ตอนที่ 10 ไม่ชอบให้ใครถูกตัว

1486 Words
"โอ๊ยย!" “งืออ ขอโทษนะคะ คือฉันไม่ได้ตะ…พี่เจได! มิรินถึงกับตกใจเมื่อตัวเองดันเปิดประตูไปจนโดนหน้าคนด้านนอกอย่างแรงจึงรีบพูดขอโทษ ตากลมเบิกตากว้างตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นคนที่เธอเปิดประตูไปชนเขา ส่วนเจไดที่กำลังจับหน้าผากตัวเองอยู่ก็ต้องชะงักตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมิรินมาอยู่ที่คอนโดตัวเอง “พี่เจไดหนูขอโทษไหนขอหนูดูหน้าผากหน่อยค่ะ” มิรินรีบจับมือเจไดที่กำลังจับหน้าผากตัวเองอยู่ออกด้วยสีหน้าเป็นห่วง ร่างบางยืดตัวไปดูหน้าผากเขาใกล้ๆ เพราะความสูงของเจไดทำให้หน้าผาเธออยู่ถึงแค่ปากเขาเท่านั้น ร่างสูงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ปากตัวเอง แถมกลิ่นหอมจากตัวเธอยังแตะจมูกเขาอีกทำเอาเจไดถึงกับอยากจับเธอมาจูบให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่อีกความคิดก็ตีกันไปมาพยายามหักห้ามใจไว้จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ ให้เธอดูหน้าตัวเองเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรแถมยังยอมให้เธอจับแขนตัวเองไว้โดยไม่คิดจะสลัดออกทั้งๆ ที่ปกติเขาไม่เคยและไม่ให้ผู้หญิงคนไหนมาจับแขนนานๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ “งืออ แดงเลยพี่เจได ขอโทษนะคะหนูไม่ได้ตั้งใจ ตามหนูมานี่ก่อนนะคะ” “ตามไปไหน” เจไดถามมิรินเสียงเรียบเมื่อมิรินกำลังจะดึงแขนเขาเดินไปทางที่จอดรถ “ไปรถหนูก่อนนะคะ หนูมียาทาอยู่ที่รถเดี๋ยวหนูทายาให้ค่ะ” มิรินตอบเจไดพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิดจนร่างสูงใจกระตุกวูบ เป็นครั้งแรกที่เธอทำหน้ากังวลแบบนี้เพราะสองครั้งที่เจอเธอ มิรินมักกะยิ้มสดใสให้เขาเสมอทั้งๆ ที่เขาทั้งดุทั้งเย็นชาใส่เธอ แถมเขาในตอนนี้ยังรู้สึกไม่ชอบตอนที่เธอทำหน้าเศร้าแบบนี้เลยสักนิดโดยไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของมิรินร่างสูงก็ยอมให้เธอจับแขนเดินไปที่รถอย่างว่าง่ายเพราะดูท่าเธอคงจะไม่สบายใจถ้าไม่ได้ทายาให้เขา “พี่เจไดนั่งก่อนนะคะ” เมื่อมาถึงรถแล้วมิรินก็เปิดประตูรถแล้วดันตัวเจไดนั่งที่เบาะหน้าโดยหันหน้ามายังด้านข้างรถ เมื่อเจไดนั่งแล้วมิรินก็รีบไปหยิบหลอดยาที่กล่องปฐมพยาบาลหลังรถที่เธอเตรียมไว้ฉุกเฉิน “มาค่ะ เดี๋ยวหนูทายาให้” พูดจบมิรินที่ยืนตรงหน้าเจไดก็โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อแล้วทายาที่หน้าผากให้เขาอย่างเบามือ ส่วนเจไดก็ได้แต่จ้องใบหน้าสวยที่ตอนนี้หน้าเธออยู่ใกล้หน้าเขาแค่คืบแถมปากบางยังเม้มเหมือนตั้งใจทายาให้เขาอยู่ทำเอาเจไดถึงกับใจเต้นแรงอารมณ์เริ่มพลุ่งพล่านเพราะการที่เธอเม้มปากแบบนี้มันช่างดูเซ็กซี่ในสายตาเขาเหลือเกิน “พี่เจไดเป็นอะไรคะ ร้อนหรอคะทำไมเหงื่อออก” มิรินละสายตามาสบตาเจไดแล้วเอ่ยถามเขาขึ้นด้วยตวามเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเริ่มมีเหงื่อออกจนเจไดถึงกับต้องหันหน้าหนีหลบตามิรินเพราะกลัวจะทนไม่ไหว “ทาเสร็จก็ถอยออกได้แล้ว รู้จักระวังตัวบ้างผู้ชายไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษทุกคนหรอกนะ” เจไดพูดกับมิรินเสียงดุเมื่ออยู่ๆ เผลอนึกคิดว่ามิรินอาจจะทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนเพราะลักษณะเธอเหมือนเป็นผู้หญิงสดใสคิดบวกตลอดเวลา “พูดแบบนี้แสดงว่าพี่หวั่นไหวกับหนูหรอคะ” มิรินพูดขึ้นแล้วโน้มหน้าไปใกล้เจไดมากกว่าพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาจนเจไดถึงกับเอนหลังไปด้วยความตกใจเพราะเธอโน้มหน้ามาใกล้จนจมูกจะชนกันอยู่แล้ว “เธอหลงตัวเองเกินไปรึเปล่า ฉันไม่ชอบเด็กกะโปโลอย่างเธอหรอกนะ” เจไดพูดขึ้นเสียงเรียบพยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่แสดงออกให้มิรินเห็น “เด็กกะโปโลที่ไหนหนูเป็นสาวมหาลัยแล้วนะคะ อีกอย่างพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องที่หนูเข้าใกล้ผู้ชายแบบนี้หรอกค่ะ เพราะนอกจากพ่อกับพี่ชายหนูพี่คือผู้ชายคนแรกที่หนูเข้าใกล้แบบนี้ พี่สบายใจได้ค่ะ” มิรินตอบเจไดด้วยรอยยิ้มทำเอาเจไดถึงกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาดันเผลอไปมองช่วงอกเธอที่เผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในเล็กน้อยเพราะมิรินยังโน้มหน้ามาใกล้เขาอยู่ “ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันเรื่องเข้าใกล้ผู้ชาย เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ” เจไดพูดกับมิรินเสียงแข็งแต่มิรินก็ไม่ได้โกรธอะไรเขากลับยิ้มใส่จนเจไดถึงกับงง “ตอนนี้ยังไม่เป็นแต่ต่อไปพี่ได้เป็นแน่นอนค่ะ เพราะหนูชอบพี่และคนที่จะเป็นแฟนหนูต้องเป็นพี่คนเดียวเท่านั้น” เจไดถึงเบิกตากว้างตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะบอกชอบเขาตรงๆ แบบนี้ “เธอเป็นผู้หญิงนะมาบอกชอบผู้ชายก่อนแบบนี้ได้ไง แล้วอีกอย่างเธอไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะมีแฟนหรอ” เจไดพูดขึ้นทันทีเมื่อมิรินสารภาพรักกับเขา “เอ้า! หนูข้ามขั้นตอนไปหรอคะ งั้นเอาใหม่ หนูถามก่อนแล้วกันเนาะ พี่มีแฟนยังคะ” มิรินเอ่ยถามเจไดด้วยรอยยิ้มขณะที่ยังอยู่ในท่าโน้มตัวไปหาเจไดอยู่ “เธอนี่ดื้อรั้นจริงๆ” เจไดทั้งพูดทั้งถอนหายใจใส่มิรินเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ “หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย เร็วสิคะ หนูถามพี่อยู่นะว่าพี่มีแฟนยัง” มิรินยังถามคำถามเดิมกับเจไดพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนๆ ทำเอาหัวใจเขาถึงกับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ไม่มี” เจไดเผลอตอบมิรินไปโดยไม่รู้ตัวจนได้แต่ด่าตัวเองในใจว่าไปตอบเธอทำไม “โอเค พี่ไม่มีแฟนแสดงว่าหนูจีบได้ อิอิ” มิรินพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นอย่างชอบใจ “ได้คำตอบก็ถอยออกไปได้แล้ว ฉันไม่ชอบให้ใครมาถูกตัวฉันแบบนี้” เจไดพูดเสียงแข็งกลบเกลื่อนอารมณ์ตัวเองเพราะมือข้างหนึ่งของมิรินนั้นกำลังทาบที่อกแกร่งของเขาอยู่ “ไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แต่ชอบถูกตัวคนอื่นแทนหรอคะจับเอวหนูไม่ปล่อยเลยนะ” มิรินพูดแซวเจไดทันทีเพราะตั้งแต่เธอโน้มตัวมาใกล้เขาเจไดก็จับเอวเธอมาตลอด ทำเอาเจไดถึงกับรีบปล่อยมือออกจากเอวเธอเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าไปจับเอวเธอตั้งแต่ตอนไหน จนมิรินได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลักของเจไดแล้วผละตัวออกมายืนอยู่นอกรถ ส่วนเจไดเมื่อเธอผละตัวออกแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วตั้งท่าจะเดินไปทันที “เดี๋ยวก่อนสิคะพี่เจได พี่จะไปไหนคะ” เจไดหยุดชะงักทันทีเมื่อมิรินเอ่ยถามพร้อมกับจับแขนเขาไว้ “เธอทายาเสร็จแล้วนิ จะให้ฉันอยู่ทำไมอีก” เจไดหันไปพูดกับมิรินเสียงเรียบ “พี่กินอะไรยังคะ เราไปกินข้าวด้วยกันมั้ยคะ” มิรินเอ่ยชวนเจไดด้วยรอยยิ้ม “หึ อย่ามาเนียนชวนฉันไปกินข้าว ฉันไม่ได้ลืมข้อเสนอที่เธอตกลงรับคำกับฉันไว้นะ” เจไดพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปาก ส่วนมิรินก็ยิ้มกวนๆ ใส่เจไดทันทีทำเอาเจไดถึงกับมองมิรินด้วยความแปลกใจ “นายชนาธิป กิตติไพศาล เรียนวิศวกรรมเครื่องกล ปีสาม ทีนี้ไปกินข้าวกับหนูได้ยังคะ” มิรินพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างใส่เจไดอย่างผู้ชนะเธอรู้ชื่อจริงของเจไดโดยที่ไม่ต้องพึ่งแก๊งพี่ชายแต่ให้ลูกน้องของพ่อตัวเองไปสืบแทนโดยมิรินให้ลูกน้องสืบหาแค่ชื่อจริงของเจไดแค่นั้น ส่วนเรื่องอื่นเธออยากเรียนรู้กับเจไดด้วยตัวเองเลยไม่รู้ว่าเจไดนั้นพักอยู่คอนโดนี้เหมือนกันโดยที่มิรินไม่ได้รู้มาก่อนเรียกว่าเป็นความบังเอิญแค่นั้นเอง คำพูดของมิรินทำเอาเจไดถึงกับตกใจเมื่อเธอนั้นรู้ชื่อจริงเขาแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD