จันทร์หอมวิ่งกระหืดกระหอบผ่านประตูกระจกเข้ามาภายในตึกสูงของ บริษัทฯ อสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในเวลาฉิวเฉียด
“ดิ... ฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ”
หล่อนละล่ำละลักบอกกับประชาสัมพันธ์สาวสวย และก็ยืนหอบหายใจรอ
“รอสักครู่นะคะ”
หลังจากมองสภาพของหล่อนด้วยสายตาหยันๆ เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวสวยก็หันไปกดโทรศัพท์
จันทร์หอมยืนรอด้วยความกระวนกระวายใจ และเมื่อคู่สนทนาวางสายแล้ว หล่อนจึงเอ่ยถามออกไปทันที
“เอ่อ... ดิฉันยังได้สัมภาษณ์งานอยู่ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แม้คุณจะมาเกือบสายก็ตาม”
“ดิฉันขอโทษค่ะ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย สภาพของดิฉันก็เลยค่อนข้างเละเทะแบบนี้” จันทร์หอมเอ่ยขึ้นรู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้คู่สนทนามองหล่อนเป็นมิตรขึ้นได้เลย
“นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัว คุณต้องรู้จักเผื่อเวลา” ประชาสัมพันธ์สาวหยิบกระบอกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง และกรอกเสียงลงไป
“พี่จักรออกไปพบลูกค้า แล้วจะให้ใครสัมภาษณ์งานแทนคะ”
จันทร์หอมยืนตัวลีบ ขณะยืนรอให้คู่สนทนาคุยโทรศัพท์ให้เสร็จก่อน
“ว่าไงนะคะ ท่านประธานจะสัมภาษณ์เองเลยเหรอคะ”
หล่อนได้ยินแม่ประชาสัมพันธ์สาวอุทานออกมาเสียงดัง
“ค่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวนกจะพาผู้สมัครไปรอที่ห้องสัมภาษณ์นะคะ”
และทันทีที่คู่สนทนาวางสายโทรศัพท์ จันทร์หอมก็เอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“ให้ดิฉันมาสัมภาษณ์วันหลังก็ได้นะคะ ดิฉันยินดีมาอีกรอบค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก เพราะถึงแม้ผู้จัดการแผนกจะไม่อยู่ แต่ท่านประธานจะสัมภาษณ์คุณเอง”
จันทร์หอมตัวเย็นยะเยือก หวาดหวั่นและขลาดกลัวเหลือเกิน เพราะยิ่งเอาคนตำแหน่งใหญ่โตมาสัมภาษณ์หล่อนก็ยิ่งเกร็ง
“ตามมาค่ะ”
แม่ประชาสัมพันธ์สาวสุดสวยเอ่ยขึ้น ก่อนจะก้าวฉับๆ เดินนำหน้าหล่อนไปที่ลิฟต์
“ขึ้นไปชั้นสาม พอออกจากลิฟต์แล้วให้มองทางขวามือนะคะ ห้องกระจกห้องแรกค่ะ”
แล้วคนพูดก็กดลิฟต์ให้กับหล่อน จากนั้นก็เดินจากไปอย่างไม่ไยดี
จันทร์หอมถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะรอให้ลิฟต์ตัวโตพาหล่อนขึ้นไปยังห้องที่ต้องการ
ประตูลิฟต์เปิดออก หล่อนเดินออกไป และมองไปทางขวามือตามที่ถูกสั่งมา
“ห้องกระจกแรกเหรอ”
หล่อนเห็นห้องกระจกแล้ว จึงเดินไปหยุดที่หน้าประตูห้อง ก่อนจะดันให้มันเปิดออก และก้าวเข้าไปภายใน
ภายในห้องนี้มีโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวยาววางอยู่ รอบๆ โต๊ะมีเก้าอี้หนังสีดำวางเอาไว้โดยรอบ
คงจะเป็นห้องประชุม...
หญิงสาวคิดในใจ ขณะเดินไปนั่งตัวรีบบนโซฟาริมหน้าต่าง และรอคอยให้ท่านประธานบริษัทเข้ามาสัมภาษณ์
ระหว่างนั่งรอนั้น หล่อนก็พยายามลูบเส้นผมที่พันกันยุ่งให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็จัดแจงเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำเหลืองๆ ให้น่าเกลียดน้อยที่สุด
“ไอ้ผู้ชายบ้า เจออีกเมื่อไหร่นะ จะต่อยให้หน้าหงายเชียว”
หล่อนบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความโมโหกับร่องรอยที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งเอาไว้เต็มเสื้อผ้า
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง จันทร์หอมรู้ทันทีเลยว่าจะต้องเป็นคนมาสัมภาษณ์ตนเองอย่างแน่นอน จึงลุกขึ้นยืน และยิ้มหวานรอทักทาย
เท้าใหญ่ในรองเท้าสีดำเงาวับเป็นส่วนแรกที่ปรากฏแก่สายตาของหล่อน ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาดั่งฟ้าประทานจะทิ่มแทงเข้ามาในสายตา
หล่อนเผยอปากกว้าง ดวงตาถลนจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า เมื่อเห็นใบหน้าของคนสัมภาษณ์งานตนเองชัดเจน
นี่มัน...
หล่อนพูดไม่ออก หาเสียงของตัวเองไม่เจอ และก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกมันจะกลมได้ถึงเพียงนี้
ผู้ชายที่ขับรถเหยียบน้ำกระเด็นใส่เสื้อผ้าของหล่อนจนเปียกปอน ผู้ชายที่ใช้เงินฟาดหัวหล่อน และก็เป็นผู้ชายที่ได้จูบแรกของหล่อนไปครอง
แต่ไม่ใช่แค่หล่อนคนเดียวหรอกที่ตกใจจนช็อก เพราะผู้ชายที่เพิ่งดึงประตูกระจกปิดก็มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน แต่เขาไม่ได้ตกใจมากเท่าหล่อน
“นึกว่าใคร คุณนั่นเอง”
ธันฐกรณ์ยิ้มหยันที่มุมปาก ขณะชูแฟ้มประวัติของหล่อนในอากาศ และพูดกลั้วหัวเราะด้วยน้ำเสียงของผู้คุมเกม
“โลกกลมดีนะครับ”
เขาเดินไปนั่งหลังโต๊ะไม้สีน้ำตาล ในขณะที่หล่อนยังคงยืนนิ่งเหมือนถูกสาป
นี่มันอะไรกัน ผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอ มันเป็นไปได้ยังไง!
“เอ๊า ยังจะยืนเซ่ออยู่อีก จะไม่สัมภาษณ์งานเหรอครับ”
หล่อนค่อยๆ หมุนตัวกลับมองเขา มือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวกำกันแน่น
แววตา และน้ำเสียงของเขาช่างยั่วยุให้หล่อนยิ่งโมโหมากขึ้น
“คุณเป็นคนสัมภาษณ์ฉันอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่ และผมก็มีสิทธิ์ชี้ขาดด้วยว่า จะรับคุณเข้าทำงานไหม” เขายิ้มชั่วร้าย
จันทร์หอมเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างของเขา จ้องมองเขาด้วยสายตาเจ็บใจ
“งั้นฉันไม่สัมภาษณ์ค่ะ”
“ใจเสาะว่างั้น?”
“เพราะฉันไม่อยากทำงานที่เดียวกับผู้ชายไม่มีน้ำใจอย่างคุณต่างหากล่ะ”
หล่อนตวาดแหวออกไปเสียงดัง พร้อมกับล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายของตัวเอง และหยิบเงินที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ ปากลับคืนไปเต็มแรง
“เอาเงินของคุณคืนไป!”
หญิงสาวกำลังจะวิ่งหนีออกไปจากห้องสัมภาษณ์ แต่แขนเรียวก็ถูกอุ้งมือใหญ่คว้าเอาไว้เสียก่อน
เขากระชากแรงๆ จนร่างของหล่อนปลิวเข้าไปปะทะอกกว้างเลยทีเดียว
“อ๊ะ... นี่ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้า!”
“หึ คิดว่าทำกริยาต่ำๆ แบบนี้ใส่ผมแล้ว คุณจะได้กลับไปง่ายๆ”
ใบหน้าหล่อจัดตอนนี้แดงก่ำไปด้วยแรงโทสะ ธันฐกรณ์ก้มศีรษะลงมาใกล้ มองหญิงสาวด้วยสายตาคาดโทษ
แม้จะหวาดกลัวไม่น้อย แต่จันทร์หอมก็ยังอดที่จะโต้ตอบไม่ได้
“แล้วที่คุณทำกับฉันล่ะ มันไม่ต่ำหรือไง”
“นั่นผมไม่ได้ตั้งใจ”
“หึ ถ้าไม่ได้ตั้งใจคุณก็ควรขอโทษฉันสิ ไม่ใช่เอาเงินมาฟาดหัวแบบนี้” หล่อนยังคงเถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ยอมแพ้ สองดวงตาวาวโรจน์สบประสานกันเขม็ง
“อ้าว ก็ผมจะไปรู้เหรอว่าคุณจะเป็นคนดีไม่ต้องการเงิน แต่ต้องการน้ำใจ หึ... จะบอกอะไรให้นะ ไม่มีใครไม่ชอบเงินหรอก แม้แต่คุณ” เขาเอานิ้วจิ้มหน้าผากของหล่อนแรงๆ
จันทร์หอมเบี่ยงหน้าหนี ก่อนจะเอามือเล็กหยิกหน้าอกของเขาเต็มแรง
“โอ๊ยยย... นี่คุณกำลังทำร้ายร่างกายผมอยู่นะ”
“ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก เพราะฉันเกลียดขี้หน้าผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างคุณ นี่แน่ะ ไอ้คนบ้า ไอ้คนเฮงซวย นี่แน่ะ”