ตอนที่ 3 เรื่องราวชวนฝันเหล่านั้น…

2162 Words
“โอ้โฮ ธาร! ปากแบบนี้แสดงว่าหายดีแล้วดิ...” สกายพูดพร้อมกับผลักหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากับคีรินแล้วก็มาแทน “หายแล้ว! และถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะกลับไปตีหัวนาย!...” ฉันพูดพร้อมกับคาดโทษสกายเอาไว้ เพราะช่วงที่ฉันอยู่โรงพยาบาล ฉันก็มาไล่อ่านข่าวต่าง ๆ ย้อนหลังของสกาย ข่าวหมอนี่ควงไอดอลสาวดังไปทั่วเลย = =’ “โห่!!! นี่ยัยโหด!” “ทำไมฮะ ไอ้ตี๋!” “เออใช่ดิ! เรามันไม่ใช่แทนไง เราทำไรก็ผิดแหละธาร” ฉันมองหน้าสกายที่พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนติดน้อยใจนิด ๆ ก่อนจะหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที ฉันหลุดขำออกมาให้กับท่าทีของสกายตอนนี้ก่อนคีรินจะพูดขึ้นมาว่า “มึงไม่บอกธารไปอะว่าวันที่ธารเข้าโรงพยาบาลวันแรก มึงไปร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินอะ...” “ฮะ?! นายเนี่ยนะ? ไปร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน?” ฉันถามด้วยความประหลาดใจก่อนจะมองสกายอึ้ง ๆ “อะไร ๆ ฉันก็แค่...” สกายอึกอักแล้วก็ดูมีท่าทีเคอะเขินขึ้นมาทันที “แค่อะไร?” ฉันถามพร้อมกับขำออกมา “เออ ร้องก็ร้องวะ ก็มันเป็นห่วงนี่โว้ย! ฉันกับเธอตีกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้ายัยคนขี้บ่นอย่างเธอหายไปฉันคงเหงาหูแย่” “จริง ๆ ตอนมันรู้ว่าธารโดนยิง มันมาร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินนะ โวยวายเหมือนคนบ้าเลย…” คีรินพูดขึ้นมาขำ ๆ ก่อนจะมองหน้าสกายที่ตอนนี้เลิ่กลั่กไม่ไหว “มันถึงขั้นที่บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยอะ ว่าถ้าเธอรอดพ้นขีดอันตราย” มาแทนพูดเว้นจังหวะก่อนจะหันไปมองหน้าสกายนิด ๆ แล้วพูดต่อ “มันจะเลิกเจ้าชู้ เลิกควงเด็กในวงการ…” “ขอแค่เธอรอด มันจะทำทุกอย่างเลย…” “ไอ้เหี้ยแทนมึงหยุดพูดเลย…” สกายพูดพร้อมกับเดินมาล็อกคอมาแทนไว้แก้เขิน ฉันอมยิ้มให้กับอาการของสกายที่เขินอายจนทำตัวไม่ถูกแล้วละ “อย่ามาขำยัยโหด วันนั้นฉันตกใจเฉย ๆ เลยร้องไห้หนักขนาดนั้น…” “อ๋อ ๆ …” ฉันพูดพร้อมทำหน้าตากวน ๆ ใส่สกาย… “ไอ้เหี้ย เกิดเป็นกูน่าสงสารฉิบหาย เพื่อนไม่เคยเข้าข้างเลย…” สกายหน้ามุ่ยขึ้นมาทันทีก่อนจะเดินไปคว้าถ้วยเกี๊ยวกุ้งของฉันขึ้นมาพร้อมกับตักเข้าปาก “ใครให้มึงกินอะไอ้กาย” มาแทนพูดพร้อมกับมองไปที่เพื่อนก่อนจะยิ้มขำออกมา “ก็กูหิวอะ...” “หิวหรือกินแก้เขิน?” ฉันถามแหย่พร้อมกับจิ้ม ๆ ไปที่แก้มตุ่ย ๆ ของสกายที่มีเกี๊ยวกุ้งอยู่ในปาก “ถ้าเธอยังไม่เลิกแซวฉัน เธอโดนแน่” “โดนอะไร?” “โดนฉันจูบไง!” สกายพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนฉันเองตั้งตัวไม่ทัน แต่คนที่ไวกว่าฉันก็คือมาแทนเพราะเขาเข้ามาผลักหน้าสกายให้ออกห่างจากหน้าฉันอย่างรวดเร็วจนสกายเกือบหงายหลัง เอาจริง ๆ พวกสกายมักจะเล่นกับฉันแบบนี้บ่อย ๆ นั่นแหละ อาจจะเป็นเพราะฉันกับสกายสนิทกันตั้งแต่เด็กด้วยมั้ง “ไอ้เหี้ยแทน! ผลักกูแรงไปนะสัส” สกายโวยวายขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะมองหน้ามาแทนที่นั่งนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ก็มึงเล่นเหี้ยไรไม่รู้เรื่อง...” “เดี๋ยว ๆ อันนี้ที่ผลักกูออก เพราะเป็นห่วงธารกลัวเจ็บแผล หรือมึงหวงธารมันไม่ทราบ...” ฉันหันไปมองหน้ามาแทนก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เขากำลังมองหน้าฉันสลับกับหน้าของสกายอย่างเลิ่กลั่ก “อะไรของมึง ธารยังไม่หายดี มึงจะเล่นเหี้ยไรก็ดูก่อน...” มาแทนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต่างจากฉันที่นั่งหน้าแห้วอยู่ เพราะแอบไปคิดว่าเขาจะรู้สึกอะไรบ้าง... “ละคืนนี้ใครนอนเฝ้าธารอะ...” คีรินถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบไปสักพัก “กูไง” “ไม่ต้องก็ได้แทน เดี๋ยวพรุ่งนี้ธารก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” “ไม่ได้ ไอ้โยก็ยังไม่หาย พ่อแม่เธอก็ไม่อยู่บ้าน” “แต่ว่าฉันนอนคนเดียวได้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้นายค่อยมารับฉันก็ได้...” “ไม่ดื้อสักวันมันจะตายไง?” มาแทนพูดพร้อมกับมองหน้าฉัน ให้ตายสิทำไมฉันต้องกลัวให้กับสายตานิ่ง ๆ ของเขาด้วยวะ = =’ “ทำไมกูรู้สึกว่าภาพตรงหน้ากูเหมือนคู่รักกำลังนั่งทะเลาะกันเลยวะ ไอ้คีย์” “มึงไม่ต้องหาพวก กูไม่อยากโดนธารบ่น...” “ไอ้เหี้ย เกิดเป็นกูนี่น่าสงสารจริง ๆ ด้วยแหละ = =’” “ถ้ามึงสองคนไม่มีอะไรแล้วก็กลับได้แล้ว” มาแทนพูดพร้อมกับมองหน้าเพื่อนทั้งสองคน คีรินกับสกายมองหน้ากันไปมารวมถึงฉันด้วยที่จู่ ๆ มาแทนก็พูดขึ้นมาแบบนั้น “อ้าวทีงี้ทำไล่...พวกกูเพิ่งมาถึงเองจะรีบให้พวกกูกลับไปไหนล่ะ” สกายพูดก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์หรี่ตามองมาแทน “ธารจะได้พัก ขืนถ้ามึงยังอยู่ธารไม่ได้พักแน่ ๆ ...” “ไอ้แทนมึงรู้ตัวไหม?” “อาการมึงชักน่าสงสัยขึ้นทุกวัน...” “สงสัยเหี้ยไรมึง? ไอ้คีย์มึงเอาไอ้ตี๋นี่กลับไปซิ” มาแทนพูดด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดนิด ๆ คีรินยิ้มขำก่อนจะเดินมาล็อกคอสกายให้ขยับไปอยู่ข้าง ๆ “เออ ๆ กูกลับก่อนก็ได้ บ่ายมีงานพอดีเดี๋ยวเจอกันที่บริษัทเลยนะเจ๊โหด…” สกายพูดก่อนจะยักคิ้วใส่ฉันนิด ๆ “ได้เจอฉันแน่ ไม่ต้องห่วง” “ไปก่อนนะธารนะ เดี๋ยวไว้เจอกัน...” คีรินพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มตามสไตล์เจ้าตัว ฉันนั่งมองสองคนนั้นที่เดินออกจากห้องพักไป ก่อนจะหันมามองร่างสูงที่นั่งหน้านิ่งก้มมองข่าวอะไรสักอย่างในโทรศัพท์ ฉันนั่งมองใบหน้าหล่อเหลาของที่ทำให้ฉันตกหลุมรักมาตั้งแต่เด็ก...ในบรรดาเพื่อนพี่โย มาแทนเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันยอมทุกอย่าง ฉันรู้ตัวว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจมาก ๆ เจ้ากี้เจ้าการ แล้วฉันก็ไม่เคยยอมให้ใคร แต่กับแทน เขาคือข้อยกเว้นทั้งหมดของฉัน แล้วเขาก็ทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะโตขึ้นในทุก ๆ วัน เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่านี้ มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเขารู้สึกกับฉันเหมือนที่ฉันรู้สึกกับเขา “ถามอะไรหน่อยสิ…” มาแทนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันพร้อมกับเลิกคิ้วตัวเองขึ้นนิด ๆ เป็นเชิงถาม... “วันนั้นนายกลัวไหม?” ฉันถามไปด้วยความอยากรู้ ฉันอยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกกลัวบ้างไหม… กลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไปบ้างไหม... “กลัวอะไร?” “กลัวว่าฉันจะตายน่ะ...” ฉันถามพร้อมกับสบตาเขา...นัยน์ตาของมาแทนวูบไหวจนฉันรับรู้ได้... ร่างสูงตรงหน้าฉันนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น “ยังต้องถามอีกหรือไง?” “หืม?” “ที่ฉันตามมาเฝ้าเธอทุกวันแบบนี้…” “ยังไม่รู้คำตอบอีกเหรอ?” มาแทนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพร้อมกับสบตาฉัน… ฉันสบตาเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว… สายตาที่มาแทนใช้มองฉันในตอนนี้ มันดูแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันต่างไปจากเดิมมาก ๆ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองไหม… ราวกับว่ามีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าของฉัน และเขาขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของฉันและเขา… และอีกนิดเดียว ริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็เกือบจะ... แอดดด! “มึงอะขี้ลืมไอ้คีย์! เสียเวลาไอ้สัส!” เสียงประตูห้องพักของฉันถูกเปิดออกอีกครั้ง ตามมาด้วยสกายที่โวยวายดังขึ้นมา ฉันกับมาแทนผละใบหน้าออกจากกันโดยอัตโนมัติ… บ้าจริง… “มึงจะทำอะไรเบา ๆ ไม่ได้เลยไงไอ้กาย กูอายคนอื่นเขาฉิบหาย” คีรินพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญนิด ๆ “แล้วกูเสียงดังตรงไหน... อ้าว แล้วทำไมหน้าเป็นงั้นอะธาร?” สกายหันไปตอบคีรินก่อนจะหันมามองหน้าฉันแล้วถาม ฉันละอยากจะกระโดดลงจากเตียงแล้วเดินไปขยี้หัวไอ้ตี๋ตรงหน้าซะเดี๋ยวนั้น ฉันหงุดหงิด หงุดหงิดจริง ๆ นะ ให้ตายสิ! “ฉันเบื่อขี้หน้านาย!” ฉันพูดออกไปด้วยความเซ็ง เมื่อกี้มันอีกนิดเดียวจริง ๆ นะ อีกนิดเดียวเอง T^T หลังจากที่ สกายกับคีรินออกไปจากห้อง ฉันก็อยู่ในห้องกับมาแทนกันสองคน แต่ก็ได้เวลาที่พยาบาลเข้ามาให้ยาอีกครั้ง แล้วพอฉันได้ยาตัวนั้น ฉันก็ต้องนอนพัก บวกกับมาแทนก็กลับไปที่คอนโดตัวเองเพื่อเอาเสื้อผ้ากลับมานอนเฝ้าฉัน...กลายเป็นว่าพลาดโอกาสดี ๆ ไปซะแล้ว หลายวันต่อมา @The One Ent. วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันได้กลับเข้ามาทำงานหลังจากที่หยุดไปหนึ่งเดือนเต็ม ๆ หลายสิ่งไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิม ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากที่พ่อของพี่อลิซโดนจับ ต่างก็แค่เปลี่ยนบอร์ดบริหารใหม่ทั้งหมด หุ้นของบริษัทก็ถูกซื้อไปทั้งหมดโดยตระกูลของสกาย... ว่าง่าย ๆ ก็คือตอนนี้สกายเป็นลูกเจ้าของค่าย The One Ent. แล้วก็ยังเป็น ดาราศิลปินของค่ายด้วย ฉันเดินเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง ซึ่งปกติฉันไม่ค่อยได้เข้ามาทำงานในห้องนี้หรอก “ยินดีต้อนรับกลับมาทำงานนะธาร…” พอฉันเปิดประตูเข้าไปก็เห็นดารัณยืนยิ้มหวานพร้อมกับถือช่อดอกไม้รอฉันอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของฉัน ฉันละอิจฉาดารัณมาก ๆ เลยที่มีรอยยิ้มที่สดใสได้ขนาดนั้น… อยากเป็นผู้หญิงที่มองแล้วสบายตาสบายใจได้อย่างรัณชะมัดเลยอะ… “ขอบคุณนะรัณ...” ฉันเดินไปรับช่อดอกไม้จากรัณ ก่อนจะอดรู้สึกขอบคุณแล้วก็ขอโทษผู้หญิงตรงหน้าที่ฉันเคยมองเขาไม่ดีไม่ได้ ยิ่งผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ฉันยิ่งรู้สึกโกรธตัวเองที่เคยทำเรื่องแย่ ๆ แบบนั้นกับรัณไป “ต่อไปนี้เราจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามากันนะ...” “ใช่รัณ...เรื่องแย่ ๆ แบบนั้น ไม่เอาอีกแล้วนะกลัวตาย...” ฉันพูดติดตลกนิด ๆ แต่ก็แอบคิดจริง ๆ ว่าถ้าให้ฉันไปรับกระสุนแทนใครอีก ฉันก็ไม่เอาแล้ว... พอรอดตายมาได้ ก็กลัวตายขึ้นมาซะอย่างงั้น “ปะ ๆ ไปนั่งที่โต๊ะนะ...” ดารัณดันหลังฉันให้เดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน ก่อนที่จะขยับไอแพดงานมาวางตรงหน้าฉัน ฉันหยิบไอแพดขึ้นมาเช็กตารางงานทั้งก่อน และหลังจากที่ฉันจะเข้าโรงพยาบาล งานของพวกมาแทนจ่อคิวเต็มทั้งปีเลย... “เฮ้อออ...หนึ่งเดือนเต็ม ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำงานเลย จะเป็นง่อยแล้ว” งานของฉันคือการตามพ่อหนุ่ม ๆ ในสังกัดทั้งหลายไปงานแต่ละงานที่ติดต่อมา…แต่ฉันก็ไม่ได้ไปทุกงานนะ บางงานฉันก็ให้เมเนเจอร์คนอื่นไป แต่ถ้างานใหญ่ ๆ ฉันต้องเป็นคนไปเอง “งานจ่อคิวปีนี้เยอะมากเลยอะ…” “ใช่ ของมาแทน สกาย คีริน ปีนี้เต็มหมดเลย…” “แล้วของพี่โยยังไม่ได้รับงานเพิ่มใช่ไหมอะ…” ฉันเปิดดูตารางงานในไอแพดไปพร้อมกับถามดารัณไปด้วย “ใช่ ๆ ของโยต้องพักเอาไว้ก่อนอะธาร…โยยังไม่รับงานช่วงนี้…” “โอเค ๆ …ไหนขอดูหน่อยสิ อาทิตย์หน้าต้องไปไหน…” ฉันเปิดดูคิวตารางงานของแต่ละคน “อาทิตย์หน้าแทนถูกเชิญให้ไปรวมงานแฟชั่นโชว์ที่ปารีสเหรอ…” ฉันดูตารางงานไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับตารางงานของมาแทน “อืม ที่รัณดูให้คร่าว ๆ Versace เขาส่งจดหมายมาเชิญอะ แล้วก็ถัดไปอีกอาทิตย์หนึ่งต่อด้วย GUCCI…” “ก็เท่ากับว่าต้องไปสองงาน...” ฉันทำโน้ตใหญ่เอาไว้กันพลาด...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD