ฟ้ามืดแล้วชางฉือหมิงยังไม่ยอมกลับเรือน เมื่อเย็นเขาบอกเหลียนฮวาให้จัดสำรับให้เขาที่นี่ ลี่เซียงมิได้คัดค้าน นางก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ ส่วนชายหนุ่มมือหนึ่งอุ้มลูกสาวไว้ มือหนึ่งใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก ดูไม่ถนัดอยู่บ้าง บรรยากาศระหว่างสองสามีภรรยาที่เดิมทีควรจะตึงเครียดและชืดชากลับอบอุ่นเพียงเพราะมีเจ้าตัวน้อยอยู่ แม่นมหลี่มองภาพตรงหน้าอย่างปลาบปลื้ม คุณหนูช่างดีเหลือเกิน จากนี้ไปเรือนชิงฟางคงจะไม่ถูกเมินเฉยอีก
ชางเยว่ยังกินอาหารไม่ได้ แต่กลิ่นอาหารบนโต๊ะทำให้เด็กน้อยน้ำลายสอ ยิ่งตอนที่ท่านพ่อใช้ตะเกียบคีบไก่ตุ๋นน้ำแดงขึ้นมา ชางเยว่ถึงกับจ้องตาเป๋ง พอท่านพ่อเอาเข้าปากนางก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ พวกผู้ใหญ่เห็นแล้วต่างก็อดหัวเราะออกมามิได้ ชางฉือหมิงก้มลงมามองยิ้มๆ แล้วใช้ตะเกียบฉีกเนื้อไก่ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ทำท่าจะป้อนให้นาง
“อาเยว่ก็อยากกินไก่ตุ๋นน้ำแดงเหมือนกันใช่หรือไม่” เขากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ
ชางเยว่ไม่สนใจแล้วว่าตนเองยังกินไม่ได้ ขอแค่อมให้ได้รสชาติก็ยังดี ปากเล็กๆ รีบอ้ากว้างทันที ท่าทางราวกับลูกนกขออาหาร นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่มีโอกาสได้กินเนื้อเลย ทุกวันได้แต่ดื่มนมจากอก เนื้อไก่ยังไม่ทันจะได้เข้าปาก ลี่เซียงก็รีบยื่นมือมาดึงแขนเสื้อสามี
“นางยังกินไม่ได้ ประเดี๋ยวจะติดคอ”
ชางฉือหมิงมิได้ขัดภรรยา เพียงก้มลงมามองสีหน้าละห้อยของลูกสาวด้วยสายตาปลอบใจ เขาชักมือกลับ
“เด็กดี รอเจ้าโตอีกหน่อย อยากกินอะไรบิดาก็จะให้กิน”
ลี่เซียงได้ยินคำพูดของเขาก็แอบส่ายหัว สัญญาแบบนี้ได้อย่างไร ขืนให้เขาเลี้ยงลูก ชางเยว่คงจะเสียนิสัยกันพอดี
เด็กน้อยพออดกินของอร่อยก็เสียใจ ได้แต่เอานิ้วเข้าปากดูดจ๊วบๆ พลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แก้มยุ้ยๆ พองเล็กน้อยอย่างแสนงอน ในสายตาของพ่อแม่ ท่าทางเช่นนี้กลับน่ารักยิ่ง ชางฉือหมิงกินข้าวเสร็จแล้วถึงกับไม่ยอมกลับ ยังจะรั้งอยู่ช่วยอาบน้ำให้ลูกสาวต่อ
“เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ ท่านยังไม่คล่อง หากอาบน้ำนานเกินไปนางจะไม่สบายเอาได้”
ชางฉือหมิงไม่ฟังคำปฏิเสธ
“ข้าอยากลองดู เพียงช่วยอยู่ข้างๆ ก็ได้”
ลี่เซียงมักจะดูแลลูกด้วยตนเอง ปกติเวลาอาบน้ำก็มีเหลียนฮวาเป็นลูกมือ ทว่าวันนี้นายท่านกลับถลกแขนเสื้อช่วยนายหญิง เหลียนฮวาจำต้องหลบไปยืนอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศไม่ค่อยหนาวแล้ว ชางเยว่จึงชอบช่วงเวลาที่ได้เล่นน้ำมากที่สุด ยิ่งวันนี้นางมีท่านพ่อท่านแม่อยู่พร้อมหน้า แขนขาสั้นๆ ตีน้ำอย่างเริงร่า ท่านพ่อมือไม้เก้งก้างท่านแม่จึงให้เขาประคองร่างนางเอาไว้ในอ่าง ส่วนท่านแม่ถูเนื้อตัวอ้วนขาวที่กระดุกกระดิกตีน้ำเล่นไปพลาง
มือใหญ่ของท่านพ่ออบอุ่น ยามที่ท่านแม่ลูบไล้เนื้อตัวนางก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสกับมือเขา ท่านพ่อดูตั้งใจมาก เหมือนกลัวว่าจะทำนางหลุดมือ ชางเยว่จึงยิ้มให้ท่านพ่ออย่างให้กำลังใจ พอท่านแม่จะเอาตัวนางขึ้น นางอยากเล่นน้ำต่อจึงส่งสายตาออดอ้อนให้ท่านพ่อ ชาติก่อนท่านพ่อตามใจนางยิ่งนัก แต่ตอนนี้ท่านพ่อเหลือบมองสีหน้าเรียบเฉยของท่านแม่แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
“อาบน้ำลูกแล้ว ท่านก็กลับไปเถอะ”
ลี่เซียงเอ่ยยามอุ้มลูกไปเช็ดตัวบนเตียง
“อืม”
เขารับคำแต่ยังคงยืนมองอยู่ตรงนั้น ชางเยว่นึกว่าท่านพ่อจะไปแล้วก็โวยวายขึ้นมา
“อาเยว่คนดี พรุ่งนี้พ่อจะมาหาเจ้าใหม่ อย่าดื้อกับท่านแม่”
เขาขยับมายืนอยู่ข้างๆ ภรรยาแล้วก้มลงบอกลูกสาว ก่อนจากไปยังจูบสองแก้มแดงยุ้ยอย่างรักใคร่ ชางเยว่สีหน้าสลดแต่ไม่ได้ร้องไห้ มือเล็กๆ ยกขึ้นโบกให้ท่านพ่อคล้ายไม่ตั้งใจคล้ายรู้ความ
พอชางฉือหมิงไปแล้วแม่นมหลี่ก็รีบขยับเข้ามาใกล้
“ฮูหยินเจ้าคะ ดูไปแล้วนายท่านเอ็นดูคุณหนูมากทีเดียว”
"อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรเลย ที่เขามาก็คงด้วยเรื่องนั้น แต่เห็นเยว่เอ๋อร์กำลังน่ารักจึงอยากเล่นด้วย รอจนเขาเล่นเบื่อแล้วก็คงเอ่ยปาก"
ชางเยว่หูผึ่งแอบฟังมารดาแต่ภายนอกแสร้งทำเป็นนอนดูดนิ้ว แม่นมหลี่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
"เช่นนั้นฮูหยินยิ่งต้องเอาใจใส่นายท่านให้มากๆ วันหน้าคุณหนูจะได้ไม่ลำบาก จะให้ดีหากท่านมีคุณชายน้อยสักคน..."
"เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้"
ลี่เซียงตัดบท แม่นมคนสนิทประคองนางนั่งลงที่ขอบเตียงแล้วจับมือนางไว้พลางพูดเสียงปลอบโยน
"นายหญิงของบ่าว นายท่านดูไปแล้วมิใช่คนใจไม้ไส้ระกำ สายตาที่มองท่านก็หาได้เจือความรังเกียจสักนิด พวกท่านเป็นสามีภรรยากันแล้ว ต่อให้สองตระกูลเคยบาดหมางกันมาแต่ก่อน ตอนนี้ก็หาได้เกี่ยวกับท่านแล้ว ฮูหยินเจ้าคะ หากนายท่านมา ท่านก็ปรนนิบัติเขาดีๆ เอาอกเอาใจชักชวนให้นายท่านค้างที่นี่ ขี้คร้านนายท่านจะตอบรับอย่างยินดี หากนายท่านไม่ใส่ใจในตัวท่านหรือคุณหนู มีหรือจะมาเยือนทุกวันโดยไม่ยอมเอ่ยปากเรื่องนั้น"
เรื่องนั้นที่ว่าย่อมหมายถึงเรื่องรับอนุ ลี่เซียงขมวดคิ้ว แต่พอมองไปทางบุตรสาวสีหน้าก็อ่อนลง
"เรื่องนี้ข้าจะลองคิดดู"
แม่นมหลี่ได้ฟังคำตอบจากนายหญิงของตนก็ถอนใจอย่างโล่งอก สามีภรรยาแยกกันอยู่จะปรองดองกันได้อย่างไร นางได้แต่หวังว่าหากนายหญิงของนางสามารถกุมหัวใจนายท่าน เรื่องรับอนุนั่นหากล้มเลิกไม่ได้ อย่างน้อยก็คงจะพอยืดเวลาออกไปได้อีกหน่อย
"คุณหนูหลับเสียแล้ว"
แม่นมหลี่มองไปยังร่างน้อยที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วอุทานด้วยน้ำเสียงเอ็นดู นางอุ้มทารกน้อยจากเตียงมารดาไปวางไว้ในเปลก่อนจะออกจากห้องไป
พอนอนอยู่ในเปลของตัวเอง เด็กน้อยที่เมื่อครู่นอนหลับก็ขยับตัวเล็กน้อย ดวงตาสองข้างที่ปิดสนิทมีน้ำตาไหลออกมา ทั้งๆ ที่วันนี้นางมีความสุขมากแท้ๆ แต่กลับต้องมาได้ฟังเรื่องที่บิดาจะรับอนุ ที่แท้เขามิได้มาหานางที่เรือนเพราะคิดถึงนาง เขาเพียงจะมาแจ้งข่าวกับท่านแม่แต่ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้เท่านั้น เสียดายที่เกินที่นางยังพูดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นนางจะตัดพ้อต่อว่าบิดาให้สาสมกับความเสียใจ