รถยนต์สีขาวแล่นมาจอดที่หน้ารั้วบ้าน ตอนแรกนรินทิพย์ยังไม่รู้ว่าเจ้าของรถคือใคร แต่พอเห็นคนขับก้าวลงมา หล่อนก็จำได้ทันที
“หอม ทนายความของคุณหญิงประไพพรรณมาแล้วลูก”
จันทร์หอมที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ใกล้ๆ ชะงักงัน หล่อนวางช้อน และลุกขึ้นมายืนข้างๆ มารดาที่ริมระเบียง ดวงตาจ้องมองลงไปที่ด้านล่าง ผู้ชายในชุดสูทสีเทากำลังเดินใกล้เข้ามา
“แล้วคุณหญิงไม่มาด้วยเหรอคะแม่”
นรินทิพย์ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวแม่ลงไปเชิญคุณทนายขึ้นมาบนบ้านก่อนนะหอม”
“จ้ะแม่”
รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของจันทร์หอมจางหายไปทันที เมื่อมารดาเดินจากไป
แม้หล่อนจะรับปากกับท่านเอาไว้แล้วว่าจะรับข้อเสนอของคุณหญิงประไพพรรณ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ หล่อนก็อดที่จะกลัวไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าลูกชายของคุณหญิงประไพพรรณโตขึ้นมาแล้วจะมีหน้าตาและนิสัยใจคอเช่นไร
ขณะที่หญิงสาวใจลอยอยู่นั้น เสียงของผู้เป็นแม่ก็ดังขึ้น
“หอม มาสวัสดีคุณทนายสิลูก”
หล่อนรีบซ่อนความรู้สึกหวาดกลัวเอาไว้ให้ลึกที่สุด ก่อนจะหมุนตัวหันกลับเข้าไปในบ้าน และเดินไปยังโซฟาที่ทนายความนั่งอยู่
“สวัสดีค่ะคุณทนาย”
หล่อนยกมือไหว้ทนายความวัยกลางคนด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“สวัสดีครับ”
ทนายความมองหล่อนอย่างสำรวจตรวจตรา ก่อนจะเอ่ยชื่นชมออกมา
“คุณหญิงท่านตาแหลมจริงๆ เลยนะครับ ที่เลือกหนูหอมให้ไปทำงานนี้”
“เอ่อ...”
หล่อนยิ้มแห้งๆ ขณะหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับทนายความ ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่มารดายกน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้พอดี
แม่นั่งลงข้างๆ หล่อน และพูดขึ้น “คุณหญิงให้คุณทนายมาฟังคำตอบใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ว่าแต่คุณทิพย์กับลูกสาวตัดสินใจยังไงกันครับ”
แม่หันมามองหน้าของหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง
“ดิฉันคุยกับลูกแล้วค่ะ แล้วก็ตกลงที่จะทำตามความต้องการของคุณหญิงท่าน”
ทนายความระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าหนังหยิบสัญญาที่ร่างเอาไว้ออกมาวางบนโต๊ะกระจกตรงหน้า
“ลองอ่านสัญญาดูก่อนนะครับ ผมร่างเตรียมเอาไว้แล้ว และถ้าไม่มีอะไรขัดข้องก็เซ็นชื่อข้างล่างได้เลยครับ”
จันทร์หอมหยิบสัญญาขึ้นมาเปิดอ่าน หล่อนพยายามที่จะอ่านให้ละเอียดและทำความเข้าใจกับตัวอักษรทุกตัวในกระดาษ เพราะไม่อยากถูกเอาเปรียบ แต่แล้วก็อดแปลกใจกับข้อความในนั้นไม่ได้
“ต้องให้หอมตั้งท้องภายในหนึ่งเดือนเลยเหรอคะคุณทนาย”
“ใช่ครับ ถ้าหนูหอมท้องภายในหนึ่งเดือน หนี้สินที่ติดค้างคุณหญิงอยู่ ท่านก็จะยกเลิกทั้งหมดครับ”
“แล้วถ้าหอมไม่ได้ท้องภายในหนึ่งเดือนล่ะคะ”
“งั้นก็จะเป็นไปตามในสัญญาน่ะครับ ถ้าท้องภายในสองเดือนก็เหลือห้าแสนบาท แต่ถ้าสามเดือนหรือสี่เดือนขึ้นไป ค่าจ้างก็จะลดหลั่นลงไปครับ”
จันทร์หอมหันไปมองมารดา หล่อนส่ายหน้าบอกท่านว่าไม่เห็นด้วย แต่มารดาผงกศีรษะบอกให้หล่อนยินยอม
“แต่หอมว่า... มันไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะคะ”
“คุณหญิงท่านมีจุดประสงค์แบบนี้น่ะครับ ผมก็เลยต้องร่างสัญญาออกมารูปแบบนี้”
“ดิฉันเข้าใจคุณทนายค่ะ”
นรินทิพย์บอกทนายความอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปคุยกับลูกสาว
“หอม... แม่ว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนมันก็เพียงพอแล้วนะที่ลูกจะตั้งท้องน่ะ”
“แต่... หอมอยากได้เวลามากกว่านี้นี่คะ”
“งั้นผมคงต้องไปคุยกับคุณหญิงท่านก่อน ซึ่งไม่แน่ใจว่าท่านจะตกลงไหม” ทนายความเอ่ยออกมาอย่างไม่สบายใจ
จันทร์หอมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า และถึงแม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็จำต้องตอบตกลงออกไปในที่สุด
หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นให้เดินอีกแล้วนี่...
หญิงสาวเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หอมตกลงที่จะเซ็นสัญญาฉบับนี้ค่ะ”
หล่อนเห็นแม่ระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ซึ่งหล่อนก็รู้สึกดีไม่น้อยที่สามารถทำให้มารดายิ้มกว้างแบบนี้ได้
ก็แค่ตั้งครรภ์ให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ถึงปีหล่อนก็จะได้รับอิสรภาพแล้ว
อดทนเอาไว้นะจันทร์หอม
หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองในอก ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงในสัญญาทั้งสองฉบับ
“เป็นอันว่าสัญญาทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้ตั้งแต่นาทีนี้นะครับ”
“ค่ะ”
จันทร์หอมตอบรับออกไปเสียงแผ่วเบา ก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง
“แล้วหอม... ต้องทำยังไงบ้างคะ”
“คุณหญิงสั่งผมเอาไว้ว่า ถ้าหนูหอมตกลงเซ็นสัญญา ก็ให้ผมพาหนูหอมไปพบท่านที่บ้านครับ”
จันทร์หอมยิ้มเศร้าๆ ยอมรับในชะตากรรมของตัวเองแล้ว
“ได้ค่ะ”
“ให้ดิฉันไปด้วยไหมคะ”
นรินทิพย์เป็นห่วงบุตรสาวเลยอยากไปด้วย แต่ทนายความแย้งขึ้น
“คุณหญิงสั่งให้ผมพาหนูหอมไปคนเดียวน่ะครับ”
“แต่ว่า...” นรินทิพย์มองหน้าลูกสาวอย่างเป็นห่วง แต่จันทร์หอมฝืนยิ้มออกมา
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวหอมก็กลับมาค่ะ”
แม้ลูกสาวจะพูดให้สบายใจ แต่นรินทิพย์ก็ยังอดเป็นห่วงลูกไม่ได้ หล่อนวางมือบนท่อนแขนเรียวของจันทร์หอม
“ดูแลตัวเองดีๆ นะหอม แม่จะรอกินข้าวเย็นนะ”
“ค่ะแม่”
จันทร์หอมฝืนยิ้มและตอบมารดา ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน
“งั้นหอมขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะคุณทนาย”
“ครับผม”
เมื่อลูกสาวเดินหายไปแล้ว นรินทิพย์จึงพูดขอความเห็นใจกับทนายความ
“ฝากดูแลลูกสาวดิฉันด้วยนะคะคุณทนาย”
“ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับ คุณท่านน่าจะแค่อยากเจอหนูหอมและก็นัดแนะกันว่าจะทำยังไงต่อไปจากนี้เท่านั้นเองครับ คุณทิพย์ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
แม้จะได้ยินแบบนั้น แต่นรินทิพย์ก็ยังอดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้อยู่ดี