กำปั้นเล็กทุบปั่กปั่กลงกับหน้าอกกว้าง แม้ธันฐกรณ์จะพยายามปัดป้อง แต่ก็ไม่อาจจะหยุดความบ้าของหญิงสาวเอาไว้ได้
“ผมบอกให้หยุดไง!”
“ฉันไม่หยุด ฉันจะทุบคุณให้ตายไปเลย”
“ยัยหมาบ้า!”
ธันฐกรณ์คำรามอย่างหมดความอดทน มือใหญ่สอดรองใต้ท้ายทอยเล็ก และตรึงเอาไว้แน่น จากนั้นก็บดปากลงไปหาอย่างดุเดือด
“อุ๊บบบ อื้อ...”
เจ้าหล่อนตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ และพยายามผลักไสเต็มแรง แต่ธันฐกรณ์ไม่ยอมหยุด เขายังคงบดขยี้ปากนุ่มนั้นอย่างลงทัณฑ์ ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรุนแรงไร้ปรานี เพราะเขาต้องการให้หล่อนยอมศิโรราบ และเลิกบ้าเสียที แต่ไหงพอจูบไปจูบมาเขากับหล่อนดันเคลิ้มไปด้วยกันทั้งคู่เสียอย่างนั้น กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่กระเป๋าสะพายของเจ้าหล่อนตกลงพื้นนั่นแหละ
ธันฐกรณ์ผลักร่างอ่อนระทวยของหญิงสาวออกห่างทันที พร้อมกับรีบตั้งสติ ในขณะที่จันทร์หอมยืนตัวสั่นเทา และยกมือขึ้นปิดปากบวมเจ่อของตัวเองเอาไว้อย่างลืมตัว
“คุณ... คุณจูบฉันอีกแล้วนะ ไอ้คนบ้า!”
“หึ คุณก็ออกจะเคลิ้มนี่นา แถมยังจูบตอบผมด้วย”
หน้านวลของจันทร์หอมร้อนฉ่าแทบมอดไหม้เพราะความอับอาย
“ไอ้บ้า! ฉัน... ฉันถูกคุณปล้นจูบต่างหากล่ะ คุณนี่มันผู้ชายเฮงซวยชัดๆ”
หล่อนถลาจะเข้าไปทุบเขาอีก แต่ก็ต้องชะงักกับคำเตือนดุดันของอีกฝ่าย
“ถ้าตีผมอีก ครั้งนี้ผมจะไม่แค่จูบปากคุณหรอกนะ”
“คุณ...!”
ธันฐกรณ์อมยิ้มร้ายกาจ ขณะเลื่อนสายตาลงมองที่หน้าอกหน้าใจของหล่อน และต่ำลงไปที่กึ่งกลางลำตัวสาวเป็นที่สุดท้าย
“ถ้าไม่อยากให้ผมจูบที่อื่น ก็ออกไปได้แล้ว”
หล่อนกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจ ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงเสียท่าผู้ชายคนนี้ถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน
“จำเอาไว้เลยนะ ถ้าเจอกันอีก ฉันจะข่วนหน้าคุณให้ยับเลย ไอ้ผู้ชายฉวยโอกาส”
เขาระบายยิ้มหยัน ไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของหล่อนแม้แต่น้อย
“ก็ถ้าคุณทำอย่างนั้น ผมก็จะดูดนมคุณเป็นการตอบแทน”
“ไอ้คนบ้า!”
“ไปซะเถอะ ผมเบื่อที่จะเถียงกับผู้หญิงบ้าๆ แบบคุณเต็มที่แล้ว”
จันทร์หอมกัดฟันแน่น มองเขาอย่างเจ็บแค้น ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปในที่สุด
ธันฐกรณ์เป่าลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ และก็อดที่จะยกมือขึ้นลูบปากของตัวเองไม่ได้ กลิ่นหอมๆ ที่ได้จากปากนุ่มของผู้หญิงปากดีคนนั้นยังคงติดอยู่
“รสชาติไม่เลว...”
แล้วชายหนุ่มก็สูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องกระจก และมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง
นรินทิพย์เห็นลูกสาวเดินคอตกกลับเข้ามาในบ้านก็รู้ทันทีว่าลูกสาวยังไม่ได้งานทำ
“สวัสดีจ้ะแม่”
จันทร์หอมเดินมาหย่อนกายลงข้างกายของมารดา สีหน้าของหล่อนไม่ค่อยดีนัก
“ยังไม่ได้งานเหรอลูก”
หล่อนถอนใจออกมา ก่อนจะตอบมารดาออกไป
“ยังเลยจ้ะแม่”
หล่อนเลือกที่จะไม่พูดถึงชะตากรรมเลวร้ายของตัวเองในวันนี้ให้กับมารดาฟัง เพราะไม่ต้องการให้ท่านไม่สบายใจ
“งานสมัยนี้หายากจริงๆ เลยเนอะ”
“ใช่จ้ะแม่ หายากมาก นี่ขนาดหอมยอมทำงานตำแหน่งอะไรก็ได้นะคะ แต่ก็ยังหาไม่ได้สักที”
น้ำเสียงของจันทร์หอมระคนความท้อแท้อยู่ไม่น้อย
นรินทิพย์นั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจบอกเรื่องของวันนี้ให้ลูกสาวรับรู้
“วันนี้คุณหญิงประไพพรรณมาที่นี่”
“มาทวงเงินเหรอจ้ะแม่”
จันทร์หอมเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่ามารดาติดหนี้คุณหญิงประไพพรรณอยู่เป็นล้านบาท
“ใช่จ้ะ ท่านมาทวงเงินน่ะ”
“แล้ว... แม่เอาเงินที่ไหนให้ไปจ้ะ ตอนนี้เราไม่มีเงินเลยนี่นา”
ผู้เป็นแม่ยิ้มเศร้าหมอง
“ไม่ได้ให้จ้ะหอม”
“แล้วคุณหญิงท่านยอมเหรอ เราผลัดท่านมานานแล้วด้วย”
จันทร์หอมทั้งกังวลทั้งละอายใจกับเจ้าหนี้ของตัวเอง
“ท่าน... จะยึดบ้านของเราน่ะ”
“ไม่... ไม่ได้นะคะแม่ พ่อรักบ้านหลังนี้มาก” จันทร์หอมส่ายหน้าดิก ยืนกรานเสียงแข็ง
“แต่เราไม่มีเงินไปคืนท่านนะหอม เราต้องยอมให้ท่านยึดบ้านหลังนี้ไป”
“หอม... หอมไม่ยอม... บ้านหลังนี้หอมอยู่มาตั้งแต่เกิด หอมให้ใครมายึดไปไม่ได้หรอกแม่”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ มองไปรอบๆ บ้านด้วยความเสียดาย
“แม่ก็ไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ให้ท่านหรอก แต่เราไม่มีเงินนี่ลูก”
“หอม... จะไปหากู้เงินนะคะแม่ อย่างน้อยๆ เราก็จะมีดอกส่งให้คุณหญิงก่อน”
นรินทิพย์ส่ายหน้าไปมา
“ท่านจะเอาเงินทั้งก้อน ไม่ยอมรับแค่ดอกเบี้ยอีกแล้วล่ะหอม”
“คุณหญิงเป็นคนใจดี หอม... หอมจะไปขอร้องท่านด้วยตัวหอมเองค่ะ” หญิงสาวรีบลุกขึ้น แต่มารดาดึงแขนเรียวเอาไว้
“ไม่มีประโยชน์หรอกหอม”
“แต่หอมยอมเสียบ้านหลังนี้ไปไม่ได้นะแม่ หอมรักที่นี่”
“แม่ก็รักที่นี่มาก แต่... เราไม่มีเงินนี่ลูก”
ตอนนี้ทั้งแม่และทั้งหล่อนร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ
“แต่คุณหญิงมีทางเลือกอีกทางให้เรา” ในที่สุดนรินทิพย์ก็ตัดสินใจพูดขึ้นมา
“อะไรเหรอคะแม่ บอกมาเลย ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟไปหามาให้ หอมก็จะทำค่ะ เพื่อรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้”
นรินทิพย์มองหน้าลูกสาว หัวใจของคนเป็นแม่แหลกลาญไม่มีชิ้นดีเมื่อต้องพูดประโยคนนี้ออกไป
“คุณหญิง... ท่านต้องการให้หอม... รวบหัวรวบหางลูกชายของท่านน่ะ แลกด้วยค่าจ้างหนึ่งล้านบาท”
“อะ... อะไรนะคะแม่... รวบหัวรวบหาง?” จันทร์หอมยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่มารดาพูดออกมา
“คุณหญิงต้องการให้หอมนอนกับลูกชายของท่าน เพื่อที่ท่านจะได้อุ้มหลาน...”
คราวนี้จันทร์หอมเข้าใจทุกพยางค์จากปากของมารดาอย่างแจ่มแจ้งเลยทีเดียว
หล่อนนั่งนิ่งเงียบ หน้าตาซีดเผือด เมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรแลกกับการมีบ้านหลังนี้
“แม่รู้อยู่แล้วว่าหอมจะไม่ตกลง แม่ก็เลยปฏิเสธคุณหญิงไปแล้ว”
“หอม... ตกลงจ้ะแม่”
ในที่สุดจันทร์หอมก็ตัดสินใจพูดออกมา ท่ามกลางความตกใจของนรินทิพย์
“หอม... แน่ใจนะลูก ว่าจะทำแบบนี้ได้จริงๆ”
จันทร์หอมฝืนยิ้มให้มารดา และดึงมือของท่านมากุมเอาไว้
“ก็แค่ตั้งท้องอุ้มหลานให้กับคุณหญิง มันไม่เห็นยากตรงไหนเลย หอมจะทำค่ะ”
“แต่แม่รู้ว่าหอมไม่อยากทำ...” นรินทิพย์มองลูกสาวอย่างสงสาร
“แต่เราไม่มีทางเลือกนะแม่ เราจนตรอกแล้ว และทางนี้ก็คือทางเดียวที่มีแสงสว่าง หอมจะทำค่ะ หอมจะต้องรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ให้ได้”
นรินทิพย์ปล่อยหยาดน้ำตาแห่งความละอายใจออกมา และดึงลูกสาวเข้ามากอดแนบอก
“แม่ขอโทษนะลูก ถ้าแม่ฉลาดกว่านี้ ไม่เอาเงินไปทุ่มกับหุ้นพวกนั้น เราก็คงไม่ต้องเป็นหนี้สินกันเยอะขนาดนี้ แม่ขอโทษ... ฮือออ...”
“ไม่ใช่ความผิดของแม่เลยค่ะ หอมเข้าใจดีว่าแม่ลงทุนเพราะอะไร แต่ในเมื่อโชคชะตาไม่เข้าข้างเรา เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเราเอง”
“แต่หอมต้องมาลำบาก... ต้องมาขายศักดิ์ศรี”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ อย่างน้อยๆ ก็แค่ปีเดียว หอมก็จะเป็นอิสระ และเราก็จะได้อยู่บ้านหลังนี้กันอย่างมีความสุขเหมือนเดิม”
แม้จันทร์หอมจะพยายามคิดในแง่ดี แต่น้ำตาของหล่อนก็ไหลออกมาจนได้
หล่อนเป็นคนรักศักดิ์ศรี แต่กลับต้องมาขายศักดิ์ศรีเพื่อเงินเสียอย่างนั้น มันช่างน่าสมเพชเหลือเกิน