1 พบกันอีกครา
ชางเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แรกเริ่มเธอเห็นเพียงแสงสว่างจ้า รอบด้านล้วนเป็นเงารางเลือน เสียงของคนข้างกายอุทานด้วยความตื่นเต้นยินดี เธอหรี่ตา พยายามเพ่งมองภาพตรงหน้าแต่ก็ยังเห็นไม่ชัดเจนนัก จึงขยับตัวตั้งใจจะลุกขึ้นนั่ง แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจขยับตัวดังใจนึก ร่างกายหนักอึ้งไปหมด ทั้งแขนขาศีรษะราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยก้อนหิน พอตั้งใจจะเปล่งเสียงถามว่าที่นี่คือที่ใด ก็ได้ยินเพียงเสียงอ้อแอ้ลอดผ่านลำคอ
เกิดอะไรขึ้น!
ชางเยว่พยายามทบทวนความทรงจำล่าสุด เธอไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวป้าที่รับอุปการะเธอหลังจากพ่อกับแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อแปดปีก่อน หลายปีที่ผ่านมาพอรู้ว่าพวกเขาไม่อาจแตะต้องมรดกที่พ่อแม่ของชางเยว่ทิ้งไว้ให้ ลุงกับป้าก็ปฏิบัติกับหลานสาวคนนี้อย่างห่างเหินไร้เยื่อใย เธอเติบโตเป็นวัยรุ่นที่โดดเดี่ยว มีเพียงความทรงจำอันแสนสุขในวัยเยาว์ที่หล่อเลี้ยงจิตใจ ชางเยว่รับรู้ได้ถึงความแล้งน้ำใจและหน้าไหว้หลังหลอกของครอบครัวลุงกับป้า จึงปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง
เธอเพิ่งจะอายุสิบเก้า หลังจากพ่อกับแม่จากไปตอนอายุสิบเอ็ดก็ไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนอีกเลย ลุงกับป้ามักจะพาลูกๆ ของพวกเขาไปเที่ยววันหยุดโดยทิ้งชางเยว่ไว้กับคนใช้ในบ้าน คราวนี้ทั้งสองใจดีผิดปกติ ถึงกับคะยั้นคะยอให้ชางเยว่ไปด้วยกัน ภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือป้ายื่นเครื่องดื่มเย็นให้ตอนอยู่บนเรือเช่าส่วนตัว เธอตอบรับไมตรีของป้า นึกไม่ถึงว่าป้าจะผลักเธอตกน้ำ!
ชางเยว่ได้ยินน้ำเสียงเสแสร้งของป้ากรีดร้องอย่างตื่นตระหนกและเสียงตะโกนวุ่นวาย เธอว่ายน้ำเป็นจึงไม่กลัวสักเท่าไร อย่างน้อยพอว่ายประคองตัวไว้พวกลูกเรือน่าจะมาช่วยเธอได้ทัน ตอนนั้นเองที่ชางเยว่เพิ่งจะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอขยับตัวไม่ได้! ร่างกายราวกับเป็นก้อนตะกั่วหนักอึ้งที่จมดิ่งลงสู่ความมืดมิดเบื้องล่าง
“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เฮือก!
น้ำเสียงที่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ช่วยดึงเธอกลับมาจากความทรงจำที่น่าสะพรึงกลัวได้ทันเวลา ชางเยว่กวาดสายตามองใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ชะโงกเข้ามาใกล้ เธอไม่คุ้นตาเลยสักนิด
“ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูตื่นแล้วเจ้าค่ะ”
“อุ้มนางมาให้ข้า”
น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนดังขึ้น พาให้ชางเยว่ตัวแข็งทื่ออย่างตื่นตกใจ น้ำตาพาลไหลอย่างไม่รู้ตัว เสียงนี้! เสียงนี้มิใช่เสียงของแม่ที่จากไปเมื่อแปดปีก่อนหรอกหรือ หรือว่าเธอกำลังฝันไป
ร่างของเธอลอยหวือ หญิงสาวที่ชะโงกมองเธอเมื่อครู่อุ้มเธอไปส่งให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง เจ้าของเสียงนุ่มนวลเมื่อครู่
แม่! แม่!
ชางเยว่ตะโกนอย่างดีใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ประทับอยู่ในความทรงจำได้ชัดถนัดตา นั่นคือแม่ของเธอที่ตายไปแล้ว เธออยากจะโผเข้าไปกอดแต่ทำได้เพียงโบกมือเท้าพลางร้องตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง
“คุณหนูท่าทางตื่นเต้นเหลือเกินเจ้าค่ะ คงจะดีใจที่ได้ใกล้ชิดฮูหยิน”
พอได้ยินวาจาของสาวใช้ ใบหน้าของคนเป็นแม่ก็มีรอยยิ้มผลิบาน
“เด็กคนนี้ ช่างร่าเริงเสียจริง”
แม่ก้มลงมาประทับจูบที่แก้มนุ่มๆ ของเธออย่างรักใคร่ ชางเยว่มีความสุขมาก สองตาเปล่งประกาย กำลังจะอ้าปากถามว่าแม่กลับมาหาเธอได้อย่างไร แม่ก็เปิดสาบเสื้อป้อนนมเข้ามาในปาก
ชางเยว่กะพริบตาปริบๆ เพิ่งจะได้มีโอกาสสำรวจสภาพของตัวเอง
เธอกลายเป็นเด็กทารก! แม่ก็ยังดูสาวกว่าที่เธอเคยจดจำได้ ท่าทางราวกับหญิงสาวอายุสิบห้าสิบหก แถมยังแต่งตัวราวกับคนโบราณ นี่เธอได้มาเกิดใหม่เป็นลูกของแม่อีกครั้งหรือ!
แม้เรื่องนี้จะทำให้เธอตกใจ แต่ชางเยว่กลับไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ขอเพียงได้เจอหน้าพ่อแม่ จะอยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นไร ชางเยว่เพิ่งจะรู้สึกหิวโหย จึงขยับปากดูดนมอย่างสุขใจ เพียงไม่นานเปลือกตาก็หนักอึ้งก่อนที่ร่างน้อยจะค่อยๆ หลับไป