Leo Chat
Look Jun : สติกเกอร์กระต่ายโบกมือ
Look Jun : เลโอ~~~
LEO : ว่าไง
แชตของเลโอเด้งขึ้นมาภายในไม่กี่เสี้ยววิทำฉันตาวาววับ ตกใจกับการตอบของเขา ไม่คิดว่าเขาจะตอบไวขนาดนี้ หลัง ๆ มานี้ฉันสนิทกับเขามากขึ้น เพราะเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มมีสามคน ทำให้ฉันเป็นเศษนั่งข้างเขาเป็นส่วนใหญ่
หนำซ้ำเขายังเก่งกว่าฉัน จนบางครั้งการบ้านที่ทำไม่ได้ก็มีเลโอเป็นคนช่วยสอนให้
Look Jun : เราขอยืมเล็กเชอร์วันนี้หน่อ...
ฉันกำลังจะกดพิมพ์แต่ยังไม่ทันไร หน้าจอก็เปลี่ยนเป็นรูปเลโอที่กำลังโทรกลับมา มันทำให้ต้องชะงักไป รู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
LEO is calling you
“อ้าวโทรมาทำไมเนี่ย”
ฉันแอบบ่นก่อนจะชะโงกตัวหยิบลิปสติกปาดลงที่ริมฝีปากและแตะลงบนพวงแก้ม หวังว่าหน้าฉันจะไม่โทรมเกินไปจนเขาหัวเราะเยาะ ถึงจะกดรับสายเลโอ
[ว่างายยย]
“ละ...เลโอ”
[อื้ออออ]
“อยู่ไหนเหรอ เหมือนนายกำลังเมาเลย ฉันนึกว่านายจะอยู่หอซะอีก” ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่เพิ่งชี้เลยเลขสิบก่อนจะนึกได้ว่าห้าทุ่มแล้ว
แสงสีส้มสะท้อนกับแก้วสีอำพันทำให้บรรยากาศชวนเมา เขาดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ที่ผับแต่เป็นบาร์หรือร้านเหล้านั่งชิลเล็ก ๆ มากกว่า เลโอนั่งเท้าคางก่อนจะยื่นหน้ามาใกล้ จนฉันเห็นแก้มเขาที่รับกับจมูกโด่งอย่างชัดเจน
“ไม่มาวววนะ ว่าแต่เธอมีอะไรเหรอ...ลูกจันทร์” เสียงที่เรียกชื่อฉันแกว่งเล็กน้อย ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดทั้งที่เขาเมาแต่ฟังดูอ่อนโยนกว่าปกติ
“ฉันจะขอยืมเล็กเชอร์กับการบ้านวันนี้ แต่นายดันโทรมาก่อนเนี่ยสิ”
[กลับห้องแล้วส่งให้ได้ไหม]
“สภาพนี้จะกลับไหวไหมเนี่ย”
[ไหวสิหรือเธอจะมารับ มีรถรึเปล่า] เขาถามฉันขึ้นมา
“จะให้ไปรับเหรอเดี๋ยวฉันถามแอชก่อนได้ไหม เขาน่าจะว่างนะ” ฉันเหลือบมองห้องน้ำที่ยังมีเสียงคนอาบน้ำ ก่อนจะหันกลับมามองคนในจอ ตอนนี้เลโอขมวดคิ้วจนผูกเป็นโบก่อนจะปฏิเสธฉันฉับพลัน มุมปากของเลโอยกสูงขึ้นจนเหมือนกำลังเหยียดยิ้มร้าย
[ไม่ต้องหรอกฉันกลับเองดีกว่า]
สรุปเขาปฏิเสธ
“เอางั้นเหรอ ฉันบอกแอชแป๊บเดียวก็ไปรับนายได้แล้ว เมาอย่าขับรถนะ”
[อืมไม่ต้องหรอก ไม่อยากรบกวน]
“เสียงดังขนาดนี้ยังจะโทรมาอีก พรุ่งนี้ต้องมาเรียนให้ไหวนะ”
[อยากเห็นหน้าหรือไง] คนที่ฟุบบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นมาตอบตาแป๋ว เขากระตุกยิ้มแพรวพราวทำให้ฉันหัวเราะ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำหยอด
พวกคนเมาเชื่อได้ที่ไหน
เอาเป็นว่าถ้าเขาชมฉันสวยตอนนี้ ฉันก็เชื่อไม่ลงหรอก
“ห้ะ ไม่ได้ยินเลย”
[ฉันอยากเห็นหน้าเธอ!!!]
“อะไรนะ”
[ฉันคิดถึงเธอ]
คราวนี้เขาไม่ตะโกนแต่เลือกอ้าปากพะงาบ ๆ นัยน์ตาทรงเสน่ห์จ้องมาที่ฉันไม่วางตา ดวงตาสีน้ำตาลนั้นเยิ้มเล็กน้อยแต่ทำให้ฉันผงะไป ก่อนจะเบิกตากว้างกับคำพูดของเขา
“ที่รักคุยกับใครอยู่”
แผ่นหลังฉันเย็นเฉียบหัวใจเต้นราวกับถูกจับได้ว่าทำผิด ฉันรีบหันไปมองผู้ชายที่ออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าทะมึนตึงเลิกคิ้วถามฉันด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความขุ่นมัว แอชตันอาบน้ำเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“คุยกับเลโอน่ะ”
[ไอ้สวะ...ถึงห้องเดี๋ยวฉันส่งให้แล้วกัน อาจจะดึก ๆ หน่อยนะ] เลโอพึมพำก่อนจะบอกแค่นั้นเพื่อวางสายไป
แต่สายตาเขาครั้งสุดท้ายกลับจ้องอยู่ที่คนด้านหลังฉัน
เลโอจะรู้สึกแย่รึเปล่าก็แอชตันเล่นตะโกนขึ้นมาแบบนั้น ยิ่งแฟนขี้หวงแบบนี้ฉันยิ่งกลัวเพื่อนจะตีตัวออกห่างเอา ทุกวันนี้คนที่สนิทก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว
“ฉันแค่จะยืมเล็กเชอร์เลโอเฉย ๆ” ฉันบอกแอชตันอย่างไม่ชอบใจ
“อย่าสนิทกับมันให้มากนักสิลูกจันทร์ ฉันไม่ชอบ”
“ก็แค่เพื่อนน่ะแอชตัน”
“ระวังไว้ดีกว่า ฉันไม่ชอบไอ้พวกจ้องจะเล่นเพื่อน” แอชตันพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ทำเอาฉันขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก รู้สึกว่าแอชตันเริ่มหยาบคาย
แต่ก็ยอมตอบรับคำขอกึ่งบังคับ
“เอาเป็นว่าฉันจะระวังนะ ว่าแต่นายเอาแหวนไปไว้ไหน ทำไมไม่เห็นใส่เลย”
“อย่าซักไซ้สิลูกจันทร์ น่าจะอยู่ในกระเป๋าไหนสักกระเป๋า เสื้อวันนั้นแหละมั้งยังไม่ได้เอาไปซักใช่ไหม”
“หลัง ๆ มานายซักเสื้อผ้าเองนะแอช ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัยในเมื่อกลับมาห้องทีไรแอชตันซักรีดเสื้อผ้าเองตลอด ส่วนฉันส่งซักร้านด้านล่าง เขาบอกไม่อยากจะยุ่งยาก แต่ไป ๆ มา ๆ ทำไมมาถามเหมือนไม่รู้เรื่องนะ
“นั่นสิ คงอยู่นั่นแหละ” แอชตันอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่มั่นใจ
ฉันส่ายหัวพลางยิ้มอ่อน
“ถ้านายละเลยฉันบ่อย ๆ ฉันจะมีกิ๊กแล้วนะ”
“อย่าพูดแบบนี้ลูกจันทร์ฉันไม่ชอบ!” แววตาเขาวาวแสงขึ้นมาในทันที คนที่พูดเล่นอย่างฉันได้แต่เอ่ยขอโทษ จนแอชตันยอมอ่อนลง
“ขอโทษนะไม่พูดแล้ว” ฉันรีบลุกขึ้นกอดเอวเขาไว้ แอชตันที่ดูเหมือนจะคุมสติได้แล้วยอมกอดฉันตอบ จมูกเย็นเฉียบหลังจากอาบน้ำจรดแนบขมับฉัน ก่อนจะกระซิบคำหวานที่ทำให้ฉันยิ้มกว้างออกมา
“รักที่รักนะ”
“ฉันก็รักนาย”
[LEO Part]
“เอามาร์ตินีอีกแก้ว”
“น้ำเสียงตอนสั่งเหล้านี่ใสเป็นแก้วเลยนะ ทีเมื่อกี้อ้อแอ้เป็นหมาเลยสัส!” จินแสยะยิ้มออกมาก่อนจะมองหน้าผมด้วยความสมเพช
“สงสัยอะไรก็กูตอแหลไง หึ”
“แล้วทำไมไม่จีบวะ มีแฟนอยู่แล้วเหรอ แปลกนะที่มึงไม่รุก”
“เขาไม่ชอบพวกแย่งแฟนชาวบ้าน”
“ไอ้คนดี~” จินลากเสียงล้อเลียนผม ใบหน้ากวนบาทา น้ำเสียงกวนส้นตีนทำผมอยากจะยกเท้าถีบหน้ามันจริง ๆ แต่พอได้ยินแบบนั้นผมเองก็หัวเราะขึ้นมาผสมโรงกับเพื่อนสนิท
“กูรอเขาเลิกกันอยู่ อีกไม่นานหรอก...”
“กูว่าแล้ววว”
มันพูดก่อนจะยื่นแก้วค็อกเทลให้ผมกระดกเข้าปาก “อีกแก้วดิวะ”
ไม่รู้ว่าเธอคบกับไอ้แอชตันถึงสองปีได้ยังไง ไม่มีอะไรเหมาะกันสักอย่าง สีหน้าอมทุกข์ที่แอบซ่อนความรู้สึกบ่อยครั้งทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลย ยิ่งเห็นลูกจันทร์พยายามเพื่อมันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งทนไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นแล้ว ผมเองก็ได้แต่มองเงียบ ๆ และไม่คิดจะเข้าไปในความสัมพันธ์ของลูกจันทร์และแอชตัน อย่างน้อยได้อยู่เป็นเพื่อนก็ยังดี เพียงแค่คิดว่าจะรอเงียบ ๆ ให้มันทำเหยื่อหลุดจากปาก
แล้วเดี๋ยวค่อยคาบแล้ววิ่งให้ไวที่สุดก็เท่านั้น