"ฉันเข้าไปได้มั้ย" น้ำเสียงเย็นๆ น่าเกรงขามเอ่ยถามเจ้าของบ้าน มีหรือที่พิมพ์ดาวจะปฏิเสธ ประตูถูกเปิดกว้างขึ้นเป็นคำตอบ เธอเพิ่งจะเคยเห็นแม่ของคนรักแบบตัวเป็นๆ ก็วันนี้ ก่อนหน้าเคยเห็นเพียงผ่านๆ จากจอทีวีบ้าง ผู้หญิงที่ผู้คนต่างร่ำลือกันถึงความทรงอิทธิพลในแวดวงไฮโซก็เห็นจะจริง ใบหน้าเรียบนิ่งจนไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ถูก สายตาคมๆ ที่ส่งมาทำให้เธออยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น หล่อนยังดูสาวเกินไปสำหรับคำเรียก 'คุณหญิง' ที่หากใครๆ ได้ยินต้องคิดว่าหล่อนคงเป็นหญิงแก่ ทรงผมโบราณ ใบหน้าฉาบไปด้วยเคื่องสำอางหนาเตอะ ใส่ชุดผ้าทรงล้าสมัย แต่ผู้หญิงคนนี้กลับตรงกันข้าม หล่อนยังดูกระฉับกระเฉง กายแต่งกายดูสมกับฐานะ ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยแต่รวมๆ แล้วหล่อนน่ามอง คุณหญิงศศิ และคนสนิท เดินเข้ามาภายในบ้านพิมพ์ดาวอย่างไม่รีบเร่งนัก สายตาสำรวจสอดส่องไปทุกอนู ก่อนจะหันมาบอกเจ้าของบ้าน
"บ้านเล็กแต่ก็สะอาดสะอ้านดี" ทำให้พิมพ์ดาวยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งอก ต่างกับพิณตราที่แสดงสีกน้าไม่พอใจออกมา
"ฉันต้องการคุยกับพิณตราเพียงลำพัง" ประโยคบอกเล่าแสนธรรมดาที่ฟังแล้วมันคือคำสั่งกลายๆ พิมพ์ดาวรีบอำนวยความสะดวกเปิดห้องรับแขกอีกฟากของบ้านให้แม่ลูกได้ใช้ จริงๆ แล้วบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เล็กอย่างที่ผู้มาเยือนได้บอกกลับใหญ่เกินไปด้วยซ้ำสำหรับคนสามคน แต่เพราะไม่ได้เปิดใช้ทุกห้องแต่เพียงใช้สอยเฉพาะบางส่วนของบ้านเท่านั้น
"ฉันสั่งให้เธอกลับบ้าน" คำพูดเหลืออดของคนเป็นแม่แว่วดังออกมาจากห้องรับแขก ภายนอกมีผู้ติดตามผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวยืนคุมอยู่หน้าประตูราวกับหล่อนเป็นหุ่นยนต์ แม้จะร้อนรนและเป็นห่วงคนข้างในมากแค่ไหนก็ได้แต่อยู่ห่างๆ
"ไม่ค่ะ พิณอยู่แบบนี้ดีอยู่แล้ว จะให้พิณกลับไปทำไม พิณไม่อยากกลับไปเป็นเครื่องมือให้แม่อีกแล้ว" ที่ผ่านมาเธอยอมทำตามคำสั่งของคนเป็นแม่ทุกอย่าง ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ไม่ว่าแม่จะสั่งอะไรเธอก็ยินดีทำตามอย่างไม่ขัด
"เดี๋ยวนี้กล้าขัดคำสั่งฉัน เพราะนังนั่นใช่มั้ย" ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้ว่าใครที่คนอายุมากเอ่ยถึง
"ไม่ใช่! " พิณตราเสียงดังกลับอย่างไม่พอใจ ไม่พอใจที่คนเป็นแม่ใช้คำเรียกดูถูกและกำลังจะว่าร้ายพิมพ์ดาว
"หึ! คงเป็นมันจริงๆ " คุณหญิงศศิเค่นยิ้มออกมาอย่างรู้ทันลูกสาว
"อย่ายุ่งกับพี่ดาวนะ" พิณตราข่มอารมณ์โกรธ
"แกคิดจะจริงจังกับมันจริงเหรอ คิดว่ามันจะไม่ทิ้งแกและทำให้แกเสียใจแน่เหรอ" นึกย้อนไปถึงเหล่าบรรดาแฟนเก่าของตัวเองที่บเพียงไม่นาน ก็ต้องเลิกลาเพราะทนเด็กสาวไม่ไหว มีหรือที่คนเป็นแม่อย่างคุณหญิงศศิจะปล่อยไว้ ด้วยอิทธิพลของสามีและอำนาจเงินที่มี ผู้หญิงเหล่านั้นไม่เจ็บปางตายก็พิการ โทษฐานมาทำให้ลูกสาวเธอเสียใจแถมคนเป็นลูกยังเห็นดีเห็นงามด้วยอีก
"แม่จะกลับมาทำไม ชีวิตพิณกำลังจะดีอยู่แล้ว อย่าดึงพิณกลับไปตกต่ำเหมือนเดิมอีกได้มั้ย"
"แกกล้าพูดว่าตอนนี้ชีวิตแกดีเหรอ บ้านหลังเก่าซอมซ่อแบบนี้แถมยังต้องตระเวนทำงานหามรุ่งหามค่ำ แล้วอีกอย่างนังนั่นก็ไม่ใช่สาวสวยแถมยังมีลูกติดด้วยซ้ำ แกคิดว่ามันจะไปรอดเหรอ"
"เรารักกัน" คนเป็นลูกโพล่งออกมา
"โถ! เก็บคำพูดของแกเอาไว้หลอกเด็กอมมือเถอะ แค่รักกันอย่างเดียวมันกินไม่ได้"
"ฉันจะให้เวลาแกตัดสินใจอีกสองอาทิตย์ แกเลือกได้ว่าจะไปใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนเมื่อก่อนหรือจะอยู่แบบนี้เหมือนตายทั้งเป็น เพราะฉันไม่รับรองความปลอดภัยของสองแม่ลูกนั่น" พูดจบก็ลุกออกจากบริเวณนั้นไม่สนใจพิณตราที่นั่งตัวแข็งทื่อไม่ขยับ
"ยินดีที่ได้เจอนะ หวังว่าจะได้พบกันอีก" รอยยิ้มเย็นๆ ของคุณหญิงศศิ ถูกส่งให้พิมพ์ดาวที่ยืนขนลุกซู่ เธอคงต้องรับศึกหนักแน่นอน ทั้งน้องนนท์และพิมพ์ดาวต่างรีบเดินไปหาพิณตราในห้องรับแขกแต่ไม่พบจึงเดินขึ้นห้องทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบความว่างเปล่าแต่ได้ยินเพียงเสียงดังออกมาจากตู้เสื้อผ้า
"พิณ/พี่พิณ" สภาพพิณตรานั่งกอดเข้าร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับเด็ก
"พิณกลัว" พิณตราละล่ำละลั่กอยู่ภายในอ้อมกอดของสองแม่ลูก
"เราไปจากที่นี่ได้มั้ย หนีไปจาที่นี่กันเถอะ" หากมีแค่ตัวเธอคนเดียวไร้สถานะหรือความผูกพันใดๆ กับสองแม่ลูกนี้ เธอคงดีใจที่แม่กลับมาหาเธอและพยายามชวนให้กลับไปอยู่ด้วยเพราะสถานการณ์ทางการเงินของที่บ้านถูกคลี่คลายและกลับมาร่ำรวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ จากวิธีเดิมๆ ที่คนเป็นแม่เลือกใช้ ตั้งแต่จำความได้แม่เธอเปลี่ยนสามีเป็นว่าเล่นหลังจากหย้าขาดจากพ่อของเธอ ไม่นานคนเป็นพ่อก็เสียชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เหตุการณ์ตอนเขาใช้ปืนจ่อศีรษะและเหนี่ยวไกวนกลับมาในหัวเธออีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ความทรงจำในวัยเด็กบางชาวงของเธอขาดหายไป
"ผมไปเก็บกระเป๋าก่อนนะแม่ดาว" ไม่รู้จะปลอบใจคนเป็นพี่ที่เอาแต่ร้องไห้อย่างไรรู้เพียงว่าการทำตามที่หล่อนบอกอาจจะช่วยให้อาการร้องไห้ฟูมฟายเบาบางลงได้บ้าง ส่วนพิมพ์ดาวก็ไม่ขัดลูกชาย
"บอกพี่ได้มั้ยคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น" คนพี่พยายามพูดกับคนที่ตอนนี้สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว
"พิณจำได้แล้ว พิณจำได้ทุกอย่าง พิณรู้แล้วทำไมพิณถึงเป็นแบบนี้" ความทรงจำวัยเด็กที่ขาดหายไปถูกถ่ายทอดออกมาจากปากเด็กสาว ตอนนั้นพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยถึงขั้นมหาเศรษฐีติดอันดับหนึ่งของประเทศ เขามีธุรกิจมากมาย สามารถเลี้ยงดูลูกเมียและปรนเปรอความสุุขพวกเธอด้วยเงินทอง แต่กว่าเขาจะมีเงินทองและมีหน้ามีตาขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นานหลายสิบปี และก็ได้มาพบรักกับแม่ของเธอที่อายุน้อยกว่าเขาหลายรอบ ด้วยความยังสาวและสวยทำให้หล่อนไม่รู้จักคำว่าพอในกาม เมื่อสามีทางกฎหมายให้ความสุขไม่ได้ ระหว่างที่คนเป็นพ่อไปทำงาน คนเป็นแม่ก็พาผู้ชายมามั่วกามอยู่ที่บ้านไม่เลือกหน้า ภาพผู้ชายเข้ามาแวะเวียนมากหน้าหลายตาอยู่ในสายตาของคนเป็นลูกอย่างไม่นึกปิดบัง สามีตัวจริงนึกระแคะระคายเพราะมีเพื่อนฝูงตักเตือนแต่ก็พยายามจะเชื่อใจจนถึงที่สุด จนวันหนึ่งที่เขาได้เห็นกับตาผู้ชายที่กำลังเสพสุขบนตัวภรยาตัวเองอยู่คือคนสวน เขาขอหย้าขาดทันทีและพร้อมจ่ายเงินตามที่คนเป็นแม่เรียกร้องอย่างไม่อิดออดจนเขาแทบจะหมดตัว เพราะหล่อนนำลูกมาอ้าง ซึ่งเขาไม่อาจจะปฏิเสธได้ การฆ่าตัวตายก็มาจากเหตุผลหลักคือภรรยา หลังจากนั้นคุณหญิงศศิก็เปลี่ยนสามีไปเรื่อยแต่ผู้ชายเหล่านั้นต้องกระเป๋าหนักเท่านั้น จนคนที่ทำให้เธอต้องล้มละลายกลับเป็นผีพนันพากันล้างผลาญสมบัติที่มี และล่าสุดคราวนี้เธอเดาไม่ยากเลยว่าทำไมคนเป็นแม่ถึงกลับมาล่ำซำอีกครั้งถ้าไม่มาจากวิธีเดิมๆ สงสารก็แต่ผู้ชายที่มาเป็นเหยื่อ พิณตราเล่าเพียงเรื่องในอดีตให้คนพี่ฟัง ไม่กล้าเล่าเรื่องที่คนเป็นแม่เสนอ กลัวว่าพิมพ์ดาวจะเครียดและกลัวไปด้วยเหมือนกับเธอ
"ผมพร้อมแล้วครับ" หนุ่มน้อยแบกกระเป๋าใบโตภายในบรรจุเสื้อผ้าตัวเก่งไว้ด้วยเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนทั้งค่ซึ่งก็ทำให้น้องนนท์ทำหน้างงงวย สำหรับพิณตราการระบายออกมาบ้างก็ทำให้อาการเธอดีขึ้น ส่วนพิมพ์ดาวแม้อยากจะรู้เรื่องของคนเป็นแม่ที่มาหาคนรักในวันนี้มากเท่าไหร่ก็ต้องเก็บไว้ภายในใจไม่อยากจะซ้ำซี้เด็กสาวมากนักด้วยอารมณ์คนรักที่ยังไม่ปกติ
"หัวเราะทำไมล่ะ ไหนพี่พิณบอกว่าจะหนี" หนุ่มน้อยหน้ามู่ทู่จนพิณตราทนในความน่ารักของนน้องนนท์ไม่ไหว ผลุดลุกออกมาจากตู้เื้อผ้าเข้ายีหัวเขาทันที
"ไปกินส้มตำกันเถอะป่านนี้เซ็งแย่แล้ว" แกล้งคนน้องจนพอใจแล้วก็พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะรีบวิ่งลงไปในครัว ทิ้งให้สองแม่ลูกพากันอ่อนใจในอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของพิณตรา
เวลาผ่านไปใกล้สองอาทิตย์ตามที่คนเป็นแม่ยื่นคำขาดไว้เต็มที พิณตรายิ่งร้อนรน ตอนแรกก็ดีใจที่แม่ไม่เข้ามาวุ่นวาย คิดว่าคงแค่ขู่แต่วันนี้เธอได้รับข้อความจากเบอร์แปลก พอกดเข้าไปดู มือไม้สั่นทันทีแทบจะทำอะไรไม่ถูก ภาพที่เห็นคือน้องนนท์ถูกจับมัดแขนมัดขา พร้อมข้อความ 'ถ้าไม่อยากเห็นชิ้นส่วนเด็กก็รีบบอกฉันว่า เธออยากกลับบ้าน' ก่อนจะพยายามตั้งสติโทรศัพท์หาพิมพ์ดาว
"น้องนนท์อยู่ไหนคะ"
"อยู่กับพี่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ" น้ำเสียงของพิณตราทำให้ต้องเอ่ยถามออกไป
"พี่อยู่กับน้องตลอดหรือเปล่า"
"ค่ะ แต่เมื่อกลางวันมีคนสนิทของคุณหญิงศศิมาเล่นกับน้องที่บ้านน่ะ เธอน่ารักนะคะฝากของไว้ให้พิณด้วย" คำตอบของคนพี่ทำให้เด็กสาวเบิกตาโพลง
"พี่รีบเอาไปทิ้งเลยนะ แล้วถ้าคนพวกนั้นมาอีก ห้ามให้เข้าบ้านเด็ดขาด" เอยสั่งแค่นั้นก็วางหูไปทันทีทิ้งให้พิมพ์ดาวเอาแต่ยืนงงมองดูถุงกระดาษสีสวยก่อนจะเอาไปเก็บไว้ในตู้แทนที่จะเอาไปทิ้งตามที่คนรักบอก
"อีวา ฉันมีเรื่องจะบอกและขอร้อง" วันนี้พิณตราไม่ได้หยุดเหมือนใครๆ เธอออกมาทำงานแต่เช้าพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว และตัดสินใจเล่าเรื่องที่ค้างคาใจมาเป็นอาทิตย์ให้หล่อนฟัง เพราะเธอมั่นใจว่าคนเป็นแม่กำลังส่งสัญญาณเตือนเพื่อข่มขู่และต่อไปคงไม่ได้ทำแค่ขู่เท่านั้น
"ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอนะ เอาเป็นว่าฉันจะดูแลครอบครัวเธอให้ดีที่สุดตราบที่เงินถึง" หล่อนเอ่ยคิดตลกทิ้งท้ายเพื่อไม่อยากให้เด็กสาวเครียดไปกว่านี้