เวลาเกือบตีหนึ่งเว่ยอู๋ซินมาถึงบ้านหมอเหลียง เขารีบวิ่งมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเคาะประตูบ้านอยู่สองสามที
“หมอเหลียงครับ ผมอาซินนะครับ หมอช่วยเปิดประตูให้หน่อย”
เว่ยอู๋ซินเรียกอยู่หลายครั้ง หมอเหลียงได้ยินจึงลุกมาเปิดประตูให้ เมื่อเห็นใครมาและเขามีท่าทีร้อนรนก็รู้ได้ว่าแม่หนูที่เขาไปตรวจดูเมื่อตอนเย็นคงจะทรุดหนักแล้วแน่ ๆ จึงได้รีบถามอาการ
“แม่หนูเป็นยังไง อาการไม่ดีขึ้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ไม่ดีขึ้นนะครับ หมอ แต่ทรุดหนักอีกด้วย ตอนนี้อ้ายเหม่ยเป็นไข้สูงมากนอนไม่รู้สึกตัวเลย” เว่ยอู๋ซินรีบอธิบายอาการของน้องสาวให้หมอฟัง
“ถ้าอย่างนั้นรอตรงนี้นะ หมอไปจัดยาก่อน เดี๋ยวจะรีบเอามาให้” หมอเหลียงบอกแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป
ไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับห่อยาหนึ่งเทียบแล้วก็ยาหน้าตาแปลก ๆ ในกระปุกสีขาวอีกหนึ่งกระปุก
“นี่เป็นยาต้ม เอาไว้ต้มให้แม่หนูนั่นกินเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ส่วนในกระปุกนี่เป็นยาลดไข้ของฝรั่ง ให้กินครั้งละหนึ่งเม็ดทุกหกชั่วโมง” หมอเหลียงพูดพร้อมยื่นยาให้กับเว่ยอู๋ซิน
“ขอบคุณครับหมอเหลียง ทั้งหมดเท่าไหร่ครับ” เว่ยอู๋ซินล้วงเงินในกระเป๋าออกมากำลังจะจ่ายให้
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่คิดเงิน รีบเอายาไปให้น้องสาวกินเถอะ” หมอเหลียงตอบกลับ
เนื่องจากเขาสงสารเว่ยอ้ายเหม่ยและเห็นใจครอบครัวของเธอ ลูกสาวประสบอุบัติเหตุหนักขนาดนี้ก็ไม่มีเงินพาไปโรงพยาบาล แต่นี่ก็คือทางที่ดีที่สุดที่หมอเหลียงจะสามารถช่วยได้แล้ว ก่อนจะกลับเข้าบ้าน เขาจึงภาวนาขอพรกับเทพเจ้าให้คุ้มครองแม่หนูน้อยนั้นให้ปลอดภัย
เว่ยอู่ซินเองก็รีบวิ่งกลับบ้านไปอย่างมีความหวัง มือข้างหนึ่งถือห่อยาไว้ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กำกระปุกยาลดไข้ไว้แน่น คิดว่าหากเว่ยอ้ายเหม่ยได้กินยานี้คงต้องดีขึ้น ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก ถึงแม้ว่าตนเองจะเหนื่อยหอบสักแค่ไหนก็จะไม่หยุดวิ่งเป็นอันขาด เพราะว่าเวลานี้น้องสาวเพียงคนเดียวของเขากำลังหายใจอย่างรวยรินรอเขาอยู่นั่นเอง
หลี่ฟางเจียวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลูกสาวพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่ทว่าเช็ดเท่าไหร่ร่างกายของเด็กสาวก็ไม่เย็นลงสักที สภาพเว่ยอ้ายเหม่ยตอนนี้นั้นดูซีดเซียว อีกทั้งริมฝีปากเริ่มเป็นสีม่วงคล้ำ เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาที่หน้าผากและขมับ ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัวและก็ยังไม่ได้สติคืนมา
เว่ยตงกับเว่ยเฉียนยืนรอเว่ยอู๋ซินอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าเว่ยอู๋ซินจะออกไปได้ไม่นานก็จริง แต่ด้วยความเป็นห่วงเว่ยอ้ายเหม่ยดังนั้นการรอเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ทรมานใจผู้รอเป็นอย่างยิ่ง
ฟางเสี่ยวหรงถือถ้วยยาที่ตักมาจากหม้อต้มอีกถ้วยหนึ่ง ก่อนจะใช้ช้อนค่อย ๆ ป้อนเข้าปากของเว่ยอ้ายเหม่ย ถึงแม้จะไม่ได้ต่อต้านการกินยา แต่ก็เหมือนกับว่ากินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลเช่นกัน
“มาแล้ว ๆ” เสียงร้องตะโกนดังมาจากทางหน้าบ้าน
เวลานี้เว่ยอู๋ซินกลับมาถึงแล้ว ชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงข้างเตียงที่น้องสาวของตนนอนอยู่ จากนั้นจึงได้ยื่นกระปุกยาลดไข้ให้แม่ของตนทันที
“ยาฝรั่งเหรอ ดีแล้วจะได้ให้อ้ายเหม่ยกินตอนนี้เลย” หลี่ฟางเจียวบอกด้วยรอยยิ้ม ยาฝรั่งแบบนี้นั้นหายากและมีราคาแพง ดังนั้นหากเว่ยอ้ายเหม่ยได้กินคงจะหายดีแน่ ๆ
แต่ทว่าเวลานี้เด็กสาวยังไม่รู้สึกตัวจึงไม่สามารถที่จะกลืนยาเม็ดลงไปได้ ดังนั้นผู้เป็นแม่จึงได้จัดการบดยาลดไข้นั้นผสมกับน้ำ แล้วค่อย ๆ ป้อนเข้าปากให้แทน เมื่อป้อนยาจนหมดแล้วคนทั้งบ้านก็นั่งรอคอยว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับครอบครัวตนเองหรือไม่
ฟางเสี่ยวหรงสลับกับหลี่ฟางเจียวมาเช็ดตัวให้เว่ยอ้ายเหม่ยตลอด แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีคนบ้านรองเว่ยกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเวลานั้นผ่านไปช้าและดูจะยาวนานมากเหลือเกิน พวกเขารอดูอาการของสาวน้อยอย่างใจจดจ่อ และได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเก็บความเจ็บปวดนี้เอาไว้
หลี่ฟางเจียวนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อไหว้ขอพรจากเทพเจ้าต่าง ๆ ให้ลูกสาวของตัวเองฟื้นขึ้นมา ไหว้ไปก็ร้องไห้ไปเพราะไม่รู้จะทำวิธีไหนแล้วจริง ๆ
“แม่ครับ อีกไม่นานน้องก็จะฟื้นแล้ว ได้กินยาไปแล้วก็คงจะดีขึ้น ผมเห็นคนเขาพูดกันว่ายาฝรั่งนั่นดีมากเลย กินปุ๊บก็หายปั๊บ ยังไงอ้ายเหม่ยต้องหายอย่างแน่นอน” เว่ยตงพูดปลอบใจแม่ที่กำลังร้องไห้เสียใจจนแทบจะเสียสติ ใจเขานั้นพยายามคิดในทางที่ดีเข้าไว้ และคนต่างก็พูดว่ายาฝรั่งนั้นดียังไง อีกทั้งราคายังแพงแสนแพง
“จริงอย่างที่พี่ใหญ่พูดค่ะแม่ ฉันก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน แม่อย่าเพิ่งเสียใจไปนะคะ” ฟางเสี่ยวหรงเองก็ให้กำลังใจแม่สามี เธอเห็นสภาพแม่สามีแล้วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แต่ก็จะห้ามให้ไม่เสียใจก็คงไม่ได้เช่นกันเพราะยังไงคนที่นอนไม่ได้สติก็คือลูกสาวทั้งคน
ตอนนี้ผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากกินยาเข้าไป เหมือนกับว่าเว่ยอ้ายเหม่ยจะหยุดตัวสั่นแล้ว แต่เหงื่อที่ผุดออกมายังไม่หมด ร่างกายก็ยังคงร้อนอยู่แต่ไม่มากเหมือนก่อนหน้านี้ จางอิงจับดูตัวของเว่ยอ้ายเหม่ยแล้วรีบร้องบอกทุกคนอย่างดีใจ
“ดีขึ้นแล้ว ๆ ไข้ลดลงแล้ว”
“จริงเหรอ ขอพี่ดูหน่อย” เว่ยตงพูดแล้วรีบเดินมาหาเมื่อได้ยินว่าอาการไข้ของน้องสาวนั้นลดลงแล้ว
เมื่อเว่ยตงจับดูที่หน้าผากของน้องสาว ก็พบว่าไข้ลดลงแล้วจริง ๆ ทุกคนในบ้านรองเว่ยต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ว่าก็ยังดีใจได้ไม่เต็มที่เพราะว่าตอนนี้เพียงแต่ไข้ลดลงเท่านั้น เว่ยอ้ายเหม่ยยังไม่ฟื้นคืนสติมาเลย พวกเขาตั้งความหวังไว้รอพรุ่งนี้เช้า ระหว่างนี้ก็คงต้องสลับกันเฝ้าต่อไป
“หวังว่าพรุ่งนี้อ้ายเหม่ยจะฟื้นขึ้นมานะ แล้วต้องกินยาเม็ดต่อไปตอนกี่โมง” เว่ยตงเอ่ยถามออกมาและหวังว่าน้องสาวของตนเองนั้นจะฟื้นในวันพรุ่งนี้
“ป้อนยาอีกทีก็ตอนเจ็ดโมงเช้าค่ะ” ฟางเสี่ยวหรงคือคนทำหน้าที่ป้อนยาตอบกลับสามี
“ดี ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กินยาอีกรอบก็คงจะอาการดีขึ้น ฟางเจียวก็อย่าเป็นกังวลเลยนะ” เว่ยเฉียนพูดขึ้น พร้อมกับหันไปพูดให้กำลังใจภรรยาตนเอง
คนบ้านรองเว่ยยืนดูสาวน้อยของบ้านที่นอนสลบไสลด้วยความเบาใจขึ้นมาบ้าง โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ลูกสาวและน้องสาวของพวกเขาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ลมหายใจกับหัวใจที่ยังเต้นอยู่กลับกลายเป็นของดวงวิญญาณอีกดวงที่เข้ามาแทน
ทว่าเวลานี้ ดวงวิญญาณดวงนี้ยังไม่พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง