
ทางด้านขัติมากร
หลังจากนั่งคิด นอนคิดอยู่นาน ว่าจะส่งข้อความหาคนอยู่ไกลดีหรือ ไม่ดี สุดท้ายเธอก็ฝืนความคิดถึงที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ของหัวใจดวงน้อย ๆ ไม่ได้ กดส่งข้อความเพียงสั้น ๆ ว่า ‘ฝันดีนะคะ’ ส่งไปให้อีกคน
“ป่านนี้คุณเพลิงกัลป์น่าจะนอนแล้วแหละ”
ส่งเสร็จก็นั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง นั่งมองโทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่เป็นนาทีก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปหวังจะหรี่ไฟหัวเตียงลง ทว่าเครื่องมือสื่อสารที่คิดว่าหมดประโยชน์แล้วกลับแผดเสียงร้องขึ้นมาจนต้องรีบเหลียวมามอง
เพียงแค่เห็นชื่อที่เคยถูกบังคับให้อ่านออกเสียงปรากฏขึ้น หัวใจดวงน้อย ๆ ก็ลิงโลดรีบเอื้อมมือมารับสายทันที
“เฮียเพลิงยังไม่นอนเหรอคะ”
ครั้งนี้เธอไม่หลุดเรียกด้วยสรรพนามเก่าแล้ว เสียงใสถามออกไปพร้อมการรอคอยคำตอบกลับมา
[ยัง ฉันเพิ่งประชุมเสร็จ]
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองดูเวลาที่หัวเตียง เกือบจะห้าทุ่มแล้วเพิ่งจะประชุมเสร็จเนี่ยนะ!
“แล้วทานอะไรหรือยังคะ”
รู้สึกว่าเธอจะถามเจื้อยแจ้วขึ้นแล้วนะ หรือว่านี่คืออาการเป็นห่วงอีกคนจนควบคุมตัวเองไม่ได้กัน
[แล้วเธอล่ะ วันนี้แม่บ้านทำอะไรให้กิน]
อีกคนไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับถามคำถามนั้นกลับด้วยความอยากรู้ปนเป็นห่วง
“ก็หลายอย่างค่ะ แต่หนูไม่ค่อยหิว”
เป็นเรื่องจริงที่แม่บ้านทำกับข้าวให้เธอหลายอย่าง แต่เพราะต้องนั่งทานคนเดียวบนโต๊ะตัวใหญ่และไม่คุ้นชินทำให้เธอทานได้แค่สองสามคำก็อิ่มแล้ว
[ไม่หิวเพราะฉันไม่อยู่หรือเปล่า]
อีกคนก็ช่างพูดตรงเสียเหลือเกิน ทำเอาพวงแก้มทั้งสองข้างร้อนผะผ่าวจนต้องใช้มืออีกข้างบิดผ้าห่มแก้เขิน
“เฮียเพลิงบอกว่าเพิ่งประชุมเสร็จคงเหนื่อยมาก งั้นหนูไม่กวนดีกว่าค่ะ” ที่นี่ก็ตั้งเกือบห้าทุ่มแล้ว ป่านนี้ที่นู่นก็คงเที่ยงคืนเช่นกัน คนทำงานเพลีย ๆ ควรพักผ่อน ไว้เธอค่อยโทร.หายามเช้าดีกว่า
[ฉันเหนื่อยมาก]
พอได้ฟังอีกคนพูด ขัติมากรรู้สึกเป็นห่วงหนักกว่าเก่า ทว่าในจังหวะต่อมาที่เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ย ทำเอาหัวใจที่เต้นอยู่สูบฉีดแรงกว่าเดิมหลาย เท่าตัว
[แต่พอเห็นข้อความใครบางคนส่งมา ความเหนื่อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง]
แค่ข้อความบอกฝันดีแค่นั้นเอง ทำไมถึงได้พูดเหมือนเป็นยาดีขนาดนั้น
[รอฉันนะ อีกไม่กี่วันก็กลับแล้ว]
ไม่ให้เธอรอเขาจะให้เธอรอใครกันเล่า
“เฮียเพลิงก็อย่าโหมงานหนักนะคะ”
ที่จริงเธออยากต่อประโยคว่า รวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้ แต่มันดูไม่สมควรพูดเลยแค่คิดก็พอ
[ฉันทำงานหนักเพราะอยากให้คนที่มาเป็นคู่ชีวิตฉันสุขสบาย]
ใครกันนะจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น
[เธออยากสบายไหม]
“คะ?”
[ถ้าเธออยากสบาย มาลองซ้อมเป็นคู่ชีวิตฉันหน่อยไหมล่ะ]
ฉ่า~
ไม่ไหวแล้ว พวงแก้มจากแค่ร้อนผะผ่าว บัดนี้ทำไมเหมือนมีลาวากำลังไหลเวียนอยู่ทั่วใบหน้าไปแล้ว
[ฉันว่าฉันชัดเจนพอแล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของเธอ อีกสองวันฉันจะกลับไปเอาคำตอบ]
ปลายสายตัดสายไปแล้ว แต่อีกคนที่นั่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างนี่สิ ตกลงกำลังฝันอยู่หรือเป็นความจริง
ตุ้บ!
มือไม้อ่อนแรงจนโทรศัพท์ค่อย ๆ หล่นออกจากมือขัติมากรถึงได้สติ ฝ่ามือแน่งน้อยกอบกุมพวงแก้มสะบัดหน้าไปมาอย่างขวยเขิน
ใจเย็น ๆ ไว้ ขัติมากร เพื่อคุณเพลิงกัลป์จะแค่แซวเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังอะไร บางทีเขาอาจจะกำลังให้เธอทดแทนบุญคุณเขาในแบบที่เขาอยากให้เป็นก็ได้นะ
ติ๊ง!
หัวใจที่เริ่มห่อเหี่ยวเพราะความคิดที่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองกลับเต้นแรงอีกครั้ง เมื่อเปิดดูข้อความที่เพิ่งถูกส่งเข้ามา
Kantapol : ฝันดีครับ ผู้หญิงของเพลิงกัลป์
ไม่ไหวแล้ว... หัวใจดวงนี้เนี่ย เต้นแรงจนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
“หนูเป็นได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“...”
“ผู้หญิงของคุณเพลิงกัลป์”
ได้แต่ถามผ่านหน้าจอที่ค้างอยู่ที่ข้อความเดิม
ตามมาด้วยร่างบางที่ค่อย ๆ ไถลตัวลงมานอนราบกับฟูกที่นอนนุ่มนิ่ม กอดโทรศัพท์เครื่องนั้นแนบอกจนผล็อยหลับไป
“นายเอาจริงใช่ไหมครับ”
ทัศน์เทพเอ่ยถาม หลังจากที่กันตพลขี้เกียจจะปิดบังเขาแล้ว
“มึงคิดว่ากูเล่น?” คนถูกถามส่ายหัวพลางตอบ
“นายรู้ผลที่ตามมาใช่ไหมครับ”
สิ่งที่ลูกน้องเป็นห่วงคืออนาคตของทั้งสองคน ขัติมากรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เพิ่งขอเธอคบโดยไม่มีคำว่า ‘คบกันเถอะ’ ทำอาชีพอะไรอยู่
กันตพลยังเก็บเป็นความลับเพราะรู้ว่าอาชีพหนึ่งของเขาเป็นสิ่งที่สาวน้อยเกลียดที่สุด แล้วแบบนี้ ถ้าเกิดสองคนนี้คบกันขึ้นมาจริง ๆ แล้วขัติมากรรู้ความจริงทีหลังเธอจะรับได้ไหม เขาเป็นห่วงนาย ไม่อยากให้นายต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เลือกไปแล้ว
“กูเชื่อว่าเธอเป็นคนมีเหตุผล”
กันตพลก็กลัว แต่ในเมื่อใจมันเลือกเธอไปแล้วเขาจะทำอย่างไรได้
ทุกวันนี้ที่เขาปิดบังอาชีพกาสิโนก็ไม่คิดจะปิดไปตลอดชีวิต เขาแค่อยากพิสูจน์ให้สาวน้อยของเขาเห็นว่า กาสิโนของเขากับสิ่งที่เธอเจอมามันแตกต่างกัน เขาไม่ใช่ปีศาจในคราบมนุษย์ที่ใช้การพนันมอมเมาคน แต่เขาเลือกระดับคนที่พร้อมจะเดินเข้ามาลงทุนในแหล่งการค้าของเขาเท่านั้น
“มึงโทร.หายัยแสบ เพิ่มความเข้มงวดในการติดตามฟางเซียน”
วันนี้ที่เกิดเรื่องที่มหาลัยต้องเป็นฝีมือเคโกะแน่นอนเขาคอนเฟิร์มได้
แต่พวกที่ส่งมาเป็นเพียงแค่ตัวล่อ เอามาทดสอบดูว่าเขามีการคุ้มกันคนของเขาระดับไหน และเชื่อเลยว่าถ้ามีเหตุการณ์นี้อีก แค่ลิลณาคนเดียวรับมือไม่ไหวแน่นอน และเขาภาวนาอย่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาอยู่ที่นี่แล้วกัน
“ครับนาย”
ทัศน์เทพค้อมหัวรับคำสั่ง เช็กความเรียบร้อยของห้องหับต่าง ๆ ก่อนจะเดินออกไปรักษาการอยู่ด้านนอกและจัดการตามคำสั่งล่าสุดของผู้เป็นนาย กันตพลหยิบมือถือขึ้นมากดดูรูปแอบถ่ายรูปหนึ่งที่เขาล็อกรหัสไว้อย่างดิบดี
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่นอนหลับสนิทช่างสวยบาดหัวใจเขาเหลือเกิน ถ้าหากนี่คือดินแดนเวทมนต์ เขาคงคิดว่าขัติมากรคือแม่มดที่ร่ายเวทย์ใส่เขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากหนาได้รูปค่อย ๆ ก้มลงจุมพิตบนรูปแอบถ่ายรูปนั้น นี่เป็นความลับอีกอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้
ทุก ๆ คืน กันตพลจะเปิดรูปนี้แล้วทำแบบนี้ก่อนนอนเสมอ เพราะมันทำให้เขาฝันดีทุกคืน