ตามติดเป็นปลิง

2104 Words
“ปกติก็เห็นทำเองได้ไม่ใช่หรือไง” อวี่เยียนตอบพลางหันไปสนใจกับการจุดเตาไฟต่อ “วันนี้ทำไม่ไหว” มู่เหวินจิ้งยังไม่เลิกตื๊อ “งั้นรอตอนเย็นข้ากลับมาจะเช็ดตัวให้ ตอนนี้ไปนั่งรอกินข้าวก่อนเถิด ข้าต้องเอาเสื้อผ้าไปซักที่ลำธารด้วย” “ข้าไปด้วย” อวี่เยียนตวัดสายตามอง นับวันอีตาพระเอกนี่ชักจะทำตัวแปลกๆ แรกพบผลักไสนางแทบเป็นแทบตาย ไฉนมาตอนนี้ถึงเกาะติดนางเป็นปลิงเช่นนี้ได้ “ไม่ต้อง รออยู่ที่เรือนนี่แหละ” อวี่เยียนไม่สนใจใบหน้าบูดบึ้งของมู่เหวินจิ้ง ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมอาหารอย่างเร่งด่วน กระทั่งทั้งคู่อิ่มแล้ว อวี่เยียนจึงจัดการเก็บถ้วยชามแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตนและมู่เหวินจิ้ง หญิงสาวกลับออกมาพร้อมตะกร้าใบใหญ่ซึ่งใส่รวมเสื้อผ้าของคนทั้งคู่ไว้ “เอ๊ะ เจ้า! ข้าบอกว่า-“ “ข้าเดินไปเองได้ ไม่เป็นภาระเจ้าแน่นอน” อวี่เยียนถอนหายใจ เหลือบมองมู่เหวินจิ้งที่ยืนคอยนางอยู่หน้าประตู หน้าตาบุรุษเรียบเฉย มือหนึ่งกำไม้เท้าไว้แน่น “ตามใจ หากล้มขึ้นมาข้าไม่รู้ด้วยนะ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เอาเข้าจริงอวี่เยียนก็อดที่จะเหลียวหลังกลับมามองไม่ได้ ทางเดินขรุขระ เต็มไปด้วยก้อนหินดินโคลนเปียกแฉะ ขนาดผู้ที่มองเห็นทุกอย่างแจ่มชัดอย่างนางยังไม่แน่ว่าจะไม่ลื่นล้มหัวทิ่ม “ระวังนะ ตรงนั้นมันลื่น” อวี่เยียนร้องเตือน มู่เหวินจิ้งใช้ไม้เท้าจิ่มๆ ไปที่ดิน จากนั้นเลื่อนมาจิ่มทางซ้าย หัวคิ้วขมวดมุ่นเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะเดินไปทางไหนดี อวี่เยียนพ่นลมหายใจอย่างหมดทางเลือก “เจ้าอย่าเพิ่งขยับ ยืนอยู่เฉยๆ” อวี่เยียนรีบวิ่งเอาตะกร้าไปวางที่ลำธารด้านล่างก่อนรีบวิ่งกลับมาหามู่เหวินจิ้งที่ยืนคอยนิ่งตามคำสั่ง “จับแขนข้าไว้ ระวังด้วย” มู่เหวินจิ้งขานรับในลำคอ เขาถูกอวี่เยียนพามานั่งยังโขดหินข้างลำธาร สายลมอ่อนพัดพากลิ่นหอมชวนทำใจให้สั่นไหว ซึ่งปกติแล้วประสาทรับรู้ทุกอย่างของมู่เหวินจิ้งนับว่าล้ำเลิศนักในยุทธภพ อาจเพราะเคยร่วมรบในสงครามมามากมายทำให้ตื่นตัวกับสิ่งโดยรอบได้ง่าย ถึงคราแรกที่ล้มป่วยทุกอย่างพลันหยุดชะงักนิ่ง แต่เมื่อร่างกายเริ่มกลับมาฟื้นฟู ทุกอย่างก็ดูคล้ายจะเข้ารูปเข้ารอย “หมู่ตาน” “หือ เจ้าว่าอะไรนะ” “กลิ่นตัวเจ้า...คล้ายดอกหมู่ตาน” ใบหน้างามแดงก่ำ รีบกระโดดย้ายตำแหน่งไปยืนอยู่ทางด้านหลังทันที “นะ...นี่เจ้าแอบดมตัวข้าหรือ ทำไมทำเรื่องไร้มารยาทเช่นนี้” “แอบดมอะไร กลิ่นมันลอยเข้าจมูกข้าเองตั้งหากเล่า” อวี่เยียนอ้าปากค้าง เขาพูดอย่างกะเป็นความผิดนางอย่างนั้นแหละ! หญิงสาวทั้งโกรธทั้งอับอายยิ่งนัก สตรีใดจะชอบให้บุรุษมาดอมดมและวิจารณ์กลิ่นตัวของตนกัน มู่เหวินจิ้ง...เจ้ามันร้ายกาจนัก! “ข้าชอบนะ เป็นดอกไม้ที่ข้าชื่นชอบมากที่สุด” อวี่เยียนที่กำลังลากตะกร้าผ้ามานิ่งอึ้ง ชำเลืองมองมู่เหวินจิ้งที่นั่งยืดตัวตรงอย่างกับเป็นเทพเซียน หากมีเครายาวร่วมด้วยนี่คงจะน่าเลื่อมใสโดยแท้ มุมปากคล้ายยกยิ้มเล็กน้อยทำอวี่เยียนทำตัวไม่ถูกไปชั่วครู่ มู่เหวินจิ้งไม่ได้รบกวนการซักผ้าของอวี่เยียน เขาเพียงนั่งเงียบๆ หลับตาลงรับรู้ถึงไอแดด เสียงนกร้อง สายลมและกลิ่นกายหอมหวานของสตรีเท่านั้น อวี่เยียนบิดผ้าตัวสุดท้าย สะบัดสองสามทีและโยนใส่ตะกร้า นางยืดตัวลุกขึ้นบิดเอวไปมา “เสร็จแล้วหรือ” “อืม กลับกันเถิด” มู่เหวินจิ้งผงกศีรษะ ลุกขึ้นพร้อมแบมือออกทั้งสองข้าง อวี่เยียนทำหน้างง “อะไร” “เอาตะกร้ามา ช้าจะถือ เจ้าจะได้จูงข้ากลับเรือน” อวี่เยียนร้อง อ้อ เข้าใจ นางเดินเข้าไปใกล้พลางยัดตะกร้าผ้าใส่มือบุรุษ แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ก้าวขาเดิน ใครบางคนพร้อมลูกสมุนพลันวิ่งเข้ามาดักหน้าพวกเขาไว้เสียก่อน ลั่วจินกั่ว! “แหม่ๆ ไอ้เราก็หลงนึกว่าเยี่ยนเอ๋อร์เป็นสตรีขี้อาย ไม่สนใจเรื่องบุรุษเพศเสียอีก มาเห็นแบบนี้...ไม่เบาเหมือนกันนะ” “พี่จินโปรดหลีกทาง ข้าจะกลับเรือนแล้ว” ลั่วจินกั่วหัวเราะ ยื่นมือออกมาหมายจะเชยคางมนขึ้น ทว่าก็ถูกอวี่เยียนปัดมือออกทันที “ใครหรือ” มู่เหวินจิ้งกล่าวถาม ลั่วจินกั่วจึงเบนสายตามาทางเขา พิจารณารูปลักษณ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อเห็นว่าท่าทางของชายผู้นี้ดูนิ่งพิลึกจึงยกมือขึ้นโบกไปมาอยู่บริเวณใบหน้า นิ่งสงบ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา “นี่...เจ้าตาบอดหรือ” ลูกสมุนที่อยู่ทางด้านหลังรีบวิ่งเข้ามาดูเช่นกัน ทุกคนเริ่มหัวเราะ ล้อเลียนดวงตาที่พิการของมู่เหวินจิ้งราวกับเป็นเรื่องสนุกสนาน “เงียบนะ!” เป็นอวี่เยียนที่ทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ออกมา นางผลักพวกลูกสมุนของลั่วจินกั่วให้ออกห่าง ขณะก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้ามู่เหวินจิ้ง ยกแขนขึ้นไม่ให้พวกอันธพาลเข้าใกล้เขา “เยี่ยนเอ๋อร์ ทำไมเจ้าต้องปกป้องมันด้วย ชายพิการไม่มีอะไรให้ชื่นชอบเลยสักนิด หรือเพราะเจ้าเห็นมันหล่อหรือไร หลับนอนกับมันแล้วละสิถึงแสดงท่าทางเช่นนี้กับข้า” “ทำไมความคิดของท่านมันถึงสกปรกนักนะ น่าทุเรศที่สุด!” “ว่าอย่างไรนะ! นะ...นี่เจ้ากล้าด่าข้าหรือ” ลั่วจินกั่วเค้นเสียงหัวเราะ จ้องมองอวี่เยียนด้วยความขัดเคือง “ถึงข้าจะถูกใจเจ้ามากแค่ไหน แต่ใช่ว่าจะยอมเจ้าไปเสียทุกเรื่อง อย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องมาเป็นเมียข้า” ลั่วจินกั่วหันไปพยักหน้ากับชายสี่คนทางด้านหลัง ให้พวกเขามาช่วยลากตัวอวี่เยียนกลับไปด้วยกัน “นี่พวกเจ้าคิดจะลักพาตัวข้าหรือ ลั่วจินกั่วเจ้าคนสารเลว! ออกไปนะ! อย่ามาแตะต้องตัวข้า!!” อวี่เยียนก้าวถอยจนแผ่นหลังปะทะกับอกของคนด้านหลัง และวินาทีนั้นมือแกร่งพลันรวบเอวของนางให้แนบชิดติดกับตัวเขา ตะกร้าผ้าถูกโยนใส่พวกของลั่วจินกั่วพร้อมใช้เท้าเตะเอาไม้เท้าที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมา มู่เหวินจิ้งสะบัดไม้ใส่กลุ่มชายอันธพาล เหวี่ยงไปมาราวกับไม้นั่นเป็นกระบี่ด้ามยาว ฟาดฟันและตีใส่ไม่ยั้ง เอียงตัวหลบหมัดที่สวนมาอย่างง่ายดายก่อนตอบโต้จนลั่วจินกั่วและพรรคพวกจำต้องล่าถอย ทว่าไม่แคล้วหันกลับมาตวาดเสียงดัง “มันไม่จบง่ายๆ เช่นนี้แน่ ข้าจะต้องเอาเจ้ามาเป็นเมียให้ได้!” มู่เหวินจิ้งกัดฟันกรอด เขวี้ยงไม้เท้าไปยังต้นเสียง และปึก! กระทบกลางศีรษะพอดี ลั่วจินกั่วสลบหัวทิ่มปักกองขี้เลน ชายสี่คนที่วิ่งตามอยู่ด้านหลังร้องอุทานด้วยความตกใจ รีบหามตัวลูกพี่ของตนหนีโดยไว “นึกว่าจะแน่” มู่เหวินจิ้งพึมพำ ก่อนจะคลายอ้อมกอดของตนและก้มหน้าถามเสียงแผ่วเบา “เป็นอะไรหรือไม่” อวี่เยียนยืนนิ่ง แทบไม่อยากเชื่อสายตาว่ามู่เหวินจิ้งจะจัดการไล่อันธพาลพวกนั้นไปได้ ขนาดว่าตาบอดยังเก่งขนาดนี้ หากหายเป็นปกติ...แค่คิดอวี่เยียนก็ขนลุกไปทั้งตัว “ข้าไม่เป็นไร ขอบใจนะ” อวี่เยียนเหล่ตามองกองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น พลางจิปากด้วยความเบื่อหน่าย โธ่...ต้องซักใหม่อีกรอบหรือนี่ มู่เหวินจิ้งนั่งรออวี่เยียนต่ออีกสักพัก ทว่ากลับไม่ได้นั่งสบายใจเหมือนเดิม ท่าทางล่อกแล่กราวกับกำลังนั่งเฝ้าระวังภัยอย่างไรอย่างนั้น ตะวันคล้อยมาตรงศีรษะแล้ว ทั้งสองพากันเดินกลับมาที่เรือน ทานอาหารกลางวันและหมกตัวอยู่ในแปลงผักจนเย็น “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” “เอ๊ะ ปะ...เปล่าเป็นอะไรนี่” ตั้งแต่กลับมาจากลำธาร มู่เหวินจิ้งก็สัมผัสได้ถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของอวี่เยียน นางระวังตัวและรักษาระยะห่างจากเขา เมื่อถูกสัมผัสตัวก็จะสะดุ้งโหยงตกใจจนเกินเหตุ “เจ้าเหมือนกลัวข้า ข้าทำอะไรให้เจ้ากลัวงั้นหรือ” อวี่เยียนอึกอัก นางนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในนิยาย มู่เหวินจิ้งเป็นชายชาตินักรบใจคอโหดร้าย เสาะแสวงหาเพียงอำนาจและความรุ่นโรจน์เพื่อตนเอง แม้อวี่เยียนในเรื่องจะพยายามมอบความรักความเอาใจใส่แก่ชายผู้นี้แค่ไหนก็ไม่อาจทลายกำแพงน้ำแข็งในใจได้ ไม่เพียงไม่เคยออกหน้าปกป้องภรรยาของตน แต่ยังกระทำย่ำยีร่างกายและจิตใจนางสารพัด กระทั่งความจริงเรื่องชาติกำเนิดของอวี่เยียนถูกเปิดเผย มู่เหวินจิ้งกลับไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่สังหารบิดาของนาง เมื่อตัดหัวมังกรได้สำเร็จก็ร่วมดื่มฉลองต่อชัยชนะของตนอย่างไม่คิดถึงความรู้สึกของภรรยา กระทั่งนางจบชีวิตของตัวเอง มู่เหวินจิ้งก็หาได้รู้สึกเสียใจไม่ ช่างเป็นชายที่ไร้หัวจิตหัวใจจนไม่อยากเข้าใกล้ ใจดำอำมหิตนัก! “ข้าวางถังไม้และผ้าเช็ดตัวไว้ตรงนั้น” “ไหนเจ้าบอกจะเช็ดตัวให้ข้า” “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” “ข้าทำอะไรผิดงั้นหรือ” “...” “เจ้ายังอยู่หรือไม่” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ มู่เหวินจิ้งก็ก้มหน้าเศร้า แม้จมูกจะยังได้กลิ่นหอมๆ ทำให้รู้ว่าอวี่เยียนไม่ได้เดินออกไปไหนก็ตามที ทว่ากลับรู้สึกว่านางอยู่ห่างเกินมือจะเอื้อมถึง “ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ ข้า...ข้าขอโทษ” อวี่เยียนตัวแข็งทื่อในทันใด นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มู่เหวินจิ้งขอโทษข้าหรือ? มือใหญ่คว้านหาถังไม้และผ้าเพื่อมาเช็ดชำระกาย เสื้อตัวนอกถูกถอดออก เผยให้เห็นกล้ามอกและหน้าท้องเนื้อแน่น อวี่เยียนลอบกลืนน้ำลาย ใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย การกระทำของมู่เหวินจิ้งราวกับกำลังยั่วเย้าอวี่เยียนอยู่อย่างไรอย่างนั้น สีหน้าและการถูผ้าไปบนเรือนร่างนั้น มันช่าง... อ๊าก!!! ทนไม่ไหวแล้ว อวี่เยียนวิ่งกระโจนออกจากห้องไปอย่างเร็ว มู่เหวินจิ้งหลุดหัวเราะ ฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งหญิงสาว หัวใจของอวี่เยียนเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก ยามปกติก็ว่ามีเสน่ห์มากอยู่แล้ว ยิ่งถอดเสื้อและทำท่าทางเช่นนั้น สู้เอามีดมาแทงนางเลยดีกว่า! ผ่านไปครู่ใหญ่หลังจากปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อย อวี่เยียนจึงค่อยย่องมาดูมู่เหวินจิ้งที่ห้อง เห็นคนตัวใหญ่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงก็ถอนหายใจเบาๆ อวี่เยียนเดินเข้ามาตรวจดูหน้าต่างและดับไฟที่ตะเกียง แต่ขณะกำลังจะเดินออก ปลายเท้ากลับสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มของอะไรบางอย่าง เมื่อก้มลงหยิบขึ้นมาดูจึงพบว่าเป็นผ้าห่ม ทำไมผ้าห่มมาอยู่ตรงนี้? อวี่เยียนชำเลืองมองไปทางมู่เหวินจิ้ง เห็นบุรุษนอนคุดคู้อยู่บนเตียงก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อครู่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขานอนห่มผ้า แต่แล้วทำไม... ด้วยเพราะไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแผนการเจ้าเล่ห์หลอกกินเต้าหู้นางแต่อย่างใด ร่างเล็กที่กำลังห่มผ้าให้บุรุษพลันถูกดึงเข้าไปกอดทันที “ปล่อยข้านะ! มู่เหวินจิ้ง! ปล่อยสิ!” มู่เหวินจิ้งยกยิ้ม กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ซุกหน้าลงข้างซอกคอของคนตัวเล็ก สูดกลิ่นหอมที่ตนโปรดปราน กระซิบบอกอวี่เยียนเบาๆ “ขอนอนแบบนี้สักคืน แล้วข้าสัญญาจะไม่กวนใจเจ้าอีก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD