ตอนที่ 2 เขาคือใคร(2)

1268 Words
“ไปแล้ว” “สรุปคือใคร” เมื่อหันกลับไปมองที่ประตูก็ไม่เห็นอีกคนแล้วอย่างที่ยัยจินว่า เหลือไว้แต่ความว่างเปล่าพร้อมกับความสงสัยของใครหลายคน รวมถึงฉัน… จึงถามพวกมันทันทีด้วยความอยากรู้ ไม่ใช่เพราะสนใจแต่เพราะความสงสัยจริง ๆ “น้ำค้างแกไปอยู่นรกขุมไหนมาเนี่ยถึงไม่รู้จักพี่ฟิวส์” “อย่าไปว่ามัน ชีวิตมันว่างไถจอดูผู้ชายแบบแกไหม” จินต่อว่าระรินที่กำลังบ่นเรื่องฉันไม่รู้จักพี่ฟิวส์ของมันอยู่ ก่อนจะอธิบายให้ฟัง “พี่ฟิวส์นายกสโมฯ ไงเพื่อน แกไม่เคยเห็นเลยเหรอ” “อ๋อ ก็ว่าคุ้น ๆ” คุ้นที่ว่านั้นคือการเห็นผ่านสื่อต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่ได้จำ เอาจริงก็ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ เรื่องของสโมสรนักศึกษาแทบไม่ใช่ประเด็นสำคัญกับการใช้ชีวิตของฉันเลย “ชาตินี้แกจะมีผัวไหมเนี่ย” “ไม่ต้องไปห่วงมันหรอกนะเพื่อน เพราะถึงมันไม่รู้จักผู้ชายแต่ผู้ชายรู้จักมันค่ะ มันสวย” จินหันไปบอกระรินอย่างหน่าย ๆ “เออเนอะ ฉันก็ลืมคิดไป” ฉันส่ายหน้ากับเพื่อนสองคนที่เถียงกันไปมา ก่อนที่จะจบบทสนทนาเรื่องไม่เป็นเรื่องเพราะอาจารย์เข้าสอน ครู่หนึ่งฉันก็คิดได้ว่าควรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูความเคลื่อนไหวเพราะปิดเสียงแจ้งเตือนหนีปัญหาเรื่องเงินอยู่ พลันคิ้วก็ต้องขมวดเข้าหากันพร้อมกับหัวใจที่เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเพราะคำขู่ที่ถูกส่งผ่านข้อความเข้ามา ‘คิดจะหนี เจอดีแน่' “เป็นอะไรยัยค้าง มองหาอะไร” จินถามพลางชะเง้อคอมองตามฉันบ้าง “สงสัยเหมือนกันวันนี้แกทำตัวแปลก ๆ” “เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันปฏิเสธทั้งที่รู้แก่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร เอาจริงก็ไม่ได้อยากจะหนีผู้ชายคนนั้นหรอกแต่ฉันกลัวว่าเขาจะขู่เอาเงินแล้วทำให้เสียหน้า เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วค่อยปลีกตัวไปโทรหาเขาอีกทีก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้ ๆ นี้ จ้องจะจัดการฉันได้ตลอดเวลา “แล้วเรื่องวันนั้นเป็นไง เจ้าของรถโทรมายัง” ยัยจินจับจุดอ่อนฉันได้อีกแล้ว เหมือนมันแอบอ่านใจฉันอยู่เลย แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะสงสัยเพราะมันอยู่ในเหตุการณ์แล้วยังมาเห็นฉันทำตัวหวาดระแวงอยู่ด้วย “อืม” “แกว่ายังไง” ระรินถามบ้าง “เขาจะเอาเงินจากฉันสองหมื่น” ฉันบอกพวกมันไปด้วยสายตาหมดหวังก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองพูดต่อ “แต่ฉันไม่มีจะให้ ก็เลยหลบเขาอยู่” “หา !” “สองหมื่นเลยเหรอ” ฉันพยักหน้าเป็นคำตอบ แค่ลองนับหลักตัวเลขในใจก็เหนื่อยและท้อเต็มทน ชีวิตนี้เคยจับก็แค่เงินหลักพันที่พอจะหามาเองได้ ค่าเทอมก็รับจากทุนการศึกษาทั้งนั้น สองหมื่นบ้าบออะไร จะเอาที่ไหนมาให้กัน “แกก็เลยระแวงว่าเขาจะมาตามตัวน่ะเหรอ” “อือ” “เขาไม่เก่งขนาดนั้นหรอกมั้ง อย่างเก่งก็ไปตามหาที่บ้าน” ระรินออกความเห็น “เขาโทรนัดให้เจอเช้านี้ที่คณะ แต่ฉันไม่รับสายเพราะกลัวเขาจะขู่เรื่องเงิน” เอาเข้าจริง ๆ ฉันก็รู้สึกผิดที่ไม่ยอมไปตามนัด เพราะบางที แต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดก็ได้ ขอผ่อนผันอีกสักหน่อย อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่านี้ ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลัง โดนจ้องทำร้ายอยู่เลย “ถ้านัดให้มาเจอคณะแปลว่าเขาต้องเป็นคนที่อยู่ในมหา’ลัยเราน่ะสิ” จินขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงระแวง” “แล้วพอแกไม่ตอบไม่รับสายเขาว่ายังไงบ้าง” “ส่งข้อความมาขู่ นี่ไง” ฉันหยิบเอาโทรศัพท์มาเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับจากอีกฝ่ายส่งไปให้เพื่อนทั้งสองคนดูพวกมันทำตาโต ก่อนจะพึมพำ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ “แจ้งความดีไหม แบบนี้ดูอันตรายนะ น่ากลัวมาก ถ้าเกิดเขา ไม่พอใจแล้วดักทำร้ายแกจะทำยังไง” ยัยจินออกความเห็น “ไม่หรอก ฉันว่าจะติดต่อเข้าไป เพราะว่ายังไงฉันก็เป็นฝ่ายผิดที่ทำให้เขาเสียหายแบบนั้น” “แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขาล่ะน้ำค้าง” ระรินถาม สีหน้าของพวกมันดูกังวลคงเพราะว่าเป็นห่วงฉันนั่นแหละ “ว่าจะขอผ่อน แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า เพราะเท่าที่คุยกัน ครั้งนั้นเขาดูเป็นคนไม่ค่อยยอมใครเท่าไร” “แล้วแกจะพอใช้เหรอ งานก็ได้ทำแค่สามวันเอง หรือจะขอเจ้าของร้านเขาเพิ่มวันทำงานให้ เพราะแกจำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ” “อืม คิดว่าอย่างนั้น” ตอนนี้มันก็มีอยู่แค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือฉันต้องไปขอผู้จัดการร้านที่ทำงานอยู่ตอนนี้ เพิ่มวันทำงานให้ฉันเต็มทั้งอาทิตย์ เพราะปกติจะทำแค่อาทิตย์ละสามถึงสี่วันเท่านั้น หลังจากทานข้าวกับพวกมันเสร็จ ฉันก็ปลีกตัวออกมาแล้วกลับหอ ทำใจอยู่นานว่าจะโทรหาผู้ชายคนนั้นแล้วเริ่มพูดจากตรงไหนดี เพราะเมื่อเช้าฉันดันนี่แหละผิดนัดกับเขา ทำใจไว้แล้วว่าเขาจะต้องไม่พอใจแน่ ๆ เหมือนกับที่ส่งข้อความมาข่มขู่ อารมณ์ของเขาตอนนั้น คงเดือดเป็นน้ำร้อนเลย (“…”) รอสายเพียง ไม่กี่วินาที คนปลายสายก็กดรับแต่กลับไม่พูดอะไรเลย จนฉันต้องเลื่อนมือถือมาดูอีกรอบว่ามีอะไรผิดพลาดอยู่หรือเปล่า แต่ก็เห็นว่าเขากดรับและมีเวลาขึ้นบนหน้าจอจริง ๆ “สวัสดีค่ะ” (“เมื่อเช้าเธอหนีนัดทำไม”) “ไม่ได้หนี ฉันแค่มีเรียน เลยไม่ทันไปตามนัด” (“...”) ผู้ชายคนนั้นหัวเราะในลำคอเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูด น่าแปลกที่ฉันคิดว่าเขาจะโวยวายมากกว่านี้แต่เขากลับเงียบ จนฉันเดาไม่ถูกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอย่างไรอยู่ “ฉันไม่สะดวกจะนัดเจอ เราเพิ่มเพื่อนกันได้ไหม ส่วนเรื่องเงินฉันบอกคุณแล้วว่า ถ้าให้จ่ายทั้งสองหมื่นทีเดียวฉันไม่มีปัญญาแน่ จะขอผ่อนเอาแล้วกัน” (“งั้นก็หามาจ่าย แล้วฉันจะคืนบัตรให้”) “ค่ะ คุณเพิ่มเพื่อนมาหน่อย เบอร์นี้” (“อืม”) ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ แต่ก็โชคดีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าถ้าเผชิญหน้าเขาจะเป็นอย่างตอนนี้หรือเปล่า หรือบางทีเขาอาจจะเหนื่อยใจที่ต้องมาทวงเงินกับฉัน เท่าที่ดูเขาคงรวยมากไม่อย่างนั้นคงไม่ขับรถบิกไบก์ราคาแพง ๆ แบบนั้นแน่ หลังจากวางสายด้วยความรู้สึกโล่งใจ ฉันก็กระโดดลงเตียงนอนเอาเรี่ยวแรง เพราะคืนนี้ต้องไปทำงานที่ร้าน กว่าจะได้นอนก็คงตีหนึ่งตีสองอย่างทุกที แล้วเย็นนี้รุ่นพี่ก็ยังนัดไปคุยเรื่องชมรมอีก ครืด~ F เพิ่มคุณเป็นเพื่อนแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD