พฤติกรรมผิดแปลก

2136 Words
วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศร้อนอบอ้าว แสงแดดส่องผ่านม่านไม้เข้ามาในลานเรือน อวี่เยียนแบกเอาผ้าห่มและผ้าปูเตียงออกมาพึ่งแดด เปิดประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อระบายอากาศ จากนั้นหมุนตัวเข้าครัว ทำอาหารเช้าง่ายๆ ก่อนจะพยุงมู่เหวินจิ้งให้ออกมาทานพร้อมกันเช่นทุกวัน “วันนี้เจ้าจะออกไปแปลงผักอีกหรือ” อวี่เยียนเงยหน้าจากชามข้าว “แน่สิ ไม่ให้ข้าไปแล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรเล่า ผักที่ข้าปลูก ส่วนหนึ่งเก็บไว้กิน อีกส่วนเก็บไว้ขาย ข้าต้องขยันก่อนฤดูหนาวจะมาเยือน” มู่เหวินจิ้งได้ยินก็ขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามต่อ “เจ้าตัวคนเดียว ทำงานเลี้ยงตัวเองหรือ” “แปลกมากหรือไง” “ครอบครัวเจ้าไปไหน” อวี่เยียนนิ่งไป ไม่รู้ว่าทำไมมู่เหวินจิ้งจึงถามคำถามนี้กับนาง เขาต้องการจะสอดแนมนางอย่างงั้นหรือ “ตายหมดแล้ว” “ตายหรือ” “อืม” อวี่เยียนตอบเสียงเรียบ ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรกับคำตอบนัก ตรงข้ามกับมู่เหวินจิ้ง บุรุษจินตนาการว่าสตรีคงนั่งทำหน้าเศร้า รู้สึกเคว้งคว้างในหัวใจมากเป็นแน่ ทั้งสองนั่งกินข้าวกันเงียบๆ หลังจากเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย อวี่เยียนก็จะพามู่เหวินจิ้งกลับห้องพักตามปกติ แต่วันนี้บุรุษกลับสะบัดมือนางทิ้ง “ข้าเบื่อ อยากออกไปข้างนอก” “จะออกไปได้อย่างไร เจ้า...ยังไม่สบายอยู่ อีกอย่างข้าไปแค่หลังเรือน ไม่ได้ออกไปไกลเสียหน่อย” มู่เหวินจิ้งทำหน้าบึ้ง ลุกขึ้นวาดมือไปมาในอากาศ “ไปด้วย ข้าจะไปด้วย” มู่เหวินจิ้งปัดป่ายมือพร้อมก้าวขาอย่างเก้ๆ กังๆ อวี่เยียนรีบเข้ามารับตัวชายหนุ่มได้ทันก่อนเขาจะสะดุดล้มหัวทิ่ม สองร่างโอบกอดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ อวี่เยียนเงยหน้ามองใบหน้าคมคายที่เกือบแนบชิดติดกัน จมูกโด่งแตะสัมผัสยังแก้มนุ่มนิ่ม ลมหายใจปะทะเข้าที่ซอกคอขาวกรุ่น มู่เหวินจิ้งได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวดอกมู่ตาน ยิ่งสูดดมยิ่งหลงใหลยิ่งอยากเข้าใกล้ ใจบุรุษเต้นรัวเร็วขึ้นหลายเท่า ฝ่ายอวี่เยียนนางก็คล้ายจะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตากลมไล่สำรวจความหล่อเหลาที่มีพลังทำร้ายล้างสูงอย่างพินิจพิจารณา แม้ดวงตาจะดูหม่นหมองแต่ส่วนอื่นช่างสมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร คิ้วโค้งคมเข้ม แผงขนตายาวลู่ลงดั่งปีกผีเสื้อ จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักหนา ริมฝีปาก...น่าจูบ อวี่เยียนรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดลามกออกจากหัว ดันกายใหญ่ออกห่างก่อนจะถอนหายใจอย่างระอา “เจ้านี่ดื้อเสียจริง อยากจะไปด้วยก็ได้ แต่ห้ามมาเกะกะข้าเชียว” อวี่เยียนหันมองไปรอบเรือน เห็นท่อนไม้ยาวไม่เล็กไม่ใหญ่พิงอยู่ใกล้ๆ กับกองฟืนก็รีบวิ่งไปหยิบมา “ใช้นี่ช่วยคลำทางละกัน” หญิงสาวส่งท่อนไม้ให้มู่เหวินจิ้งก่อนจะประคองเขาออกมาด้านหลังของเรือน จัดการให้เขานั่งลงบนแคร่ไม้ใต้ร่มไม้ใหญ่ ในใจคิดว่าบางทีมู่เหวินจิ้งคงจะรู้สึกเบื่อที่ได้แต่นั่งกินนอนกินอยู่แต่ในห้องกระมัง พาเขาออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน เสียงฝีเท้าเล็กๆ วิ่งวนไปมาอยู่รอบๆ มีเสียงขุดดินและเสียงน้ำไหลดังสลับกันไปมา มู่เหวินจิ้งยืดหลังตรง ตั้งใจฟังทุกอย่างอย่างตั้งใจ กระทั่งได้ยินเสียงใสตะโกนถาม “ร้อนหรือไม่” หรือ “หากหิวน้ำก็บอกข้าได้นะ” ดูแล้วแม่นางคนนี้เป็นคนขยันขันแข็ง จิตใจดีและร่าเริงมากทีเดียว มู่เหวินจิ้งครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ กระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วยาม เสียงใสพลันดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าจะนำผักที่เก็บได้ไปขายที่ตลาด เจ้าจะไปด้วยหรือไม่” มู่เหวินจิ้งส่ายหน้า เขาไม่อยากไปเป็นภาระของอวี่เยียน หากนางพาเขาไปด้วยก็ต้องคอยพยุง ไหนจะตะกร้าผักอีก ช่วยนางไม่ได้ก็อย่าเป็นตัวถ่วงเลยจะดีกว่า “ข้าจะเข้าไปรอในเรือน รอเจ้ากลับมาทำอาหารให้กิน” อวี่เยียนตอบรับในลำคอ แม้ใจจะยังสงสัยว่าเหตุใดชายคนนี้ถึงมีนิสัยผันผวนจับทางไม่ได้เช่นนี้ บอกจะดื้อก็ดื้อหัวชนฝา บอกจะเชื่อฟังก็เชื่อฟังง่ายๆ เช่นนี้เชียว แปลกคน “งั้นข้าจะรีบไปรีบกลับ” เมื่อพามู่เหวินจิ้งเข้ามาพักด้านในเรียบร้อย อวี่เยียนก็ปิดประตูลงกลอนและเดินออกมาพร้อมตะกร้าผักใบใหญ่ นางจะนำผักที่ปลูกได้ไปขายให้แม่ค้าในตลาดอีกที ด้วยเพราะไม่อยากเสียเวลานั่งขายเอง แม้จะไม่ค่อยได้กำไรแต่ก็ไม่ขาดทุน พอเหลือมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อยู่ “อ้าวๆ เยี่ยนเอ๋อร์ ไม่เจอกันเสียนาน เป็นอย่างไรบ้างเล่า พักนี้พี่จินไม่ค่อยได้เห็นหน้าเจ้าเลยนะ” อวี่เยียนกลอกตามองบนทันที ให้ตายเถอะ เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอลั่วจินกั่ว อันธพาลอันดับหนึ่งไม่เป็นสองรองใครเสียได้ “ช่วงนี้ข้ายุ่งนะพี่จิน นานๆ ครั้งจึงจะเอาผักมาขาย” อวี่เยียนปั้นยิ้มตอบ เพราะการมีเรื่องกับอันธพาลก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตายทางอ้อม “เช่นนั้นเองหรือ ทำงานหนักทั้งยังอยู่ตัวคนเดียว” ลั่วจินกั่วขยับตัวเข้าใกล้ ยื่นมือออกมาหมายจะจับหน้าของอวี่เยียน ทว่าหญิงสาวก็เบี่ยงตัวหนีได้ทัน “ไม่เห็นต้องทำท่ารังเกียจกันปานนั้นเลยนี่ หายากนะที่พี่จินจะถูกตาต้องใจใครเช่นนี้” “ข้านับว่าโชคดีนักที่พี่จินให้ความเอ็นดู” อวี่เยียนแสร้งตีหน้าใสซื่อ “ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ข้าจะต้องรีบกลับเรือน เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะเจ้าค่ะ” ถือว่าเป็นโชคดีที่วันนี้ลั่วจินกั่วมาคนเดียว เพราะโดยปกติชายหนุ่มจะติดสอยลูกสมุนมาอีกเป็นพรวน ไม่รู้ว่าว่างมากหรือไงถึงตามก่อกวนคนอื่นไม่เลิกเช่นนี้ หลังจากสลัดตัวน่ารำคาญออกไปได้ อวี่เหยียนก็แวะซื้อปลาและเนื้อไก่จำนวนหนึ่งกลับไปด้วย อวี่เยียนใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงเรือน เห็นมู่เหวินจิ้งนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเหมือนก่อนที่นางจะออกไป อีตานี่เป็นคนหรือหุ่นขี้ผึ้งกันแน่นะ นั่งตัวแข็งเชียว อวี่เยียนเริ่มจุดเตาไฟ หุงข้าว นำเนื้อไก่มาผัดกับผักที่เตรียมไว้ ขูดเอาเนื้อปลาออกมาใส่น้ำแกงที่ตนเคี่ยวทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า ยิ่งนานวันฝีมือทางด้านการทำอาหารของอวี่เยียนยิ่งก้าวหน้า แม้ไม่อร่อยเลิศแต่ก็ไม่แย่จนกระเดือกไม่ลง “เอ้าๆ วันนี้มีไก่ด้วยนะ กินเยอะๆ” มู่เหวินจิ้งเลิกคิ้วฉงน “ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย ก็กินอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง” อวี่เยียนยิ้มแห้งกะพริบตาปริบ จะให้นางบอกได้อย่างไรว่าที่ผ่านมา ทั้งหมดทั้งมวลที่มู่เหวินจิ้งสวาปามเข้าปากหาใช่ไก่หรือหมู แต่เป็น ดึ๋ง ดึ๋ง อะไรเอ่ย เขียวๆ ลื่นๆ “เถอะน่า อย่าถามให้มากความ” อวี่เยียนตักกับข้าวใส่ชามให้มู่เหวินจิ้ง แน่นอนว่ายอมสละส่วนของตนให้มู่เหวินจิ้งด้วย ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกผิดที่หลอกลวงเขา “เจ้าก็ด้วย...กินเยอะๆ” มู่เหวินจิ้งกล่าวเสียงเรียบแล้วรีบโกยข้าวเข้าปากแก้เขิน ส่วนอวี่เยียนนิ่งชะงักกับคำพูดที่คล้ายจะเป็นห่วงเป็นใย ก่อนจะกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ขำอะไรของเจ้า” “ไม่คิดว่าบุรุษหน้าตายเช่นเจ้าจะมีมุมนี้ด้วย” “บุรุษหน้าตายหรือ” อวี่เยียนเอื้อมมือไปกดตรงหัวคิ้วสองข้างของมู่เหวินจิ้งพลางเอ่ยหยอกเย้า “นี่ไง ขมวดคิ้วแบบนี้ ทั้งยังตีหน้าเข้มตลอด น่าเสียดายความหล่อของเจ้านะ หัดยิ้มบ้างได้หรือไม่” มู่เหวินจิ้งสะบัดใบหน้าของตนออก พยายามจะเขกศีรษะสตรีจอมซน ทว่าอวี่เยียนกลับจับมือของเขาไว้ได้ทันพร้อมหัวเราะเสียงดัง “คิดว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆ หรือไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ปล่อยให้อดข้าวเสียเลยนี่” แต่แล้วมู่เหวินจิ้งกับยกมืออีกข้างของตนขึ้นมากอบกุมมือเล็กไว้ ลูบสัมผัสผิวเนื้อละเอียดเบาๆ ทว่าความแข็งกระด้างและรอยแผลนูนบวมที่ฝ่ามือนั้นทำบุรุษนิ่งชะงัก สตรีที่จับจอบเสียบส่วนใหญ่... คงจะเป็นเช่นนี้สินะ “นี่! ปล่อยนะ” อวี่เยียนชักมือของตนออก รอยยิ้มเมื่อครู่พลันหายไปจากใบหน้า นางไม่เข้าใจว่ามู่เหวินจิ้งต้องการจะทำอะไร ครั้นเอ่ยถามเขาก็ตีหน้านิ่งไม่ตอบอะไรเช่นเคย ทั้งสองกินข้าวกันเงียบๆ อวี่เยียนตักข้าวคำเหลือบตามองมู่เหวินจิ้งหนึ่งที ปัญหาที่คิดไม่ตก นางจะทำเช่นไรกับชายผู้นี้ ตามท้องเรื่อง...มู่เหวินจิ้งรับอวี่เยียนเป็นภรรยาเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณ ส่วนอวี่เยียนหลงรักมู่เหวินจิ้งเต็มหัวใจจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับ เช่นนั้นนางควรปฏิเสธความหวังดีที่ไม่ประสงค์รักของมู่เหวินจิ้งสินะ หนทางเดียวที่จะเอาตัวเองออกจากวังวนของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด อวี่เยียนเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย เตรียมพร้อมจะเข้านอน ส่วนมู่เหวินจิ้งนั้นคลำทางไปนั่งที่เตียงเองได้แล้ว ชายหนุ่มเริ่มคุ้นชินกับทางเดินและจดจำจุดที่วางเครื่องเรือนได้ หลายครั้งจึงสามารถเดินไปไหนมาไหนภายในเรือนได้ด้วยตัวเอง “งั้นข้าไปนอนก่อนนะ เจ้าก็พักผ่อนเถอะ” อวี่เยียนหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องของตน ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นห้องเก็บของและไม่มีเตียงนอน อวี่เยียนต้องนำเสื่อขาดๆ ผืนหนึ่งมาปูรองแทน หากยามที่อากาศร้อนมันคงไม่รู้สึกลำบากเท่าไหร่ แต่หากฤดูหนาวมาเยือนเมื่อใด ห้องสี่เหลี่ยมนี้คงไม่สามารถใช้หลับนอนได้เป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม อวี่เยียนมั่นใจว่าตนจะต้องได้พบกับหมอเทวดาก่อนลมฤดูหนาวจะมาถึง หลังจากนั้นจะได้ลาขาดจากพระเอกนิสัยแปลกคนนี้เสียที จะได้ใช้ชีวิตอย่างยืนยาวหรือกระทั่งสร้างธุรกิจสวนผักออร์แกนิกเป็นของตนเอง อวี่เยียนนอนวาดฝันอนาคตของตัวเองจนเคลิ้มหลับไปในที่สุด วันใหม่ฟ้าใสมาเยือนพร้อมเสียง โครม! ดังออกมาจากห้องครัว อวี่เยียนดีดตัวลุกขึ้นในทันที ขยี้ตางัวเงียพร้อมวิ่งตรงไปยังห้องที่เกิดเสียง “มู่เหวินจิ้ง! นั่นเจ้ากำลังทำอะไร” อวี่เยียนลมแทบจับ ห้องครัวเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย ในมือของมู่เหวินจิ้งเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษขี้เถ้าอีกทั้งใบหน้ายังเปื้อนรอยดำ “เจ้ามาพอดีเลย หยิบฟืนให้หน่อย ข้าจะจุดไฟ” อวี่เยียนอ้าปากค้าง เขาจะบ้าหรือไง! ตามองไม่เห็นริอ่านจะจุดไฟงั้นหรือ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน!!! “ฟังอยู่หรือไม่ ข้าอยากได้ฟืน” อวี่เยียนยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ไม่ต้องแล้ว ข้าจัดการเอง เจ้านี่นะ...จริงๆ เลย” อวี่เยียนสะบัดมือพร้อมออกปากไล่อีกครั้ง บอกให้มู่เหวินจิ้งไปล้างหน้าล้างตาเตรียมรอกินอย่างเดียวจะดีกว่า เมื่อเห็นเขาพยุงตัวเองออกไปแล้ว อวี่เยียนก็ลงมือเก็บกวาดครัวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่แล้วขณะกำลังซาวข้าว มู่เหวินจิ้งกลับเดินเข้ามาในครัวอีกครั้ง บุรุษเปลือยท่อนบน ยืนอวดมัดกล้ามอย่างหน้าไม่อาย อวี่เยียนเงยหน้ามองด้วยความตะลึง ใบหน้าแดงก่ำ เลือดกำเดาแทบพุ่งออกมาจากจมูก “อะ...อะไร...ตะ...ต้องการอะไร” มู่เหวินจิ้งยังคงไม่แสดงออกจากสีหน้า มือหนึ่งชูผ้าผืนบางในมือขึ้นมา กล่าวเสียงเรียบ “ข้ามองไม่เห็น เช็ดตัวไม่ถนัด” อวี่เยียนเลิกคิ้วงุนงง “เจ้าช่วยเช็ดตัวให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD