ตอนที่ 3 หนีไม่พ้น(1)

1136 Words
ตอนที่ 3 หนีไม่พ้น ฉันกลับเข้ามาในคณะตอนห้าโมงเย็น เอาเสื้อผ้าที่จะต้องใส่ทำงานติดตัวมาด้วย เพราะปกติแล้วฉันต้องเข้างานเวลานี้พอดี แต่วันนี้รุ่นพี่ในคณะนัดประชุมจึงต้องขอผู้จัดการเข้างานช้ากว่าปกติสองชั่วโมง แน่นอนว่าต้องโดนหักค่าจ้างรายชั่วโมงไปตามระเบียบ “น้ำค้าง” หลังจากเลิกประชุมเวลาหกโมงกว่า ฉันที่กำลังจะออกจากห้องประชุมก็ถูกรุ่นพี่เรียกเอาไว้ เป็นพี่พีประธานชมรมของพวกเรานั่นแหละ ที่ยัยเพื่อนสองคนนั้นเคยเล่าว่าไม่ค่อยถูกกันกับนายกสโมสรมหาวิทยาลัย “พี่ฝากเอานี่ไปส่งที่ห้องสโมฯ กลางหน่อย” “ได้ค่ะพี่พี” “แกไปได้ไหม ถ้าไม่ทันเดี๋ยวพวกฉันเอาไป” ระรินอาสาแต่กลับโดนจินหัวเราะใส่เบา ๆ ว่า “มันเป็นแผน แกจะไปดูผู้ชายฉันรู้” “รู้ทันอีก แปลว่าแกก็คิด” “ให้น้ำค้างไปนั่นแหละ แกต้องไปส่งฉันซื้อของ ลืมเหรอ” “ฉันแค่กลัวว่ามันจะรีบไปทำงาน” ระรินเอ่ยแล้วหันมาถามฉันที่กำลังมองพวกมันเถียงกันอยู่ “ทันไหม” พี่พีถามบ้างหลังจากที่มองพวกเราคุยกันอยู่ “ทันค่ะ เดี๋ยวฉันเอาไปก็ได้เพราะต้องไปรอรถแถวนั้นอยู่แล้ว” ฉันรับปากแล้วรีบเอาซองเอกสารสีน้ำตาลมาถือไว้ในมือตัวเอง ก่อนจะบอกลาเพื่อนและรุ่นพี่ กลัวว่าจะไปไม่ทันเวลาแล้วโดนหักค่าจ้างเยอะกว่านี้ โชคดีที่อาคารของสโมสรนักศึกษาไม่ได้อยู่ห่างจากคณะของเรามากนัก อยู่ถัดออกไปอีกประมาณสองตึกฉันจึงคิดว่าเดินไปถึงตึกของสโมสรแล้วค่อยเรียกรถออกไปที่ร้าน ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากมหาวิทยาลัยไปถึงร้านประมาณยี่สิบนาทีเผื่อรถติดก็คงเป็นเวลาหนึ่งทุ่มพอดี “เอาเอกสารมาให้นายกสโมฯ ค่ะ ต้องเอาไปตรงไหน” ฉันถามผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยกันสี่คน หนึ่งในนั้นรู้สึกหน้าคุ้นอย่างบอกไม่ถูกแต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ก่อนจะเหลือบไปเห็นรุ่นพี่คณะคนหนึ่งที่พอจะรู้จักชื่อ แต่ไม่เคยคุยกันสักคำ เพราะเขาเป็นพี่ปีสี่ที่ไม่ค่อยจะสนิทกับปีหนึ่งอย่างพวกเราเท่าไร ส่วนมากก็เห็นตามป้ายโพรโมต หรือไม่ก็เป็นรูปในเพจของมหาวิทยาลัย เพราะถ้าเขาอยู่ตรงนี้ก็คงไม่พ้นเป็นพวกกรรมการนักศึกษา “เอาฝาก…” “เข้าไปห้องนั้นเลยครับน้อง นายกอยู่ห้องนั้น” ผู้ชายคนหนึ่งพูดไม่ทันจบก็ถูกคนที่ฉันคุ้นหน้าขัดจังหวะและตบแขนข้างหนึ่งของเพื่อนที่ยื่นมารับเอกสารจากฉัน ไม่ใช่แค่ฉันที่แปลกใจแต่เพื่อนเขาก็ยังเลิกคิ้วสงสัยด้วย “อะไรของมึงไอ้...” “เอาไปให้เลย ในห้องนั้น” เขาไม่ตอบเพื่อนที่กำลังสงสัยแต่หันมาบอกฉันที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “ค่ะ” ฉันเดินไปยังห้องที่รุ่นพี่คนนั้นบอก พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องทำงานที่มีโต๊ะทำงานอยู่สี่โต๊ะ โต๊ะที่อยู่ตรงกลางนั้นใหญ่สุดและมีเอกสารหลายอย่างวางอยู่เยอะไปหมด แต่กลับไม่เห็นใครอยู่ในนี้เลยสักคน ก็ยังดีที่มีป้ายติดเอาไว้ว่านั่นน่ะ ที่นั่งของ 'นายกสโมสรนักศึกษา' แกรก ! เสียงเปิดประตูดังขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ฉันกำลังวางเอกสารลงบนโต๊ะ เล่นเอาตกใจจนต้องรีบหันไปมอง ก่อนที่จะสบสายตากับใครคนนั้นแล้ววินาทีต่อมาหัวใจมันก็เริ่มเต้นแรงขึ้น แถมยังหนักหน่วงจนน่ากลัว และนั่นก็มีสาเหตุมาจากดวงตาคมกริบคู่นั้นที่กำลังมองมา สายตาแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่คิดไม่ออก พี่ฟิวส์ นายกสโมสรที่พวกนั้นพากันตื่นเต้นตกใจเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังอยู่ตรงหน้าฉันแถมยังยืนมองฉันด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่มันไม่ใช่ในทางที่ดีแน่ ไม่รู้เขาหงุดหงิดมาจากที่อื่นหรืออย่างไร “เอาเอกสารของพี่พีมาส่งค่ะ วางบนโต๊ะ” พูดจบฉันก็ยกมือขึ้นไหว้โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเดินเลี่ยงและหลบสายตาของเขาออกมาจนเกือบจะถึงประตูก็ถูกเรียกไว้อีกรอบ เสียงนั้นมันมีอิทธิพลจนทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบจนต้องรีบหันไปมอง “เดี๋ยวก่อน” “คะ” “…เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาพูดแบบนั้นแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอก “เรื่องอะไรคะ” ฉันยังไม่หายจากความตกใจหรือเพราะสายตาคู่นั้นมันทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นแรงอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้ เสียงที่เปล่งออกมามันเลยฟังดูไม่ปกตินัก “เรื่องรถ” “รถ !?” วินาทีที่ได้ยินคำนั้นสมองของฉันมันก็ตีกันวุ่นวาย เหตุการณ์ทุกอย่างหลั่งไหลมากองรวมกันจนดูยุ่งเหยิงและเกือบคิดอะไรไม่ออก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ตกตะกอนเป็นข้อสรุปได้ว่า ผู้ชายที่มีเรื่องกับฉันคืนนั้นคือเขา ! “พี่เองเหรอ…คะ” ฉันตกใจจนแทบจะลืมหางเสียงต่อท้าย ลอบกลืนน้ำลายลงคอแต่นั่นก็คงอยู่ในสายตาของคนตรงหน้าทั้งหมด “เธอหนีทำไม” “…หนูไม่มีเงินจ่าย” “ฉันบอกแล้วว่ามีหรือไม่มีก็ต้องมาคุยกัน แต่เธอไม่ยอมรับสาย แล้วหนีแบบนี้ มันทุเรศ” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่รู้สึกได้ว่ามันแฝงไปด้วยความโมโห “ขอโทษค่ะ” มันก็เป็นคำพูดเดียวที่ควรพูด “แต่หนูก็ติดต่อไปแล้ว พี่จะเอายังไงอีก” “...” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มนั้นออกมา “คนอะไร ไร้สำนึก” “หนูรีบไปทำงาน ขอตัวค่ะ” “เอะอะก็หนี เธอชอบหนีปัญหาหรือไงวะ” “ก็บอกว่ารีบไปทำงาน” ให้ตายเถอะ ปกติฉันไม่ใช่คนก้าวร้าวแบบนี้แต่เจอเขาไม่กี่นาทีฉันพูดประโยคที่ไม่น่ารักไปแล้วหลายคำ ก็ใครบอกให้มาพูดไม่ดีก่อน “เธอหนี แล้วก็จะหนีหนี้ที่ต้องจ่ายฉันไปเรื่อย ๆ” “ก็บอกแล้วไงว่าหนูจะจ่าย ทำไมพี่พูดไม่รู้เรื่อง” “จะเอาอะไรมารับประกันว่าเธอจะจ่ายจริง” “บัตรหนูไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD