bc

Keen on you หัวใจคลั่งรัก

book_age18+
1.1K
FOLLOW
4.9K
READ
sex
tragedy
comedy
twisted
sweet
lighthearted
mystery
scary
asexual
like
intro-logo
Blurb

เพลิงกัลป์ มาเฟียที่ใคร ๆ ต่างเกรงขาม และคิดว่าเขาไร้หัวใจ หากแต่ทุกคนไม่รู้ ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง ท่าทางแสนเย็นชานั้น เขามีความอบอุ่นซ่อนอยู่ และพร้อมจะมอบให้เธอแค่คนเดียว

=============

“อ้าปาก”

“คะ?” คิ้วย่นเข้าหากันเมื่ออีกคนใช้ส้อมพันเส้นสปาเกตตีที่ฉันทำแล้วยกมาจ่อตรงหน้า

“อ้าปาก”

ครั้งนี้ไม่ถามมากความเพราะดูจากแววตาแล้วคุณเพลิงกัลป์ไม่น่าถามครั้งที่สาม

“อร่อยไหม”

ก็ต้องอร่อยสิ ฉันเป็นคนทำนะ!

“เฮียเพลิงไม่ทานเหรอคะ”

พอเคี้ยวเสร็จกลืนอาหารเรียบร้อยก็ถามเขาออกไปทันที

“กินสิ” สิ้นสุดคำพูดนั้น สปาเกตตีคำโตก็ถูกยัดเข้าปากเขาทันที

นะ...นั่นส้อมที่เขาเพิ่งป้อนฉันนะ!

“หวาน”

เอียงคอเล็กน้อยเมื่อเขาบอกว่าอาหารที่ฉันทำมันหวาน

“แต่หนูใส่น้ำตาลแค่ปลายช้อนชาเองนะคะ”

ที่เฮียเทพบอกว่าเขาไม่กินหวานหรือว่าไม่ใส่น้ำตาลเลย?

“น่าจะหวานเพราะปากเธอ”

chap-preview
Free preview
Chapter 01
ฟิ้ว~ สายลมเย็น ๆ พัดต้องร่างบางที่ยืนอยู่บนสะพานสูงที่พาดผ่านแม่น้ำจูในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน ค่ำคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างไสวทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับแลดูสวยสดงดงามกว่าคืนไหน ๆ หากแต่คนที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกนี้ กลับมีใบหน้าที่เหม่อลอยทอดมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุดเท่าที่สายตาคนธรรมดาจะมองถึง สองมือบางกำขอบราวสะพานไว้หลวม ๆ คืนนี้ทำไมผู้คนถึงได้เงียบเหงาทำให้เธอที่ยืนอยู่ตรงนี้คนเดียวดูโดดเดี่ยวขึ้นเป็นทวีคูณ อืม…โดดเดี่ยวเหรอ? ปกติก็โดดเดี่ยวเหมือนตัวคนเดียวอยู่แล้วนี่นะ หญิงสาวยังคงยืนเหม่อมองสายน้ำที่ไหลอย่างเงียบสงบ พร้อมก่อเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัวสมอง กลางดึกแบบนี้ หากสายน้ำที่นิ่งสงบมีอะไรหนัก ๆ หล่นกระทบจะเกิดเสียงดังกังวานหรือเปล่านะ แล้วถ้าสิ่งที่หล่นลงในแม่น้ำตอนนี้คือวัตถุบางอย่างที่มีน้ำหนักสี่สิบห้ากิโลกรัมแบบเธอ สายน้ำจะกระเพื่อมสั่นไหวและจมลงไปได้ลึกเท่าไรกัน เพียงแค่สมองคิด มือบางที่วางเกาะราวกั้นเหล็กของสะพานก็กำแน่น หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่เหมือนจะเต้นแผ่วลงราวไม่อยากขยับ ปู๊นนนน… เสียงหวูดของเรือโดยสารลำใหญ่ดังขึ้น ทำให้สติเธอกลับมา ร่างบางค่อย ๆ ถอนหายใจ ยกมือขึ้นรวบผมที่ยาวสลวยปลิวไปตามแรงลมรวบเข้าด้วยกันให้อยู่กลางศีรษะ ใช้ยางรัดผมค่อย ๆ มัดเส้นผมนั้นให้มั่นเป็นทรงหางม้า เดินหันหลังกลับไปยังจักรยานคันเก่า ๆ ที่สนิมเกรอะแทบจะทุกซี่ของล้อรถเพื่อปั่นนำโจ๊กร้อน ๆ กลับไปให้คนที่รออยู่ที่บ้านซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบนาทีรถจักรยานคันเก่า ๆ เจ้าของแรงปั่นก็กลับมาถึงบ้านปูนหลังหนึ่ง มองแค่ภายนอกก็รู้ฐานะของคนอาศัยอยู่ทันที คราบน้ำและสีที่ลอกจากการคงอยู่ที่เป็นเวลานาน มีส่วนแตกหักของปูนเปลือยตามกำแพงบ้าน คราบตะไคร่สีเขียวที่ขัดทำความสะอาดอย่างไรก็ไม่เคยสะอาดดั่งใจคิด แต่กระนั้นก็ดีมากโขแล้วที่เธอยังมีที่ซุกหัวนอนไม่โดนน้ำฝน โดนแดดแผดเผา “ทำไมวันนี้คนเยอะจัง” จักรยานถูกจอดไว้หน้ารั้วบ้าน เธอมองเข้าไปด้านในเห็นแสงไฟสว่างอยู่แถมยังมีรถจอดอยู่เยอะกว่าทุกวัน “คุณป้าคงจะเสี่ยงดวงอีกแล้ว” เธอถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอากับนิสัยชอบเล่นการพนันของป้าเธอ เล่นมาตั้งเป็นปี จากบ้านที่หลังใหญ่หรูหรามีกินมีใช้ ต้องย้ายเร่ร่อนมาอยู่บ้านทรุด ๆ โทรม ๆ ก็เพราะไอ้ผีพนันพวกนั้นเข้าสิง แทนที่จะคิดได้ แต่ยิ่งเสียก็ยิ่งอยากเอาคืน หวังว่าต้องมีสักตาที่เป็นของเรา ทั้ง ๆ ที่สุดท้ายก็วนลูปเสียแล้วก็เสียเหมือนเดิม “ขออีกพันหยวนนะจะเอามาแก้มือ” เสียงป้าเหยา ป้าแท้ ๆ ของเธอร้องขอยืมเงินจากเพื่อน ๆ ในวงดังลอดออกมาจนถึงหน้าบ้าน หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาเมื่อคำนวณเงินที่คนเป็นป้าเป็นหนี้ตอนนี้มากจนจะแตะห้าหมื่นหยวนอยู่แล้ว ก้มลงมองโจ๊กในมือแล้วถอนหายใจอย่างสมเพชตัวเอง เงินพันหยวนถ้ามีคนให้ป้าได้ เธอก็อยากยืมมาไว้ใช้ซื้อข้าวสารกรอกหม้อบ้างเหมือนกัน ลำพังกินแต่โจ๊กทุกวันจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงทำงานตอนกลางวันอยู่แล้ว “แสนหยวน!” เสียงตกใจของป้าเหยาดังลั่นบ้าน ไม่ใช่แค่ป้าเธอตกใจ แต่ตัวเธอเองก็ตกใจเช่นกันที่ได้ยินคำว่า ‘แสนหยวน’ “เอาเลยม้า” นี่ไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของลูกป้าเหยาที่ชื่อจิ้นหงนั่นเอง “มันจะง่ายขนาดนั้นเหรอ” ผู้เป็นแม่ถามลูกสาวคืน จำนวนเงินมันล่อตาล่อใจพวกเธอมาก หากแต่ของแลกเปลี่ยนคืออะไรล่ะ “แลกกับอะไร” เซินเหยาถามชายที่วันนี้มาร่วมเล่นพนันเป็นเพื่อนเธอ “ได้ข่าวว่าบ้านนี้มีลูกสาวสวย” สองแม่ลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่คนดังกล่าวจะพูดต่อ “อีกคนที่ไม่ใช่คนนี้” คำว่า ‘ไม่ใช่คนนี้’ ย่อมหมายถึงจิ้นหงที่ตอนแรกหลงหวาดกลัวคิดว่าตนเองจะถูกแม่แท้ ๆ ขายแลกเงินเสียแล้ว แม้จะเสียหน้าแต่พอเงินมากมายขนาดนั้นแลกกับอีกคนเธอก็รีบสะกิดแม่แท้ ๆ ให้รับปากทันที “แบบนั้นก็เท่ากับขายคนกินน่ะสิ” “ม้าสงสารมันจริงอะ?” จิ้นหงมองตาผู้เป็นแม่ก็รู้แล้วว่าแสร้งทำอยู่ “เดี๋ยวขอไปตกลงกับลูกสาวแป๊บนะ” เซินเหยารีบดึงแขนลูกสาวแท้ ๆ ออกมาคุยกันในมุมอับสายตา “ม้าว่าเราน่าจะเรียกได้เยอะกว่านี้นะ” จิ้นหงมองหน้าแม่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะตาโตเมื่อสมองที่มีน้อยนิดเข้าใจในเวลาต่อมา “สด ๆ ซิง ๆ แบบนั้น พวกในบ่อนชอบใช่ไหมม้า” รอยยิ้มชั่วร้ายของสองแม่ลูกผุดพรายขึ้น ก่อนทั้งสองคนจะเดินกลับไปแสร้งแสดงละครฉากใหญ่ขึ้นมา “ฟางเซียนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของพวกเรา พวกคุณก็รู้” เซินเหยาทำเสียงไม่พอใจออกมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับแข็งกระด้าง “แค่แสนหยวนพวกเราใช้ไม่ถึงปีก็หมดแล้ว แต่ถ้ามีฟางเซียนอยู่ใช้แรงงาน เรารอดไปได้อีกหลายสิบปี” จิ้นหงเสริมอีกแรง ชายฉกรรณ์สองคนหันมองหน้ากันราวรู้ทันสองแม่ลูกนี้ “เราต้องตรวจสอบของแลกเปลี่ยนก่อน ถ้าสดซิงจริง นายใหญ่จ่ายไม่อั้น” คำว่า ‘จ่ายไม่อั้น’ ทำสองแม่ลูกตาโต และเป็นจังหวะเดียวกันกับบุคคลที่มีชื่อในบทสนทนาที่ไม่รู้ชะตากรรมของตนเองเดินเข้ามาในบ้านพอดี “ฟางเซียนมานี่!” ผู้เป็นป้าตะโกนเรียกเสียงดังทำเอาหญิงสาวเจ้าของชื่อ ‘ฟางเซียน’ ชื่อที่มีความหมายไพเราะเพราะพริ้ง ‘นางฟ้าผู้มีกลิ่นหอม’ รีบเดินก้มหน้าเข้าไปหาผู้มีพระคุณทันที “ป้าจะกินโจ๊กเหรอคะ” เสียงแสนไพเราะถามขึ้น เธอไม่กล้าแม้สบตามองชายสองคนที่นั่งร่วมวงกับผู้เป็นป้า แล้วไหนจะมีอีกสามคนที่ยืนคุมอยู่หน้าประตูนั่นอีก วันนี้ทำไมถึงมีแต่ผู้ชายมาเล่นพนันกับป้าเธอกันนะ “เก็บโจ๊กนั่นไปเถอะ ต่อไปพวกฉันจะไม่แตะของเส็งเคร็งแบบนั้นอีก” “จิ้นหง!” ผู้เป็นแม่รีบห้ามลูกสาวเพราะกลัวจะทำเสียแผนแหวกหญ้าให้งูตื่น “แล้วคุณป้าจะให้หนูทำอะไรคะ” ฟางเซียนเอ่ยถามอย่างสุภาพ ทั้ง ๆ ที่ในใจเธอรู้สึกว่าวันนี้มีหลาย ๆ อย่างผิดปกติ “ตั้งแต่วันนี้ไป เธอต้องเปลี่ยนที่ทำงาน” “ที่ไหนคะ แล้วทำไมต้องเปลี่ยน” หญิงสาวถามออกไปอย่างไม่รั้งรอ “ม้าสั่งอะไรเธอก็ทำ ๆ ไปเถอะ!” ฟางเซียนมองสบตาจิ้นหงผู้มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ด้วยสายตาสงสัย วันนี้เจ้หงทำไมพูดมากจัง แถมปกติเวลาเที่ยงคืนแบบนี้ต้องอยู่ในห้องนอนแล้ว แต่ทำไมวันนี้ทุกอย่างถึงดูไม่ปกตินะ “แล้วงานอะไรล่ะคะ” สุดท้ายจำต้องเลิกแสดงออกว่าสงสัยและอ่อนข้อลง “พวกพี่เขามารับเธอไปทำงาน” เธอมองตามสายตาป้าเหยาที่มองไปทางชายแปลกหน้าที่นั่งตรงข้ามกับพวกเธอ ทำไมแต่ละคนดูน่ากลัวเหมือนพวกมาเฟียเลย “งานอะไรคะ?” ถามไม่เต็มเสียงเพราะรู้สึกกลัวสายตาที่มองมา “อย่าถามมาก แกก็แค่ตามพวกเขาไปก็จบแล้ว!” จิ้นหงหมั่นไส้ความอืดอาดเล่นตัวของญาติผู้น้องจนต้องตะคอกเสียงใส่ “แต่หนูต้องถามให้รู้ว่าคืองานอะไร” แม้ปีนี้ฟางเซียนเพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบแปด แต่เธอก็ไม่ได้หัวอ่อนเชื่อใครง่าย ๆ เลยยังไม่ยอมรับปากคนแปลกหน้าถ้าหากยังไม่รู้สิ่งที่อยากรู้ จนคนที่เสนอเงินแสนหยวนให้ครอบครัวนี้ต้องเอ่ยอะไรบ้าง “งานนี้สบาย หนูได้ทำงานอยู่ในห้องแอร์ ค่าแรงก็เยอะ แถมยังช่วยครอบครัวให้สุขสบายขึ้น แบบนี้ยังจะลังเลอยู่อีกไหม” มีด้วยเหรองานที่สบายขนาดนั้น “ต้องไปตอนนี้เลยเหรอคะ” ตุ้บ! เสียงทุบมือลงบนโต๊ะดังลั่นห้องสี่เหลี่ยม “เลิกถามได้แล้ว แกคงไม่อยากเห็นป้าแก่ ๆ ที่เลี้ยงแกมาตั้งหลายปีสุขสบายสินะถึงได้ถามอะไรมากมายแบบนี้ นี่แหละนะที่เขาบอกอย่าเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม เพราะต่อให้ดียังไง มันก็ไม่เห็นหัวเราเพราะไม่ใช่เลือดแท้ ๆ” เสียงสะอื้นราวเสียอกเสียใจของเซินเหยาทำเอาฟางเซียนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วรู้สึกเจ็บปวดที่คนเป็นป้าตัดพ้อเธอแบบนั้น “หนูไม่เคยลืมบุญคุณที่ป้าเลี้ยงดูเลยนะคะ” “โกหก! ก็เห็น ๆ อยู่ว่าแกไม่อยากทำงานที่พวกพี่เขาเสนอให้ งานที่ได้เงินเยอะ ๆ แล้วพวกฉันสบาย” คำพูดของจิ้นหงทำเธอเจ็บในอก ถ้างานที่ว่ามันสบายและได้เงินเยอะแบบนั้นทำไมเจ้ไม่ทำเองล่ะ คนชอบสบายแบบเจ้น่าจะเหมาะกับงานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? “นี่แสนหยวน ไม่ขาดไม่เกิน ถ้าผลงานออกมาถูกใจ เราจะเอามาเพิ่มให้อีกสองเท่า” กระเป๋าสีดำถูกวางลงตรงกลางโต๊ะ เพียงแค่ไม่ถึงนาทีสองคนแม่ลูกก็รีบคว้ามันไปและวิ่งไปยืนอยู่มุมห้องกอดกระเป๋านั้นไว้อย่างหวงแหน ฟางเซียนได้แต่มองพฤติกรรมของญาติเธออย่างงุนงง ก่อนที่จะได้ซักถามอะไรต่อ ข้อมือน้อย ๆ ของเธอก็ถูกคว้าไว้แน่น ดวงตาเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ พยายามขืนแรงที่ฉุดกระชากเธอแต่สู้พลังของร่างชายคนนั้นไม่ไหว “ขอบใจนะฟางเซียนที่ทำให้พวกเราสุขสบาย” เสียงจิ้นหงตะโกนอย่างเยาะเย้ยและสะใจที่ตัดกาฝากอย่างเธอออกไปจากชีวิตได้ “ไม่! ปล่อยนะ ป้าเหยา เจ้หง ช่วยหนูด้วย!” เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของเธอส่งถึงคนที่ถูกเอ่ยชื่อ เพียงแต่พวกเขาเลือกเมินเฉยแล้วมีความสุขกับเม็ดเงินที่แลกมาด้วยชีวิตของคน ๆ หนึ่ง อย่างไม่มีความละอายแก่ใจ “ขึ้นรถ!” ตุ้บ! หัวไหล่มนกระแทกเข้ากับขอบรถจนรู้สึกเจ็บแปลบ ร่างกายทุกส่วนบอบช้ำเพราะการขัดขืน ชายสองคนนั่งขนาบข้างเธอเพื่อให้ไร้หนทางหลบหนี ก่อนที่รถยนต์สีดำมะเมื่อมจะเคลื่อนออกไปจากบ้านที่เธออาศัยอยู่ “ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ” ตอนนี้รู้แล้วว่างานที่พวกเขาให้ทำไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ๆ เงินค่าตัวที่สูงลิ่วขนาดนั้น เธอไม่อยากจินตนาการเลยว่ามันคือการค้ามนุษย์ที่คนเป็นป้าทำกับเธอได้ลงคอ “อย่าแค้นพวกเราเลยคนสวย ต้องโทษสองแม่ลูกหิวเงินนั่นที่ทำลายชีวิตเธอ” ก็ถูกของเขา... ถ้าป้าเหยาไม่รับเงิน เธอคงไม่อยู่ในสภาพนี้ แต่ถ้าเธอยอมรับชะตากรรมนี้ เธอก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วเช่นกัน “โอ๊ย! นังบ้าเอ๊ย!” เสียงชายที่นั่งข้าง ๆ เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อฟางเซียนตัดสินใจกัดเข้าที่หูของชายคนนั้น ส่วนอีกคนที่นั่งอีกฝั่งรีบดึงเธอออกแต่ก็ถูกแรงเท่ามดในคราวแรกกระแทกเข้าเต็ม ๆ ที่ของรักของหวงจนเจ็บจุก รถที่เคลื่อนตัวอยู่รีบจอดทันทีเพื่อหวังจะสั่งสอนให้หลาบจำ ร่างบางถูกลากลงมาจากรถอย่างไม่มีความเมตตาสงสารใด ๆ ทั้งสิ้น ผลักเธอให้กองอยู่ข้างถนน มือหนาของคนใจร้ายง้างขึ้นหมายจะตบตี ปี้น ๆ เสียงแตรรถปริศนาคันหนึ่งขับผ่านมาพอดี จึงบีบแตรส่งสัญญาณ แต่พวกเขาไม่ได้ตกใจหรือเกรงกลัวรถอีกคันที่ขับมาเลยสักนิด นี่มันถิ่นเขา ใครจะใหญ่ไปกว่าเจ้านายที่คุมเขตกว่างโจว ทั้งเมืองกันล่ะ “ฉุด?” คำถามสั้น ๆ ดังขึ้นพร้อมร่างกำยำผมสีดำสวมสูทสีเดียวกับผมเดินลงมาจากรถหรูคันที่เพิ่งบีบแตรใส่พวกเขา เค้าโครงหน้าไม่ใช่คนประเทศตนแน่ ออกไปแนวคนชาติญี่ปุ่นมากกว่า แต่กลับพูดภาษาถิ่นได้ชัดขนาดนี้น่าจะไม่ใช่ผู้ผ่านทางธรรมดา “ถ้าไม่อยากไปเฝ้ายมบาลก็ไสหัวไปซะ!” เสียงตะโกนกร้าวเบ่งความยิ่งใหญ่จากชายคนที่กำลังจะง้างมือขึ้นทำร้านผู้หญิงดังขึ้น “ครับนาย” ผู้มาเยือนคนใหม่ใช้มือแตะเครื่องสื่อสารที่ติดอยู่ในหูเพื่อรับคำสั่งจากนายที่อยู่ในรถให้จัดการสวะพวกนี้ให้สิ้นซาก ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินอย่างองอาจไปด้านหน้าอย่างไม่กลัวคนกลุ่มหนึ่งที่มีมากกว่าตนถึงสี่เท่า เจ้าผอมหนึ่งในแก๊งที่เพิ่งฉุดฟางเซียนมารีบปรี่เข้าหมายจะทำผลงานแต่ถูกสับศอกลงท้ายทอยจนสลบเหมือด คนอื่น ๆ เห็นท่าไม่ดีเตรียมจะล้วงปืนออกมาจัดการให้จบ ๆ ไปแต่เสียงปืนจากกระบอกอื่นจากฝ่ายตรงข้ามกลับดังขึ้นก่อน แถมเข้าเป้าที่หน้าขาชายคนที่สองที่เป็นพวกเดียวกันกับคนแรกที่สลบไปแล้ว “ลากตัวยัยนั่นขึ้นมา!” เสียงคนที่มีหน้าที่ขับรถตะโกนเรียกพรรคพวกเมื่อเห็นท่าไม่ดี ร่างบอบบางของฟางเซียนถูกกระชากกลับขึ้นรถอีกครั้ง แต่นั่นช้ากว่าชายแปลกหน้าที่เป็นพลเมืองดี เขาคว้าแขนเธอไว้ทันแถมส่งลูกถีบเข้าเต็มหน้าท้องสมุนอีกคนของแก๊งอันธพาลจนล้มจุกกลิ้งไปมาบนพื้นแข็ง บรืนนนน~ เสียงล้อลดเบียดถนนพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่คิดเหลียวแลเพื่อนสามคนที่นอนกองอยู่ตรงนี้ “ไสหัวไป ถ้าอยากมีชีวิตอยู่” พลเมืองแปลกหน้าผู้ใจดีแต่น่ากลัวเอ่ยเสียงทุ้มบอกอีกฝ่าย ก่อนจะพยุงร่างบางที่บอบช้ำไปทั้งร่างกายแถมสลบไปตอนไหนก็ไม่รู้ขึ้นรถที่จอดสนิทอยู่ทันที “ขอบใจ” เขาเอ่ยบอกเจ้าของกระสุนเมื่อสักครู่ที่เป็นเพื่อนกันก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่อีกฝั่งข้างคนขับ “นายจะเอายังไงต่อ” เจ้าของกระสุนนั้นถามผู้เป็นนายที่นั่งมองร่างบางที่ไร้สติอย่างเดาความคิดไม่ออก “กลับ!” สิ้นคำสั่งนั้น รถหรูก็ขับทะยานกลับสู่ที่พักทันที ทุกอย่างถูกชายฉกรรณ์สามคนที่ถูกลอยแพจดจำรายละเอียดเท่าที่จำได้ไว้ในสมอง พวกเขาต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องนายเพื่อลบความผิด พลาดในครั้งนี้ คิดมีเรื่องกับ ‘เฉิง กวง หมิน’ ผู้มีอิทธิพลดำมืดในกว่างโจวเท่ากับเอาขาข้างหนึ่งเหยียบนรกไปแล้ว ประเทศไทย 4 เดือนต่อมา ‘ไม่นะ ปล่อย!’ เฮือก!! ฉันสะดุ้งจากฝันร้ายจากเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผากจนต้องยกมือขึ้นปาดแล้วปาดอีก “ตื่นแล้ว” “อะ!” เสียงทุ้มดังขึ้นอยู่ข้างเตียงทำเอาฉันตกใจรีบลุกพรวดขึ้นจากการนอนหายใจหอบเหนื่อยทันที ผู้ชายผมสีเงิน ดวงตาแสนเย็นชา สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำตลอดเวลา กำลังนั่งจ้องหน้าฉันอย่างไม่อาจคาดเดาความคิดได้ “ฝันร้ายอีกแล้ว” คำตอบแรกฉันยังไม่ได้ตอบเขาเลย แต่คิดว่าไม่จำเป็นแล้วแหละ “ค่ะ” ตอบเขาเสียงอ้อมแอ้ม ผู้ชายตรงหน้าเขาคือผู้มีพระคุณที่ช่วยฉันจากการถูกป้าแท้ ๆ ขายให้กับแก๊งมาเฟียตอนอยู่ที่บ้านเกิด จนจับพลัดจับพลูได้ติดสอยห้อยตามเขามาอยู่ที่ประเทศไทย “ไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ฉันจะพาเธอไปเข้าเรียน” ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้น ก่อนคำถามต่อมาจะหลุดออกจากปากอย่างลนลาน “คุณเพลิงกัลป์จะพาหนูไปเรียนเหรอคะ” ตอนนี้ฉันมีสองอารมณ์ในคำถามนั้น ‘ดีใจ’ ที่จะได้ไปเรียน กับ ‘ตื่นเต้น’ ที่จะได้ไปทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันมาโดยตลอด “อืม” คำตอบสั้น ๆ ดังขึ้น คุณเพลิงกัลป์เคยมีรอยยิ้มบ้างไหมนะ? ถึงเขาจะเป็นคนหน้าตาดี แต่เท่าที่ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กในปกครองของเขา ยอมรับเลยว่ายังไม่เคยเห็นมุมอ่อนโยนหรือแม้แต่รอย ยิ้มของเขาเลยสักครั้งเดียว “มองอะไร” เสียงกึ่งดุถามขึ้น “เปล่าค่ะ” ฉันรีบส่ายหน้าไปมา ก้มหน้างุดหลบสายตานั้นทันที ร่างสูงคงเสร็จธุระกับฉันแล้ว เขาเลยค่อย ๆ ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากห้องฉันไป “เสื้อผ้า... ฉันแขวนไว้ตรงนั้น” มองตามสายตาที่เขาโฟกัส เห็นชุดนักศึกษาความยาวน่าจะคลุมเข่าอยู่ชุดหนึ่ง “รีบอาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ อย่างไม่ออกเสียงเพราะรู้สึกเกร็งทุกครั้งที่อยู่กับเขาตามลำพัง “แค่เอาชุดมาให้เหรอ?” พึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาสั่งให้แม่บ้านเอามาให้ก็ได้ แต่นี่ลงทุนเดินจากชั้นสองเอามาให้ฉันที่อยู่ชั้นสี่ ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่เคยรู้เหตุผลที่เขาช่วยฉันรวมถึงพาฉันมาที่นี่เลยสักเหตุผลเดียว พาร่างบอบบางที่หนักเพียงแค่สี่สิบสามเพราะกินไม่ค่อยได้เนื่อง จากแปลกที่ ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ เดินไปจับชุดนักศึกษาที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะสวมมันมานานมากแล้วแม้จะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ใส่ชุดของประเทศเพื่อนบ้านนี้ก็ตาม “นี่เรากำลังจะได้เรียนจริง ๆ ใช่ไหม” รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ตอนที่อยู่ที่กว่างโจว ฉันเคยเรียนกับโรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีอาจารย์มาเปิดสอนเด็กยากจนให้พออ่านออกเขียนได้ แต่ด้วยความที่ฉันมีพื้นฐานตอนเรียนมัธยมต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วฉันเลยเก่งกว่าเด็กคนอื่น ๆ ถามว่าฉันมีพื้นฐานได้ยังไงน่ะเหรอ? เพราะตอนมัธยมต้นฉันยังไม่สูญเสียแม่แท้ ๆ ไปยังไงล่ะ ท่านเพิ่งมาจากฉันเพราะโรคร้ายตอนฉันอายุสิบเจ็ด และเพียงแค่ปีเดียวที่อยู่กับป้าเหยา พี่สาวแท้ ๆ ของแม่ ชีวิตฉันก็เปลี่ยนจากเด็กไฮโซกลายเป็นยาจกในเวลาไม่ถึงสามเดือน สาเหตุน่ะเหรอ? ก็เพราะผีพนันไงล่ะ..! ป้าเหยาติดพนัน เล่นอย่างหามรุ่งหามค่ำอยู่ในกาสิโนเถื่อน ตอนแรก ๆ ฉันก็เห็นท่านอารมณ์ดี มีขนมและของฝากติดไม้ติดมือมาให้ฉันกับเจ้หงตลอด แต่ผ่านไปไม่ถึงสองเดือนเต็มด้วยซ้ำ จากเพชรเต็มคอ แก้วแหวนเงินทองเต็มบัญชี ท่านก็เริ่มเข้ามาวุ่นวายที่สมบัติของแม่ฉันที่ทำพินัยกรรมให้ท่านเป็นผู้ดูแลมรดกพวกนั้นจนกว่าฉันจะบรรลุนิติภาวะ จนอยู่มาวันหนึ่ง มีกลุ่มชายน่ากลัวหลายสิบคนเข้ามายึดบ้านฉันที่เป็นหนึ่งในมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้ ยึดรถยึดโฉนดที่ดิน ทุก ๆ อย่างที่เป็นของ ‘จินฟางหรง’ หรือแม่แท้ ๆ ของฉันเอง รีบสะบัดหัวไล่อดีตที่ขมขื่นออกไปแล้วกลับมาสู่ปัจจุบัน ฉันต้องรีบไปอาบน้ำเพราะไม่อยากเสียมารยาทให้ผู้ใหญ่รอนาน แต่พอส่องกระจกทีไรหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น ตรงปีกไหล่ด้านหลังฉันมีรอยแผลเป็นยาวประมาณห้าเซนฯ ได้ ที่มาของแผลนี้ก็เกิดจากเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันได้พบกับคุณเพลิง กัลป์นั่นแหละ ฉันอยากลบรอยนี้! แต่ก็อยากเก็บไว้เตือนสติและความทรงจำตัวเองว่าสาเหตุที่แท้ จริงเกิดจากใคร ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็รีบขึ้นลิฟต์ลงมาชั้นล่าง บ้านที่ฉันอาศัยอยู่ตอนนี้ เห็นคุณเพลิงกัลป์บอกว่ามันคือเพนต์เฮาส์ของเขา มีทั้งหมดสี่ชั้น... ชั้นบนสุดมีสามห้อง และหนึ่งในนั้นคือห้องนอนส่วนตัวของฉัน ส่วนชั้นสามทั้งชั้น ฉันไม่เคยได้เหยียบมันเลยเพราะเป็นชั้นส่วนตัวของเขา ถัดลงมาเป็นห้องทำงาน และชั้นสุดท้ายที่ยืนอยู่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องออกกำลังกาย ห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องครัว แบ่งตามสัดส่วนกันไป “มาแล้วเหรอ” ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ที่ดูอ้างว้างเพราะเรานั่งทานกันแค่สองคน เสียงทุ้มทรงอำนาจของเจ้าบ้านก็ถามขึ้น “ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ” ไม่รู้ว่าตัวเองอาบน้ำแต่งตัวนานไปไหม แต่ฉันเป็นแค่ผู้อาศัยที่ค่อนไปทางคนแปลกหน้าสมควรจะมาถึงโต๊ะอาหารก่อนเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “นั่งสิ” เก้าอี้พนักพิงหลังทรงสูงถูกลูกน้องเขาที่ชื่อ ‘คุณฮาเทชิ’ ลากออกพอประมาณให้ร่างน้อย ๆ ของฉันสอดแทรกเข้าไปนั่งได้สะดวก “ขอบคุณค่ะ” รู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้ “สี่เดือนแล้วยังไม่ชินอีกหรือไง” ร่างสูงมีสง่าราศีนั่งไขว่ห้างมือข้างหนึ่งจับแก้วกาแฟดำของโปรดขึ้นจิบ ส่วนมืออีกข้างถือแท็บเล็ตเครื่องหรูตลอดเวลาเอ่ยถามขึ้นพร้อมเหลือบมองฉันเล็กน้อย “ค่ะ” ไม่รู้จะตอบแบบไหนดี เลยได้แต่พยักหน้าและตอบออกไปคำเดียว สี่เดือนสำหรับการกินอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นชินเลย กลับกัน รู้สึกว่ายิ่งอยู่ฉันยิ่งเกร็งและอึดอัดเพราะบ้านหลังนี้หาคนที่ยิ้มและหัวเราะได้ยากมาก “สุดหล่อมาแล้วครับนาย” เสียงทุ้มอีกเสียงดังขึ้น ส่วนสูงร้อยแปดสิบกว่า ร่างกายกำยำ ไถผมเปิดข้าง ทรงฮิตของวัยรุ่นแนว ๆ มาเฟียที่ฉันเคยอ่านในการ์ตูนมังงะ เดินฉีกยิ้มกว้างมาหาผู้เป็นนาย คงมีแค่เขาคนนี้นี่แหละที่มีอารมณ์ขันและคอยสร้างสีสันให้กับบ้านหลังนี้ไม่ให้ดูวังเวงจนเหมือนปราสาทผีดิบ “อารมณ์ดีอะไรแต่เช้า” ฉันนั่งฟังเจ้านายกับลูกน้องคุยกันเงียบ ๆ สองมือวางบนตัก เผลอขยำเนื้อผ้าของกระโปรงเล่นบ้างเพราะไม่มีอะไรทำ “คิดถึงนายไง” ความทะเล้นของ ‘คุณทัศน์เทพ’ ทำเอาเจ้านายผู้มีดวงตาแสนเย็นชาตวัดมองอย่างไม่เล่นด้วย “นายอย่าเย็นชานักสิ น้องเขากลัวตัวสั่นไปหมดแล้ว” จู่ ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในบทสนทนา “ทานสิ ไม่ต้องรอ” คนตัวโตวางท่าภูมิฐานเอ่ยบอกฉัน ยิ่งเขาไม่ทาน และยิ่งตรงนี้มีคนหลายคนฉันยิ่งไม่กล้าจับช้อน “พวกมึงออกไปรอข้างนอก” เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องคนอื่น ๆ รวมถึงคุณทัศน์เทพและคุณฮาเทชิเองก็ด้วย “ทานสิ” เหมือนเขาคอยสังเกตฉันตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่เวลาลอบมองหน้าเขา ฉันไม่เคยเห็นอาการใส่ใจของเขาส่งมาให้เลยสักนิด “วันนี้มีนัดไปรับยา” ถ้าเขาไม่พูดขึ้นมาฉันคงลืมไปแล้ว “ขอบคุณค่ะที่เตือน” ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท ส่วนยาที่ว่าคือยาบำรุงร่างกาย หลังจากฉันตัดสินใจตามคุณเพลิงกัลป์มาที่นี่เขาก็พาฉันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าฉันขาดสารอาหารจนต้องทานยาบำรุงจนกว่าน้ำหนักจะขึ้นและร่างกายแข็งแรงดี “ทัศน์เทพจะเป็นคนพาไป” “...” คิ้วฉันขมวดมุ่นเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอ่ยถาม “คุณเพลิงกัลป์ไม่ไปด้วยเหรอคะ” ดูเรื่องมากไปไหมนะ เพราะปกติตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ถ้าออกไปข้างนอกจะต้องมีเขาอยู่ด้วยตลอด ถึงแม้นาน ๆ ที จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาก็เถอะ “ฉันจะพาเธอไปสมัครเรียน เสร็จแล้วต้องไปธุระต่อ” ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย “ทานเถอะ” เขาบอกฉันอีกครั้ง ทว่าจู่ ๆ ก็นึกเรื่องสำคัญเรื่องอื่นขึ้นมาได้ “สมัครเรียนต้องมีเอกสารอะไรบ้างคะ” ฉันเหมือนคนต่างชาติที่ไม่มีอะไรเลยแม้สิ่งที่บ่งบอกตัวตนของตนเอง แบบนี้จะไปสมัครเรียนได้อย่างไรกัน “ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมให้เธอเรียบร้อยแล้ว” ไม่ว่าเปล่า คนตัวโน้มตัวไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าสำหรับใส่เอกสารบาง ๆ วางไว้บนโต๊ะ “บัตรประจำตัวแสดงความเป็นคนของประเทศนี้ วุฒิการศึกษามัธยมปลาย ใบเกิด ทะเบียนบ้าน เอกสารทุกอย่างที่ใช้สมัครเรียนอยู่ในนั้นครบ” “...” นั่งฟังแล้วก็ได้แต่ตกใจ เขาละเอียดมากเลย ว่าแต่... “ขัติมากร นามฑีธรรม์... นี่ไม่ใช่นามสกุลหนูนี่คะ” ชื่อน่ะใช่ วันเดือนปีเกิดก็ถูกต้อง ส่วนนี้น่าจะเอามาตอนกรอกประวัติที่โรงพยาบาล แต่นามสกุลนี้ไม่ใช่นามสกุลฉัน “ต่อไปเธออยู่ในฐานะน้องสาวของทัศน์เทพ” หมายความว่านามสกุลที่อยู่ในบัตรนี้คือนามสกุลคุณทัศน์เทพสินะ “แล้วทำไม...” “เธอไม่กลัวพวกนั้นตามตัวเจอหรือไง” ราวกับเขารู้ทันว่าฉันจะถามว่าอะไร แต่ที่เขาพูดมาก็ถูก ถ้าฉันใช้ชื่อจริง นามสกุลจริงที่ทางบ้านฉันรู้ หากเกิดว่าพวกเขาตามตัวฉันอยู่คงหลบหนีได้อีกไม่นานแน่ “ขอบคุณนะคะ” เก็บเอกสารจำเป็นพวกนั้นใส่ไว้ที่เดิมพร้อมยกมือไหว้ผู้มีพระคุณที่ทำเพื่อฉันมากมายหลายอย่าง “ต่อไปเธอจงใช้ชีวิตใหม่ที่นี่ให้มีความสุขที่สุดก็พอ” ชีวิตใหม่ที่มีความสุขงั้นเหรอ? “ฉันอ่านประวัติของจริงเธอจากทางโรงพยาบาลแล้ว นามสกุลเธอเป็นของคนไทยแน่ ๆ ถ้าอยากตามหาญาติฝั่งนี้บอกฉันได้นะ” “ไม่ค่ะ!” รีบพูดแทรกอย่างเสียมารยาท ก่อนเอ่ยต่อมาในน้ำเสียงปกติ “หนูไม่มีญาติที่นี่ หนูอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ตัวคนเดียวค่ะ” ในเมื่อคนที่ฉันเคารพทำร้ายฉันแบบนั้น ฉันก็จะยอมทิ้งตัวตนที่แท้จริงไป อยู่แบบในสิ่งที่คนแปลกหน้าแต่กลับจิตใจดีสร้างให้เป็น “ถ้าอิ่มแล้วก็ตามมา” คุณเพลิงกัลป์มองฉันเหมือนอยากล้วงหาอะไรบางอย่างในดวงตาคู่สวย แต่ก็แค่แวบเดียวที่เขาทำเหมือนอยากรู้แล้วก็ปล่อยวางไปในที่สุด ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาเงียบ ๆ ก่อนจะตั้งสัตย์ให้กับตัวเอง “หนูจะทดแทนบุญคุณคุณเพลิงกัลป์ไปตลอดชีวิต” จากนั้นก็ลุกจากเก้าอี้ เดินตามเขาไปขึ้นรถที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
12.8K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.0K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
3.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
37.1K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
11.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook