เอวารินทร์ตะครุบปากตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมาอีก สมองประมวลเหตุการณ์ในเสี้ยววินาที หล่อนมาถึงสนามบินตอน 3 ทุ่ม และมีคนของพ่อมารับ แต่พอขึ้นรถ หล่อนกลับจำอะไรไม่ได้อีกเลย
ใบหน้างามส่ายไปมา หลับตาเค้นความทรงจำ และก็คลับคล้ายคลับคลาว่าก่อนหน้านี้หล่อนตื่นขึ้นบนเรือและหลับลงอีกครั้งเพราะ
“ยา! มีคนโปะยาสลบเรา”
สิ่งที่จำได้ทำให้ประสาทสัมผัสตื่นไปทั้งร่าง ดวงตาหวาดหวั่นมองซ้ายขวาไม่เห็นใคร ประตูห้องก็ปิดอยู่ แต่เสียงหล่อนเมื่อครู่อาจทำให้ไอ้คนพวกนั้นได้ยิน
มือคว้าผ้าห่มมาพันรอบอก ก้าวลงจากเตียงแข้งขาสั่น มองหาสิ่งที่หล่อนจะพอใช้เป็นอาวุธได้ แต่ไม่มีเลย ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากที่นอนหมอนมุ้งนี้
ร่างระหงถลาไปที่มุมหน้าต่าง พยายามมองลอดออกไปด้านนอก เพื่อหาทางหนีทีไล่ เพราะไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และคนพวกนี้ต้องการอะไรจากหล่อน มันบอกว่าเป็นคนที่พ่อส่งไปรับแต่กลับวางยาสลบแล้วพามาที่นี่ พร้อมลอกคราบหล่อนทั้งเนื้อทั้งตัว แน่ใจว่าพวกมันเป็นคนเลว
ดวงตาไม่ยอมแพ้แม้จะมีแววหวาดหวั่นมองสำรวจด้านนอก แดดร่มกับเสียงนกที่ยังร้องก็บอกว่านี่เป็นเวลาเย็น และน่าจะเกือบ 20 ชม. แล้วที่พวกมันลักพาตัวหล่อนมา ป่านนี้พ่อกับพี่คงตามหาหล่อนให้วุ่นแล้ว
เอวารินทร์เดินตรงไปที่ประตู และก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก
เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากบ้านไม้ไผ่ทำให้มาร์ตินตื่นตัว ร่างสูงใหญ่หันมองไปยังทิศทางของเสียง คาดว่าอีกไม่กี่นาทีคนด้านในต้องออกมาแน่ และก็เป็นจริง
ร่างขาวอมชมพูที่ห่อหุ้มตัวเองด้วยผ้าห่มของไอ้เข้ม ค่อยๆ เยี่ยมกายออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เปอร์เซ็นต์ความกล้าคงมีมากกว่ากลัว เพราะเขาได้ยินเสียงหล่อนร้องกรี๊ดครั้งเดียวแล้วเงียบไป คงกำลังคิดหาทางหนีทีไล่
ใบหน้าหล่อภายใต้แมสปิดหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากเก๋ เพราะสภาพของลูกสาวไอ้อำนาจทำให้เขาสะใจชะมัด ไม่เสียทีที่เป็นลูกไอ้คนเลวน้องไอ้คนชั่ว เรื่องแค่นี้หล่อนยังตั้งสติได้ไม่ยาก นี่ขนาดว่าเขาแก้ผ้าหล่อนไว้แล้วนะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงกรีดร้องโวยวายอย่างเสียสติ แต่หล่อนกลับทำท่าจะหนี
มาร์ตินยังคงแค่นยิ้ม ดวงตามาดร้ายมองไปยังร่างห่อด้วยผ้าห่มที่เดินช้าๆ อย่างทุลักทุเล บอกตัวเองว่าเขาคิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้ ในเมื่อต้องต่อกรกับไอ้พวกคนเลวไร้ศีลธรรม ไร้ความเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ร่วมโลก โดยที่กฎหมายเอาผิดพวกมันไม่ได้ เพราะเงินมันใหญ่กว่าบาปกรรม เขาก็พร้อมจะโยนศีลธรรมทิ้งเช่นกัน
แต่เขาก็ยังมีมโนธรรมมากกว่าพวกมันนิดหน่อย ขอเพียงได้เงินคืน เขาจะยุติทุกอย่าง แต่ก็คงต้องมีอะไรเป็นหลักประกันกันบ้าง เช่น ภาพลับเฉพาะ ที่แอบถ่ายตอนเอวารินทร์ยังสลบอยู่ เพื่อไอ้อำนาจกับไอ้อาทิตย์จะได้ไม่กล้ามามีเรื่องกับเขาอีก
“ช่วยไม่ได้นะเอวา เธออยากเกิดมาเป็นลูกเป็นน้องไอ้คนชั่วทำไม ก็ต้องได้รับกรรมไปพร้อมๆ กับพวกมันนั่นแหละ”
เพราะไม่เคยรุนแรงกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน สิ่งที่ทำนี้จึงฝืนใจกันสักหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว สิ่งใดที่จะทำให้ไอ้สองคนพ่อลูกเต้นได้ เขาก็ไม่เว้นที่จะคว้าเอาไว้ และเมื่อสายรายงานว่าลูกสาวไอ้อำนาจกลับจากเมืองนอก มันก็ใช้ได้ผลจริงๆ แค่ภาพกับคลิปนิดหน่อย ไอ้อำนาจก็เต้น แต่เอวารินทร์ต้องแลกมากับเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้เขาได้มอง... ชื่นชม
แวบหนึ่งของความคิดทำให้มาร์ตินต้องแค่นยิ้ม บอกตัวเองว่าสวยกว่าเอวารินทร์เขาก็เห็นมามากต่อมาก ที่รู้สึกแปลกและตะขิดตะขวงใจ นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครมากกว่า โดยเฉพาะจับผู้หญิงเปลื้องผ้าตอนไม่รู้สึกตัว ก็ไม่ต่างจากเขาลักหลับ แม้จะไม่เห็นอะไรมากไปกว่าทรวงอก เพราะเขาคลุมร่างหล่อนตลอดตอนที่ถอดเสื้อผ้า แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดี
ดวงตาคมเข้มจ้องหล่อนไม่วางตา แม้จะห่มคลุมผ้าทั้งตัว แต่เขากลับเห็นทะลุไปถึงข้างใน สัดส่วน 36-24-36 ไม่ให้แข็งยังไงไหว แต่คงไม่นานความรู้สึกนี้จะหายไปเอง แค่หล่อนออกฤทธิ์ ไอ้ความรู้สึกอยากยัดของเขาก็น่าจะหายไปเอง เพราะถ้ามาแบบร้ายๆ ไม่ต่างจากพ่อจากพี่ชาย จิตพิศวาสของเขาคงมลายหายไปหมดสิ้น
เอวารินทร์ที่ค่อยๆ ย่องลงจากบ้านอย่างระแวดระวังภัย ชะงักกึกเมื่อหันมาเห็นเขา ดวงตาคู่สวยนั้นเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจเต็มที่ เดินถอยหลังช้าๆ แน่ใจว่าหล่อนคงไม่วิ่งมาหาเขาแน่
เท้าไวตามความคิด เพราะทันทีที่หล่อนขยับ เขาก็วิ่งและก็ทันก่อนที่หล่อนจะพ้นแนวรั้วบ้านที่เป็นเพียงไม้ไผ่ปักห่างๆ ให้รู้อาณาเขต
“ว้าย!”
มาร์ตินคว้าหมับที่ข้อมือน้อยๆ ออกแรงกระชากเข้าหาตัว แค่นั้นเอวารินทร์ก็ถลาเข้ามาอย่างเสียหลัก
“ว้าย!”
หล่อนร้องวี้ดว้ายเพราะมือข้างที่รั้งปมผ้าห่มคลายออกทำให้อกอวบใหญ่แทบจะปรากฏต่อหน้าเขา นั่นยิ่งทำให้เขากระชับร่างแบบบางแน่น ยิ่งรัดร่างหล่อนเข้าหา อกหล่อนก็ยิ่งแนบชิดและนูนเด่นจนล้นทะลัก
“ว้าย! ไอ้บ้า! ปล่อย! ปล่อยฉันนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
“อยากปล่อยนอกหรือว่าปล่อยในล่ะ”
“ฮะ! อะไรนะ...” หน้าตื่นตระหนกอ้าปากค้างก่อนจะกรีดร้อง
“อ้ายยยยย... ไอ้บ้า! ว้าย! ไอ้บ้า!”