“หยางอิ่ง นางเคยมีคนรักอยู่ก่อนจะแต่งเข้าสกุลโจว เขาเป็นญาติผู้พี่ของข้าเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันมานานหลายสิบปี แต่เพราะต่างฝ่ายต่างมีคู่หมายอยู่แล้วจึงไม่อาจสมหวังในรัก”
ใต้เท้าโฮ่วพูดพลางถอนหายใจ “ในวันหนึ่งในฤดูหนาว พี่ชายและข้ารับพระราชโองการไปรบที่ชายแดน ด้วยเพราะเกรงว่าจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ข้าจึงอยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน ผนวกกับได้ข่าวว่าสุขภาพของหยางอิ่งไม่ค่อยแข็งแรง ข้าจึงอยากเพิ่มแรงใจให้นาง ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าข้าจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้”
จงหยางอี้เดินเข้ามาตบบ่าโจวโซวเชิน “พี่ชายของใต้เท้าโฮ่วตายในสงคราม ส่วนใต้เท้านั่นบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่นานหลายปีกระทั่งได้รับราชโองการให้ประจำอยู่ที่ชายแดนเป็นการชั่วคราว จึงไม่ได้รับข่าวคราวของมารดาเจ้าอีก”
เพราะสกุลโจวปกปิดการตายของหยางอิ่ง พวกเขาจับนางไปขังไว้ในห้องที่ทั้งมืดและชื้น ไม่มีเตาไฟ ผ้าห่ม หรือกระทั่งอาหารให้กินจนอิ่มท้อง ส่งผลให้สุขภาพที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วยิ่งทรุดหนัก
“โซวเชิน” กู่เสี่ยวถิงกระซิบเสียงเบา รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของโจวโซวเชินนัก แต่เมื่อเห็นแววตานิ่งสงบของเขา นางก็เริ่มเบาใจ
“โกหก! โกหกทั้งเพ!!!” นายท่านโจวยังคงไม่ยอมรับความจริงนี้ เขาร้องโวยวายราวคนบ้า
“ยังจะดื้อด้านอยู่อีก! ทหาร! นำนายท่านโจวไปโบยยี่สิบไม้แล้วส่งกลับจวนโจว ส่วนพวกเจ้าทุกคน จงรีบกลับไปเก็บข้าวของแล้วออกจากเมืองไปก่อนฟ้าสางของพรุ่งนี้!” ใต้เท้าโฮ่วสั่งการ
คนทั้งหมดถูกลากออกไปตามคำสั่ง เดาได้เลยว่าชีวิตของพวกเขาหลังจากนี้ จะต้องยากแค้นแสนเข็ญมากเป็นแน่
“แม่ของข้า... นางไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ ด้วย” โจวโซวเชินพึมพำ รู้สึกหัวใจพองโตและดีใจยิ่ง
มารดาของเขามิเคยทำเรื่องผิดจารีต นางเป็นภรรยาที่ดีและแม่ที่ดีมาตลอด
“ข้าขอโทษที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ช้าเกินไป ทำให้เจ้าต้องพบเจอกับความลำบากมานาน” ใต้เท้าโฮ่วพูดพลางรู้สึกผิดยิ่งนัก
“ไม่เป็นไรเลยขอรับ แค่นี้...มารดาที่ล่วงลับของข้าก็คงนอนตายตาหลับแล้ว ข้าต้องขอขอบคุณใต้เท้าโฮ่วจึงจะถูกต้อง”
“ใต้ทงใต้เท้าอะไร เรียกท่านลุงเถิดนะ” ใต้เท้าโฮ่วพูดเสียงกลั้วหัวเราะ เขามองสตรีที่ยืนเกาะแขนของโจวโซวเชินก่อนเบือนสายตามาทางกู่กวงซิวและหลี่เฟย
“นายท่านกู่ กู่ฮูหยิน ถึงข้ามิใช่ญาติโดยตรง แต่ข้าก็ตั้งใจอยากรับโจวโซวเชินเป็นบุตรบุญธรรมอยู่แล้ว เช่นนั้น...หากข้าจะขอเป็นญาติผู้ใหญ่ เจรจาเรื่องการแต่งงานของเด็กทั้งสอง พวกท่านจะติดอะไรหรือไม่”
“ไม่ติดๆ” กู่กวงซิวหัวเราะ ถึงเขามีอายุมากกว่าใต้เท้าโฮ่ว แต่ก็ทำทีสนิทสนมไม่ถือตน เพราะหากนับกันตามยศศักดิ์ ใต้เท้าโฮ่วก็ถือว่าเป็นขุนนางระดับสูงกว่ากู่กวงซิวด้วย
จงหยางอี้รับบทไล่ต้อนแขกทั้งหมดให้เดินทางกลับ เพื่อเอื้อพื้นที่ให้ทั้งสองตระกูลพูดคุยเรื่องงานแต่งได้สะดวก
“เอ่อ ใต้เท้าโฮ่ว”
“เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ท่านลุงโฮ่ว” โจวโซวเชินไม่ชินกับการเรียกใครว่าลุงเอาเสียเลย “ข้าขอฝากเรื่องให้ท่านจัดการสักครู่ได้หรือไม่ ข้าอยากพาคุณหนูรองเข้าไปพักด้านใน ดูเหมือนนางจะยังเจ็บขาอยู่”
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากผู้ใหญ่ โจวโซวเชินก็ขอยืมห้องว่างจากจงหยางอี้แล้วอุ้มพากู่เสี่ยวถิงเข้าไปด้านในห้องพร้อมรับยานวดมาจากสาวใช้
กู่เสี่ยวถิงถูกวางลงบนตั่ง ก่อนเขาจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“เจ้าไม่ได้อยากพาข้ามาพัก แต่อยากพักเองเสียมากกว่า”
โจวโซวเชินหัวเราะเมื่อถูกรู้ทัน เขาแตะปลายนิ้วลงบนจมูกเล็กอย่างหยอกล้อ “สมกับที่เป็นว่าที่ฮูหยินของข้า”
“เรียกข้าว่าฮูหยินได้อย่างถนัดปากนักนะ เมื่อก่อนยังเขินอายอยู่แท้ๆ”
“ท่านชอบแบบไหนเล่า ชอบที่ข้าเขินอายหรือชอบที่ข้า...” โจวโซวเชินยืนหน้าเข้ามาใกล้แล้วจุ๊บปากของกู่เสี่ยวถิง “ว่าอย่างไร ชอบแบบไหน”
“คง...ชอบทุกแบบกระมัง” กู่เสี่ยวถิงตอบแล้วจุ๊บกลับไป
โจวโซวเชินหน้าแดงก่อนเผยรอยยิ้มน้อยๆ “ข้าเอาชนะท่านไม่ได้จริงๆ สินะเนี่ย”
กู่เสี่ยวถิงขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ แล้วเอ่ยถามถึงความรู้สึกในตอนนี้ของโจวโซวเชิน “เจ้าคงจะโล่งใจมากเลยใช่หรือไม่”
“อืม ข้าสบายใจมาก” รอยยิ้มส่องประกายอยู่ในดวงตาสีดำสนิท “และที่สบายใจที่สุดคือข้าได้ทำตามสิ่งที่ข้าหวังได้สำเร็จ ข้าได้เป็นขุนนาง สามารถปกป้องอยู่เคียงคู่ท่านแล้ว”
ตามเนื้อเรื่องเดิม โจวโซวเชินต้องการเป็นขุนนางเพื่อยกฐานะตนเองให้ทัดเทียมกับจงหยางอี้ โดยแอบหวังให้หวงหนิงเซียน นางเอกของเรื่องหันมาสนใจ
แต่กลับกันแล้ว... ตอนนี้เขาต้องการเป็นขุนนางเพื่อปกป้องกู่เสี่ยวถิง
กู่เสี่ยวถิงรู้สึกซาบซึ้งจนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ “ที่เจ้าพูดว่าจะแต่งเข้าสกุลกู่ ข้าว่าเจ้าลองคิดดูอีกทีดีหรือไม่ มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่อยู่นะ ส่งผลถึง...เอ่อ”
“ท่านกังวลเรื่องลูกจะใช้นามสกุลของใครสินะ”
กู่เสี่ยวถิงพยักหน้าช้าๆ
“ข้าตัดสินใจดีแล้ว ข้าไม่สนใจหรอกว่าตัวเองจะผิดต่อตระกูลโจวหรือบรรพบุรุษหรือไม่ ข้าอยากตัดขาดจากพวกเขา และไม่ต้องการให้ท่านต้องมาแปดเปื้อนด้วยเรื่องต่ำทรามที่สกุลโจวทำไว้ อยากให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัว”
“หรือเจ้า...คิดถึงท่านพ่อท่านแม่ของข้าด้วย”
เพราะเห็นว่ากู่กวงซิวและหลี่เฟยอยู่กันเพียงลำพังในจวนหลังใหญ่ มันคงจะน่าเศร้ามากหากโจวโซวเชินต้องพรากบุตรสาวที่รักของพวกเขาไป
กู่เสี่ยวถิงยืดตัวแล้วหอมแก้มของชายหนุ่ม “ทำไมเจ้าน่ารักอย่างนี้นะ”
“ท่านด้วย” โจวโซวเชินโน้มหน้าลงจูบริมฝีปากบางนั้น “ห้ามชมใครนอกจากข้า เข้าใจหรือไม่”
กู่เสี่ยวถิงหัวเราะเสียงใส ยื่นมือหยิกไปที่แก้มของโจวโซวเชิน “เจ้าเองก็ห้ามน่ารักกับใครแบบนี้เหมือนกัน เข้าใจหรือไม่”
ทั้งคู่ต่างยิ้มและหัวเราะให้แก่กัน ขณะโจวโซวเชินรั้งตัวหญิงงามเข้ามาในอ้อมแขน จุมพิตสาบานจะรักเพียงนาง ปกป้องนาง และซื่อสัตย์ต่อนางเพียงผู้เดียวตลอดไป
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน พืชพันธุ์ไม้ผลิบาน ความอบอุ่นตลบอบอวลเฉกเช่นงานรื่นเริงของสองคู่รักที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
ผู้คนร่วมเฉลิมฉลอง ดื่มอวยพรให้สองบ่าวสาวรักกันยืนยาว มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง แบ่งปันทุกข์สุขและร่วมฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน
เจ้าสาวในชุดแดงสง่าแลกสุรามงคลกับเจ้าบ่าว ความสุขของคู่แต่งงานใหม่เปี่ยมล้นไหลเวียนอยู่ในใจ ผ้าแดงถูกดึงออก เผยให้เจ้าบ่าวได้พิจารณาความงามของเจ้าสาวได้อย่างเต็มตา
หากจะบอกว่าสิ่งใดงามที่สุด โจวโซวเชินคงจะตอบว่า กู่เสี่ยวถิงของเขานั่นงามเกินสิ่งใดในใต้หล้า
แสงเทียนส่องสว่างวูบไหว ม่านเตียงถูกปลดลง สองร่างแนบชิดในค่ำคืน สัมผัสแลกเปลี่ยนไออุ่นซึ่งกันและกัน จุมพิตไล่เชยชิมเรือนร่างขาวเนียนอย่างอ่อนโยน
“ซะ...โซวเชิน” กู่เสี่ยวถิงถูกปลุกเร้าจนร่างกายรุ่มร้อนไปหมด นางกัดริมฝีปากแน่น บิดเกร็งตัวด้วยความสัดเสียว
“หากเจ็บให้บอกข้านะ”
กู่เสี่ยวถิงหวีดร้อง ตัวสั่นกระตุกขึ้นมา เท้าจิกเกร็ง รู้สึกช่วงล่างของตนจะฉีกขาดอย่างไรอย่างนั้น
“เจ็บมากหรือไม่” โจวโซวเชินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง โน้มหน้าจูบปลอบโฉมงาม ทว่าตัวเขาเองก็รู้สึกอึดอัดทรมานไม่ต่างกัน
“ข้าไหว” กู่เสี่ยวถิงเอ่ยเสียงสั่น
สะโพกสอบค่อยๆ ขยับเข้าไปช้าๆ ลิ้นหนาโลมเลียและเคล้นคลึงที่สองเต้างามเพื่อให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
กู่เสี่ยวถิงไม่ได้รู้สึกเจ็บมากเท่าตอนแรก ยิ่งถูกบุรุษปรนเปรออย่างหนักหน่วงด้วยแล้ว ความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ปรารถนาอย่างรวดเร็ว
ร่างกายทั้งสองกอดเกี่ยวรุ่มร้อนดั่งเปลวเพลิง เสียงเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดสลับกับเสียงหอบหายใจเป็นระยะ
“อือ โซวเชิน ข้ารู้สึกแปลกๆ”
“เจ็บหรือ”
“มะ...ไม่ มัน...อือ อ่า”
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกดึงขึ้นไปในอากาศ สูงขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายจะขึ้นไปถึงสวรรค์ก็มิปาน หญิงสาวครวญครางเสียงหวาน สองขาถูกจับให้เกี่ยวกับสะโพกของบุรุษไว้พร้อมรับแรงที่กระแทกเข้าใส่ไม่ยั้ง
กู่เสี่ยวถิงแอ่นสะโพก ยกตัวกอดโจวโซวเชินไว้แน่น จังหวะเดียวกันก็รับรู้ถึงของเหลวบางอย่างที่ถูกฉีดอัดเข้ามาเต็มช่องท้อง
“หึ่มมม” โจวโซวเชินครางเสียงต่ำ กอดตอบกู่เสี่ยวถิงไว้แน่น รู้สึกตัวเบาสบายเต็มไปด้วยอารมณ์สุขสมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เสี่ยวถิง” เสียงแหบพร่ากระซิบ “อีกรอบได้หรือไม่”
กู่เสี่ยวถิงทำหน้ามุ่ยจ้องหน้าโจวโซวเชิน แต่ไม่รู้ทำไมยามที่นางทำหน้าเช่นนี้จึงดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า จับนางกดลงบนเตียงอีกครั้ง
“ใจคอเจ้าจะไม่ให้ข้าพักเลยหรือไง!”
“ท่านจะได้พัก แต่ยังไม่ใช่คืนนี้”
ความจริงมารดาได้ย้ำเตือนกับกู่เสี่ยวถิงแล้วว่าคืนเข้าหอจะต้องเตรียมรับศึกหนัก และอาจเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าพ้นช่วงข้าวใหม่ปลามัน ยิ่งขัดขืนหรือไม่ยินยอม ยิ่งเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่ไปเร่งความต้องการของสามีให้โหมกระหน่ำมากขึ้น
กู่เสี่ยวถิงเชื่อฟังคำสอน นางไม่ต่อต้านและให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ไฉนเลยกลับกลายเป็นว่าโจวโซวเชินเข้าใจผิด คิดว่ากู่เสี่ยวถิงต้องการเขาจนไม่หยุดหย่อนเรื่องบนเตียงเสียอย่างนั้น
หลายครั้งหญิงสาวจึงแอบหนีไปยังเรือนของสกุลหวง แต่มิวายถูกตามกลับ และคืนนั้น... นางก็ต้องเหนื่อยหนักเป็นสองเท่า
“ข้าไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ข้าจะรักใครได้มากเท่าท่าน”
กู่เสี่ยวถิงหัวเราะแล้วตอบกลับสามี “ข้าก็รักเจ้ามาก แต่ข้าชนะ เพราะข้ารักเจ้าก่อน”
“ยอมฮูหยิน” โจวโซวเชินอุ้มตัวภรรยาขึ้นมานั่งบนตัก เกยคางบนไหล่พลางลูบหน้าท้องแบนราบของนางไปด้วย “เมื่อไรเสี่ยวถิงน้อยจะมาเสียทีนะ”
“แต่ข้าอยากได้โซวเชินน้อยมากกว่า”
“ขอเสี่ยวถิงน้อยก่อนไม่ได้หรือ”
“ไหนว่ายอมข้าไง” กู่เสี่ยวถิงบ่นอุบ
โจวโซวเชินผงกศีรษะยกธงขาวยอมแพ้ ก่อนรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจะค่อยๆ ผุดขึ้นแล้วอุ้มพากู่เสี่ยวถิงไปที่เตียงนอน “เช่นนั้นต้องรีบแล้ว ทั้งเสี่ยวถิงน้อยและโซวเชินน้อยกำลังรออยู่”
กู่เสี่ยวถิงกำลังจะอ้าปากท้วง แต่โจวโซวเชินกลับชิงพูดก่อน “ฮูหยินอู้เช่นนี้ มิกลัวลูกๆ จะโกรธหรือ”
อ้างลูกอยู่ได้ สามีเจ้าเล่ห์!
“ได้!” กู่เสี่ยวถิงเอ่ยพร้อมคล้องแขนรอบคอแกร่ง เอ่ยเสียงยั่วเย้า “มาดูกันว่าข้าจะทำเจ้าหมดแรงได้หรือไม่”
ไม่นานเกินรอ ในช่วงต้นฤดูร้อนของปีนั้นเอง ก็มีข่าวดีมาเยือนจวนกู่ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์แรก พยานรักของกู่เสี่ยวถิงและโจวโซวเชินกำลังจะถือกำเนิด สร้างความปีติยินดีแก่ญาติพี่น้องและมิตรสหายเป็นอย่างมาก
คนทั้งคู่ทอดสายตาไปยังดวงอาทิตย์อัสดงที่กำลังลาลับขอบฟ้า วันเวลาแห่งความสุขของอีกวันจบลง พร้อมเตรียมรับกับความสุขที่จะมาถึงในวันรุ่งขึ้น