ตอนที่4 น้องมาลีหมีเหล็ก
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกแล้วไอ้หมานะเพื่อนซี้เกลอเก่าของผมก็พาผมมาสู่อัครสถานแห่งความบันเทิงเริงกามาที่เรียกกันโดยคนละแวกนี้ว่าป่ากล้วยหรือสวนกล้วยก็สุดแต่ หน้าซ่องเจ๊หวานมองเข้าไปก็เหมือนร้านอาหารทั่วๆ ไปที่ติดไฟวิบวับวอมแวมตามข้างทางหลวงที่บรรดาสิงห์สิบล้อรถบรรทุกทั้งหลายชอบจอดดื่มกิน แล้วหาอะไรทำแก้ปวดแก้เมื่อยนี่แหละ ประตูหน้าร้านก็เป็นกระจกสีทึบๆ ติดไฟประดับยังกับงานวัด
“ถึงแล้วโว้ยไอ้ลามก”
ไอ้มานะหันมาบอกผมก่อนจะพาเดินตรงดิ่งเข้าไปภายในร้าน แล้วเลือกมุมดีงามใกล้กับตู้เพลงซึ่งเป็นโต๊ะม้าหินอ่อนสภาพเก่าคร่ำครึตัวหนึ่ง
“อีเปรี้ยวออกไปรับแขกหน่อย โต๊ะสามเฮียมานะเขามา”
เสียงหญิงมีอายุคนหนึ่งร้องบอกแข่งกับเสียงเพลงรักจางที่บางปะกงของ คุณสดใส รุ่งโพธิ์ทอง ที่ดังไปทั่วทิศทั่วแดน ดังยังไงนะเหรอก็มีวงเหล้าที่ไหนพอสมาชิกในวงกรึ่มๆ หน่อยเริ่มครวญเพลงตีเกราะเคาะไม้ก็จะมีเพลงนี้อยู่ในลิสรายชื่อเพลงด้วยทุกครั้งไป วัยรุ่นวัยคะนองในยุคของผมใครไม่รู้จักเพลงนี้ก็ถือว่าโคตรเชยบรม
… ใฝ่ผะวงหลงเฝ้าสาวเจ้าบางปะกง…
ไอ้ตู้เพลงนี่ก็หยอดไปเพลงละห้าบาทเท่านั้นครับ เหรียญไม่มีติดตัวก็ไปแลกที่เจ้าของร้านได้เลยม่วนชื่นกันไปประหนึ่งเจ้าของบทเพลงออกมาร้องให้ฟังกันสดๆ ใครจะลุกขึ้นมาเต็นแร้งเต้นกาก็ตามสบาย ในร้านนอกจากผมกับเพื่อนก็มีนักเที่ยวนั่งดื่มกันอยู่อีกสองโต๊ะถัดกันไป
“สวัสดีค่าพี่มานะ ลมอะไรหอบมาคะเนี่ยคืนนี้ถึงมาถึงนี่ได้ คิดถึงเปรี้ยวใช่ไหมละ”
อีนางเปรี้ยวเดินมานั่งเบียดก้นงอนแทบจะเกยตักของไอ้มานะเพื่อนผม โอ้โหตอนนั้นยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าผมจ้องแต่หน้าอกของแม่สาวเปรี้ยวเพียงอย่างเดียว ก็หล่อนหน้าอกใหญ่โตมโหฬารอย่างกับภูเขาเลากา แถมยังใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงอวดเนินอกทะลักออกมาเกือบจะครึ่งเต้า อีกนิดเดียวก็คงจะเห็นหัวนมแหละผมว่า
แม่เจ้าประคูน!!! ช่างมีเหลือกินเหลือใช้อีนางเอ้ย ที่น่าอิจฉาไอ้มานะเข้าไปใหญ่ก็คือแม่เปรี้ยวแทบจะเอาหน้าอกดันไปที่หน้าของไอ้มานะ จนมันแกล้งแลบลิ้นออกมาเลียอากาศแล้วมองหน้าผมเหมือนจะยั่วให้ผมอิจฉาไปใหญ่
“วันนี้พี่พาเพื่อนมาเที่ยว” ไอ้มานะพยักหน้ามาทางผม
“เพื่อนหน้าตาหล่อจัง ชื่ออะไรค่ะพ่อรูปหล่อ น้องนี่ชื่อเปรี้ยวนะคะ ชื่อเปรี้ยวอย่างอื่นไม่เปรี้ยวนะคะไม่เชื่อถามพี่มานะได้เลย”
แม่สาวเปรี้ยวยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางพาดบนตักไอ้มานะแล้วเท้าคางมองผมตาหวานฉ่ำ
“มกราครับ” ผมก็ตอบไป
“ยินดีที่รู้จักค่ะ คืนนี้รับอะไรกันดีคะพี่มานะ”
มือเรียวของแม่สาวเปรี้ยวแห่งซ่องเจ๊หวานคว้าหมับลงไปที่เป้ากางเกงของไอ้มานะโดยไม่มีความเกรงอกเกรงใจผมเลยสักนิดเดียว
“เอาเบียร์มาสองขวดแล้วก็ถั่วทอดมาสักจานก่อนน้องเปรี้ยวอย่างอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากันนะจ๊ะ อืมม” พูดจบไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็จับหมับเข้าไปที่หน้าอกของน้องเปรี้ยวแล้วขยำไปมาชนิดที่ไม่ยอมเสียเชิงชาย
“ดูท่าคืนนี้จะยาว รอแพ็บนะคะเดี๋ยวเปรี้ยวมา”
“เป็นไงวะคนนี้ชื่อน้องเปรี้ยว นมใหญ่ ส่ายเก่ง เด้งดี กูการันตีให้เลย ป๊าบๆ ๆ ๆ รับรองฟ้าสางที่ซ่องเจ๊หวานเนี่ยแหละ”
ไอ้มานะก้มมากระซิบที่ข้างหูของผมเพราะเสียงเพลงจากตู้เพลงค่อนข้างจะดังต่อเนื่อง จากบรรดานักเที่ยวที่เดินไปหยอดเพลงที่ตนเองอยากฟัง
“มีเด็ดๆ แจ่มๆ กว่านี้อีกมั้ยวะไอ้หมานะที่มึงบอกว่าตัวจี๊ดอ่ะ กูอยากเห็น”
ผมกวาดสายตามองไปอีกสองโต๊ะที่มีเด็กสาวๆ สองสามคนนั่งเบียดกับแขกนักเที่ยวอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครถูกใจเท่าไหร่
“มีอีกคน คนนี้เด็ดชื่อน้องมาลีหมีเหล็ก”
“เชี้ย… แค่ชื่อกูก็แข็งไว้รอ”
ผมก็พูดจาทะลึ่งตึงตังไปตามประสาเพื่อน หยาบไปก็ต้องอภัยด้วยพอดีกองเซ็นเซอร์ไม่ค่อยทำงาน
“มึงรอแพ็บนะเดี๋ยวกูมา”
พูดเสร็จไอ้มานะก็เดินไปหาเจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงมีอายุคนหนึ่ง ผมเห็นทั้งสองคนพูดจาหัวร่อต่อกระซิกแถมยังมองมาทางผมแล้วหัวเราะชอบใจ พักเดียวมันก็เดินกลับมาที่โต๊ะ
“เจ๊หวานบอกว่าน้องมาลีหมีเหล็กกำลังออกศึกอยู่วะไอ้ลามก มึงเห็นผู้ชายล่ำๆ หนวดยาวๆ สามสี่คนที่โต๊ะนั่นไหม”
“เอ่อ ทำไมวะ”
ผมมองไปตามที่ไอ้มานะบอก
“นั่นแหละ น้องมันเหลืออีกสามคิวหมดโต๊ะนั้น ถ้ามึงสนใจก็ต่อคิวไว้ได้เลย เจ๊หวานบอกกูว่าคืนนี้คนเที่ยวน้อยตั้งแค่หัวค่ำมาน้องมาลีมันเพิ่งจะได้แขกไปห้าคนเอง”
“โอ๊ะโหะ งั้นกูบายเหอะกว่าจะมาถึงกูน้องมาลีของมึงก็หมีไม่สบายกันพอดี”
ผมส่ายหน้าดิกถึงจะเมานิดๆ ก็คงรอต่อคิวพวกพี่ๆ รุ่นใหญ่หน้าเหี้ยมสามสี่คนโต๊ะนั้นไม่ไหวแน่ รูปร่างหน้าตาแต่ละคนโคตรหื่นเหมือนเพิ่งจะออกจากคุกมากันทั้งแก๊ง