“เป็นไงบ้าง?” ฟาบริซเอ่ยถามผู้จัดการเกี่ยวกับผลประกอบการโดยรวมของคาสิโน่ เขาพึ่งมาจาก เวกัส’ ไปดูเครื่องเล่นรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังติดตั้งในคาสิโนของตัวเองที่นั่นและอีกหลายๆ ที่ทั่วโลก ชายหนุ่มสอดมือลงไปในประเป๋ากางเกง ทอดสายตามองลำน้ำโขงที่ไหลเอื่อยๆ ด้วยสายตาเรียบสนิท
“เหมือนเดิมครับ เรื่อยๆ ไม่ค่อยบูม” อาจจะเป็นเพราะคนเริ่มหมดตัว และเพลียกับการเสี่ยงโชค ไม่ว่าจะหอบเงินทองมามากแค่ไหน ส่วนมากทิ้งไว้ที่คาสิโนแล้วกลับไปมือเปล่า
“อืม...คงต้องจัดโปรฯ เอาใจลูกค้ากันหน่อย...คนจะได้คึกคักเหมือนเดิม” ฟาบริซกระตุกยิ้มมุมปาก หากคนเรายังมีความโลภอีกไม่นานนักพนันหน้าเดิมๆ ก็จะกลับมา
“ครับ...”
“มีหนี้ค้างไว้เยอะไหม? จัดการให้ด้วยล่ะฉันไม่ชอบให้มันเพิ่มขึ้น มันจะเป็นดินพอกหางหมู”
“เหลือไม่กี่เจ้าครับ ที่น่าจะมีปัญหาก็ไม่กี่คน” สมชายเริ่มเหงื่อตก ก็คนที่มีปัญหาส่วนมากเขารู้จักน่ะสิ
“อืม...เอาประวัติคนที่น่าจะมีปัญหามาให้ฉันดูสิ...” ชายหนุ่มหมุนตัวกลับ เขาเดินไปทรุดนั่งหลังโต๊ะทำงาน และตวัดปลายเท้าขึ้นวางหมิ่นๆ เอนตัวนอนพิงพนักเก้าอี้ พริ้มเปลือกตาหลุบลง เพราะความง่วงที่สะสมมาตลอดการเดิน
“ครับ...สักครู่ครับคุณฟาบริซ” ชายสูงวัยรีบรับคำสั่ง ใบหน้าเขายับยุ่งเมื่ออาจจะมีปัญหากับลูกค้าบางราย
แฟ้มเกือบ10 แฟ้มฟาบริซเปิดดูแล้ววาง แต่ละคนไม่น่าจะมีปัญหา สมชายคงสามารถจัดการได้ มีรายเดียวที่เป็นลูกค้าใหม่ มูลค่าหนี้ไม่มาก ไม่น้อย อยู่ในระดับกลางๆ เป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้ามีตาและดูท่าเหมือนกำลังจะเบี้ยว
“คุณนายแจ่มจันทร์นี่ค้างไว้นานแค่ไหนแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วกับผิวโต๊ะ เขาหรี่ตาลงมองใบหน้าของสมชายผู้จัดการตาวาว
ชายสูงวัยเหงื่อแตกซิกๆ เขากะแล้วว่าฟาบริซต้องมองเห็น แจ่มจันทร์เป็นญาติห่างๆ ของเขา หล่อนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่กลับหายหัว...เขาไม่เดือดร้อนเลยหากฟาบริซไม่รู้ เพราะนานๆ ชายหนุ่มจะแวะเวียนมาสักที นี่คงเป็นคราวซวยของเขากับของแจ่มจันทร์แน่ เมื่อผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่น่ะ สามารถชี้เป็นชี้ตายกับใครก็ได้ หากมีใครขัดใจ ฟาบริซเป็นคนโหด ความดุดันของเขาไม่มีใครกล้าลองด้วย แม้แต่ผู้มีอิทธิพลเถื่อนในฝั่งไทย ยังต้องหลีกทางให้เขา เมื่อชายหนุ่มมีทั้งเงิน และอำนาจ เขาไม่ใช่ไอ้กระจอก ถึงจะไม่มีแบล็คดีถือหาง...แต่กิจการของชายหนุ่มมีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน มีผู้ได้รับผลประโยชน์มากมาย เขาจึงอยู่ยงคงกะพัน...เขาควรเอาไงดีล่ะทีนี้...
“เอ่อ...”
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมสมชาย...อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับงาน”
ไม่ต้องเดาฟาบริซก็รู้ การที่ผู้จัดการที่เคร่งครัดกับหน้าที่ตัวเองมาตลอด ปิดบังเขาไว้... ก็น่าจะมาจากความสนิทสนมกับเป็นพิเศษกับลูกค้า เขาเดาถูกเป๋ง...จนสมชายสะดุ้ง!
“เธอเป็นเมียนายทหาร และผมคิดว่าเธอไม่น่าจะเบี้ยว ผมจะรีบจัดการให้แล้วกันครับ”
ชายสูงวัยรับคำแข็งขัน เขาคงต้องเจรจากับแจ่มจันทร์ ไม่ปล่อยให้เยิ่นเย่ออีกต่อไป มันจะพลอยซวยไปกันหมด
“อย่าเลย...ฉันรู้ว่าคุณลำบากใจ ให้ฉันจัดการเองดีกว่า...วันนี้หล่อนมาหรือเปล่าล่ะ ให้คนตามตัวมาหาฉันหน่อยสิ”
สมชายครางในอก เรื่องมันลุกลามไปกันใหญ่ เมื่อฟาบริชออกตัวจะจัดการเอง...ช่วยตัวเองแล้วกันนะ...แจ่มจันทร์
“ไม่ทราบครับ? เดี๋ยวผมจะลองโทร. หาเธอดู หากเธอมา...ผมจะพาตัวมาพบกับคุณครับ” สมชายรับคำเสียงหนักๆ เขาถอนลมหายใจพรวดๆ รีบกันตัวเองให้รอดพ้นจากวิกฤตที่น่ากลัว...เพราะคนที่ควรกลัวคือแจ่มจันทร์!
ประตูห้องทำงานของฟาบริซปิดงับลง ชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง เขาอยากพักสายตา ยังมีอีกหลายที่ที่ต้องเดินทางไปตรวจตรา...ชีวิตของเขามีแต่การเดินทางและทุกทีที่ไปมักมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาพัวพันตลอด เมื่อสถานะส่วนตัวของฟาบริซเขาโสดสนิท...ชายหนุ่มเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบทอดสะพานให้ เพราะแค่เศษเงินก้นกระเป๋าของฟาบริซหล่อนก็สบายไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ
“แจ่มจันทร์...งานเข้าแล้ว!” สมชายต่อสายหาแจ่มจันทร์ทันที ที่ก้าวพ้นประตูห้องทำงานของฟาบริซ
“มีอะไรพี่ชาย...งานเข้า! งานอะไรอีก” นางยังคงไม่รู้ตัว คุณนายนายทหารพึ่งจะเดินเข้าประตูดีคอร์เนอร์ซิตี้ นางกำลังอารมณ์ดีที่จะได้ประลองฝีมือ หลังจากกวาดเงินรายได้ในร้านขนมมาเกือบหมด
“เห้อ...คุณฟาบริซรู้เรื่องเงินค้างจ่ายของเธอแล้ว... ท่านอยากเจอเธอน่ะ”
สมชายบอกแจ่มจันทร์ เขาช่วยจนสุดความสามารถ ต่อไปนี้แจ่มจันทร์คงต้องช่วยตัวเอง
“อะไรนะพี่ชาย...ตายล่ะ! ฉันควรทำยังไงดีล่ะ”
“เธออยู่ไหนแจ่มจันทร์ ทางที่ดีที่สุดคือมาพบท่าน แล้วตกลงกันให้ได้เร็วๆ ล่ะ ไม่อย่างนั้นนะ... เธออาจกลายเป็นอาหารปลาในลำน้ำโขง” สมชายเตือนเสียงเข้ม คนหลายคนกลายเป็นศพ แล้วก็ไม่สามารถจับมือใครดมได้ เมื่อมันคืออิทธิพลมืด...ที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
“พูดเป็นเล่นไปได้พี่ชาย!...ฉันไม่ใช่ตาสี ตาสานะ จะมาฆ่าแกงกันง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ” เธอกล่าวตอบเสียงขุ่น เงินก็กำลังหาอยู่นี่ไง แต่มันสุดวิสัยจริงๆ เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ
“เธอกำลังเล่นอยู่กับใครแจ่มจันทร์? ที่นี่น่ะ คุณฟาบริซยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าเขาไม่ใช่กระจอก... ผัวทหารช่วยเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เธอเป็นคนมีอิทธิพลเสียเองท่านก็ไม่ได้คิดกลัว พี่เห็นตายกันง่ายๆ มาหลายคนแล้วล่ะ หาเงินมาคืนเขาให้เร็วที่สุดดีกว่า...อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลย พี่ช่วยอะไรเธอไม่ได้เรื่องนี้นะแจ่มจันทร์...ขอบอกก่อน มันคนล่ะส่วนงาน มีคนของท่านคอยจัดการตามเก็บ ตามล้างเรื่องพวกนี้...โดยเฉพาะ! และไม่มีใครกล้ายุ่ง”
“โหยพี่ชาย...ฉันอยากจะเป็นลม ฉันกำลังเดินเข้าประตูคาสิโนพอดีเลย...พี่อยู่ตรงไหน?”
แจ่มจันทร์ครางเสียงหลง เธอกลัวตายจับจิต...
“รออยู่นั่นแหละ... พี่จะพาเธอไปพบท่านเอง...ปวดหัวว่ะ! พี่ไม่น่าให้เครดิตเธอเลยนะแจ่มจันทร์ มันจะพลอยซวยด้วยกันทั้งคู่” สมชายบ่นอุบ เพราะเห็นเป็นเครือญาติ และแจ่มจันทร์มีฐานะดี เขาไม่คิดว่านางจะถลำลึกขนาดนั้น เล่นเสียเกือบครึ่งล้านในคืนเดียว...แล้วก็พลัดผ่อนมาตลอดจนเรื่องแดง
สาวใหญ่เข่าอ่อน นางยึดเกาะราวจับและค่อยกระดืบๆ ไปทรุดนั่งในเก้าอี้ที่หน้าล็อบบี้ ที่ทางคาสิโนมีไว้บริการสำหรับลูกค้า รีบควานมือในกระเป๋าสะพาย ล้วงหาถ้ำยาดม ก่อนจะเปิดฝายกขึ้นจ่อจมูก สูดลมหายใจแรงๆ รู้สึกหน้ามืด และหัวใจเต้นระโหยโรยแรง
“ไม่น่าเลยเรา...ไม่น่าเลยจริงๆ” นางบ่นว่าตัวเองเบาๆ ความละโมบแท้ๆ ทำให้นางถลำลึกขนาดนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคาสิโนจะมีกลลวงเพื่อเรียกลูกค้า เขาอ่อยให้นางลำพองว่าเล่นได้ในคราแรกๆ จนทุ่มลงไปหมดทั้งตัวและเริ่มเสียคืน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จนเงินที่มีร่อยหรอ แถมยังเป็นหนี้บ่อนเสียอีกก่อนใหญ่...จากที่ลำพองกับชัยชนะแทบเป็นแทบตาย นางไม่เคยคิดว่าการพนันจะสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้ ในเวลาไม่กี่นาที เพียงแค่เผลอแปบเดี๋ยว... ทุกอย่างหายวับไปในอากาศ นางเสียจนเกลี้ยงกระเป๋า ขายสมบัติติดตัวทั้งหมดเพื่อจะแก้มือ แต่ยิ่งทุ่มก็เหมือนยิ่งจม...จนได้เจอกับสมชายโดยบังเอิญ ตอนที่กำลังนั่งละห้อยละเหี่ย เขาเปิดเครดิตให้นางแก้มือ และนางคิดแค่จะทวงเงินของตัวเองคืน...สุดท้ายก็เหมือนเดิม... เธอเสียหมด เป็นหนี้เกือบครึ่งล้าน...และกลุ้มใจหนัก คิดจนหัวแทบระเบิด...แต่ไม่มีทางออกสักทาง เพชรทองที่ใส่ก็ของปลอม นางทำเลียนแบบขึ้นมาเพื่อตบตาทุกคน เป็นเพราะนางขายเอาเงินมาเล่นจนหมด หากคุณประพจน์สามีรู้เข้า... นางคงต้องลำบากกว่านี้เสียอีก เมื่อเขาเกลียดการพนันสุดชีวิต นางจำต้องปิดเป็นความลับ ต้องไม่ให้เขารู้อย่างเด็ดขาด